ท่ามกลางความขัดแย้งทางการเมืองในระบอบรัฐสภา ซึ่งเป็นละครโรงเก่า บทละครเก่าๆ แต่มีผู้เล่นทั้งหน้าเก่าและหน้าใหม่เข้ามาเสริม เป็นละครที่เล่นกี่ครั้งกี่หนก็ได้รับความสนใจจากผู้คน เพราะตัวละครเป็นคนในชนชั้นกลางของสังคม ส่วนใหญ่เป็นชนชั้นกลางค่อนข้างสูงถึงสูงมาก ละครแต่ละฉากละตอนมีผลกระทบต่อชีวิตคนทั้งประเทศ
ท่ามกลางละครเก่าโรงนั้น ก็มีละครเก่าอีกโรง เป็นละครบทเก่า ผู้เล่นมีทั้งหน้าเก่าและหน้าใหม่ แต่เล่นกี่ครั้งกี่หนก็ไม่ค่อยมีใครให้ความสนใจ เพราะตัวละครส่วนใหญ่เป็นคนในชนชั้นล่างถึงล่างสุดของสังคม เป็นคนยากคนจน ไม่มีปากไม่มีเสียง พูดอะไรก็ไม่มีใครสนใจฟัง ละครโรงนี้เกิดขึ้นที่โน่น ที่นี่ ในป่า ริมขุนเขา ในเมือง และในชนบท
เป็นละครชีวิตของคนยากคนจนที่ถูกเอาเปรียบรังแกทั้งจากอำนาจรัฐและอำนาจทุน
การต่อสู้คัดค้านการเวนคืนที่ดินทำกินเพื่อสร้างทางหลวงพิเศษ เส้นทางนครปฐม - ชะอำ ของชาวบ้านดงตาลหลายตำบลในอำเภอบ้านลาด จังหวัดเพชรบุรี คือละครชีวิตฉากเก่าที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าในวันนี้
ความเดิมของเรื่องนี้ มีมานานแล้ว ดูเหมือนตั้งแต่ปี พ.ศ. 2551 ที่กรมทางหลวงพยายามผลักดันโครงการดังกล่าว แต่ถูกคัดค้านอย่างหนักจากชาวบ้านในหลายตำบลของอำเภอบ้านลาด จังหวัดเพชรบุรี เพราะเป็นการทำลายวิถีชีวิตและพื้นที่เกษตรกรรมจำนวนมหาศาลของชาวบ้านลาด ที่สำคัญเป็นการทำลายพื้นที่ดงตาลใหญ่ที่สุด ในจำนวนพื้นที่ดงตาลไม่กี่แห่งที่ยังเหลืออยู่ของประเทศ หากกรมทางหลวงไม่เปลี่ยนเส้นทางของถนนสายนี้ เดินหน้าเวนคืนที่ดินตามแผน อำเภอบ้านลาดจะมีชะตากรรมไม่ต่างจากหลายอำเภอในจังหวัดนนทบุรี ที่ต้องสูญเสียสวนทุเรียนพันธุ์ดีที่สุดของประเทศให้กับหมู่บ้านจัดสรรของนายทุนอสังหาริมทรัพย์ และถนนสายใหญ่ๆ ของรัฐที่ตัดเข้ามา
ทางหลวงพิเศษ เส้นทางนครปฐม – ชะอำ มีระยะทางยาว 119 กิโลเมตร เป็นส่วนหนึ่งของมอเตอร์เวย์ สาย 8 นครชัยศรี - นราธิวาส (สุไหงโก - ลก) พาดผ่านพื้นที่ 41 ตำบล 13 อำเภอ 4 จังหวัด วงเงินลงทุนทั้งสิ้น 79,006 ล้านบาท ช่วงที่มีปัญหาร้องเรียนมากคือช่วงที่ผ่าน 5 ตำบลในอำเภอบ้านลาด คือ ตำบลบ้านทาน ตำบลโรงเข้ ตำบลหนองกะปุ ตำบลไร่สะท้อน และตำบลห้วยลึก ที่ชาวบ้านยังรักษาสินทรัพย์ธรรมชาติของผืนดิน คือ ดงตาล และการเคี่ยวน้ำตาลโตนด ที่สืบทอดกันมาหลายร้อยปี
ในอดีต “ตำนานเพ็ชรบุรี ฉบับราชบุรี พ.ศ. 2368” ก็กล่าวไว้ว่า
“แต่ในกาลปางก่อนดึกดำบรรพ์โพ้น พระนครเพชรบุรี เป็นเมืองมีกษัตริย์สมมุติราช ครอบครองมาเป็นลำดับๆ เป็นเมืองเกษมสารพร้อมสรรพด้วยความสนุกสำราญรื่นรมย์ทุกประการ มั่งคั่งด้วยคุณสมบัติและทรัพย์ศฤงคาร............ ชาวเมืองเกษมสำราญบานใจไพร่ฟ้าหน้าใสทั่วหน้า มีฝูงชนกล่นเกลือนล้นหลามไปทั่วทุกภูมิลำเนา มากมายด้วยชาวเจ้าและพวกพ่อค้านานาชนิดแขกเมืองมาพึ่งพาค้าขายสินค้าใหญ่ที่เป็นประธานทรัพย์นับว่าขึ้นชื่อ ฤๅชา คือ ป่าตาล ดงตาล มีอยู่ทั่วอาณาเขตต์....”
“นิราศเมืองเพชร” ของสุนทรภู่ก็กล่าวไว้ตอนหนึ่งว่า
“ทั่วประเทศเขตแคว้นแดนพริบพรี เหมือนจะชี้ไปไม่พ้นแต่ต้นตาล
ไอ้ที่ทํานํ้าโตนดประโยชน์ทรัพย์ มีดสําหรับเหน็บข้างอย่างทหาร
อีกสองเท้าก้าวตีนปีนทะยาน กระบอกตาลแขวนร้อยห้อยเป็นพวง”
แสดงว่าคนไทยที่เพชรบุรีรู้จักทํานํ้าตาลโตนดมาไม่ตํ่ากว่า 200 ปีแล้ว และถ่ายทอดวิถีชีวิตคนทำน้ำตาลโตนด แบบที่เรียกว่า “ผัวขึ้น เมียเคี่ยว” กันมาจากรุ่นสู่รุ่น โดยอาศัยสินทรัพย์ตามธรรมชาติที่ขึ้นอยู่ตามหัวไร่ปลายนาของตน
แต่กระนั้น กรมทางหลวงก็ดูเหมือนไม่ได้ตระหนักถึงความสำคัญของการดำรงอยู่ของสินทรัพย์ตามธรรมชาติและวิถีชีวิตอันควรปกปักรักษานี้สักเท่าใดนัก มีการตั้งโต๊ะเจรจากับชาวบ้านหลายต่อหลายครั้ง แต่ทุกครั้งชาวบ้านก็ไม่เห็นด้วย และเสนอให้ย้ายแนวก่อสร้างไปยังพื้นที่ซึ่งส่งผลกระทบน้อยกว่า แต่ไม่ได้รับการตอบสนอง แถมยังยืนยันจะสร้างตามแนวเส้นทางเดิมที่มีปัญหาอยู่อีก
จนเมื่อต้นปี พ.ศ. 2562 ที่ผ่านมา มีเจ้าหน้าที่มาปักหมุดแนวถนนมอเตอร์เวย์ โดยบริษัทที่รับเหมางานปักหมุดไม่ได้แจ้งให้ชาวบ้านทราบว่ามาทำอะไร ชาวอำเภอบ้านลาดในหลายตำบลจึงต้องรวมตัวกันออกมาคัดค้านอีกครั้งเมื่อไม่นานมานี้ ภายหลังจากที่เคยรวมตัวกันยื่นหนังสือคัดค้านถึงอธิบดีกรมทางหลวงมาแล้ว แต่ไม่เป็นผล ชาวบ้านที่มารวมตัวกันครั้งนี้ยังเปิดเผยด้วยว่า ตอนนี้ที่ดินเปลี่ยนมือไปมาก แถวบ้านหัวตะพานซึ่งโครงการตัดผ่านมีนายทุนมาซื้อที่ดินไว้นับพันไร่
น่าเสียดายที่ข่าวนี้ ไม่ได้รับความสนใจจากสื่อมวลชนและคนในสังคมเท่าข่าวน้ำเน่าในรัฐสภา
ที่เขียนเรื่องนี้ เพราะอยากให้ทางราชการ หากยังคิดว่ากำลังทำงานรับใช้ชาติบ้านเมืองอยู่ หันมาเห็นคุณค่าของสินทรัพย์ทางธรรมชาติของผืนแผ่นดินอันเป็นบ้านเกิดเมืองนอนที่บรรพบุรุษสู้อุตส่าห์หวงแหนรักษาไว้บ้าง อย่าเห็นเพียงความเจริญทางวัตถุที่ระบอบทุนนิยมยัดเยียดให้ และอย่าเพียงกล่าวอ้างเศรษฐกิจพอเพียง มาทำให้ตนเองดูเป็นคนจงรักภักดี แต่การกระทำกลับสวนทางกับสิ่งที่ตนกล่าวอ้าง
ดงตาลบ้านลาด เป็น สินทรัพย์ทางธรรมชาติของชาติบ้านเมือง เป็นวิถีชีวิตแบบพอเพียงของคนไทยเรามานับร้อยๆ ปี อย่าเอามอเตอร์เวย์สายเดียวมาทำลายสินทรัพย์ตามธรรมชาติของชาติเรา มาทำลายวิถีชีวิตดั้งเดิมของคนไทยเรา เหมือนที่เอาศูนย์การค้าและร้านสะดวกซื้อมาทำลายตลาดและชุมชนโบราณ ทำลายวิถีชีวิตและวัฒนธรรมอันดีงามในแบบไทยโบราณอีกต่อไปเลย
ที่สำคัญ อย่าเอาอำนาจรัฐและอำนาจทุนมารังแกชาวบ้านที่ไม่มีปากมีเสียง เหมือนที่เคยทำกับภูทับเบิก แต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับเขาค้อ
เพราะถ้ายังทำกันแบบนี้ต่อไป บ้านเมืองมันจะอยู่กันต่อไปไม่ได้
ณรงค์ฤทธิ์ ศรีรัตโนภาส
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี