เมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว ผมเคยเขียนตำหนิ พลเอกอภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก ไว้ที่คอลัมน์นี้ เมื่อครั้งที่ท่านออกมาชี้นิ้วด่ากราดฝ่ายที่คิดและทำไม่ตรงกับท่านว่าเป็นพวก “หนักแผ่นดิน” เป็นพวกฝักใฝ่คอมมิวนิสต์ ฝักใฝ่ 2475 ทั้งยังปลุกระดมคนในกองทัพบกและคนในสังคมให้กลับไปเปิด “เพลงหนักแผ่นดิน” ฟัง
ที่ผมตำหนิครั้งนั้น เพราะผมเห็นว่า การกระทำของท่าน สวนทางกับการสร้างความปรองดองของคนในชาติ อันเป็นหนึ่งในนโยบายสำคัญที่ คสช. เคยประกาศไว้
วันนี้ พลเอกอภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก ทำในสิ่งที่ดี ผมจะขอสนับสนุน และให้กำลังใจ
หลังเกิดเหตุการณ์สะเทือนขวัญที่โคราช ที่จ่าสิบเอกของกองทัพบกนายหนึ่งบุกยิงผู้บังคับบัญชา เครือญาติ และคนใกล้ชิด แล้วบุกไปขู่บังคับเอาอาวุธปืนสงครามจากทหารที่ทำหน้าที่ยามรักษาการณ์อยู่ที่ป้อม ก่อนจะขับรถตรงไปยังคลังอาวุธ ยิงพลทหารที่เฝ้าคลังอาวุธเสียชีวิต เพื่อปล้นเอาอาวุธในคลังออกไปกราดยิง และไล่สังหารผู้คนบนถนนและในห้างสรรพสินค้าเทอร์มินอล 21 จนมีผู้เสียชีวิต 29 ราย บาดเจ็บอีกกว่าครึ่งร้อย ซึ่งนับเป็นการกราดยิงประชาชนทั่วไปที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่อย่างอุกอาจ อำมะหิต อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนในสังคมไทย
พลเอกอภิรัชต์ คงสมพงษ์ ในฐานะผู้บัญชาการทหารบก ได้ออกมาแถลง ชี้แจง และขอโทษต่อครอบครัวผู้สูญเสีย และ ผู้เสียหายทั้งน้ำตา พร้อมกล่าวว่า เรื่องที่เกิดขึ้น กองทัพบก ทหารถูกตำหนิ ถูกด่า แต่ท่านขอว่าหากจะด่า ให้ด่าท่านคนเดียว เพราะเป็น ผบ.ทบ. และเวลาที่เหลือต่อจากนี้อีกประมาณ 7 เดือน ก่อนเกษียณอายุราชการ จะขอปรับปรุงการทำงานให้ดีที่สุด
การแถลงและชี้แจงของพลเอกอภิรัชต์ครั้งนี้ เป็นการพูดออกมาจากใจ ด้วยเหตุด้วยผล ซึ่งผมเข้าใจ เห็นใจ น็็และชื่นชม
ใครจะไปรู้ว่าเพื่อนทหารที่ทำงานอยู่ด้วยกัน เห็นหน้าเห็นตากันทุกวัน จะเกิดคุ้มคลั่ง เอาปืนมาไล่ยิง แล้วปล้นอาวุธออกไปกราดยิงประชาชน
การออกมาตำหนิกองทัพว่า ทำงานหละหลวม ปล่อยให้คนมาปล้นอาวุธไปได้ หากพิจารณาถึงบริบทแวดล้อมของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนั้น ก็ดูจะเป็นการจับผิดที่เกินไป
และดูจะเป็นการฉวยโอกาส อาศัยสถานการณ์ที่คนทั้งชาติควรจะสามัคคีกัน ส่งกำลังใจไปช่วยเจ้าหน้าที่บ้านเมืองแก้ปัญหา มาสร้างประเด็นโจมตีเพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองของตน
โจมตีกล่าวหากระทั่งว่า ผบ.ทบ. ดราม่าน้ำตาไหล
คนพวกนี้ อันตรายยิ่งกว่า “จ่าคลั่ง”
อันตราย เพราะไม่รู้จักแยกผิดแยกถูก แยกดีแยกชั่ว จ้องแต่จะทำลายล้างฝ่ายตรงข้าม ฉกฉวยสถานการณ์ที่บ้านเมืองประสบปัญหา มาเป็นประโยชน์แก่ตนเองอย่างน่ามืดตามัว
ภายหลังจากที่ พลเอกอภิรัชต์ คงสมพงษ์ ยอมรับว่าในกองทัพบกมีปัญหาหมักหมมหลายเรื่องต้องแก้ไข ไม่ว่าจะเรื่องการแก้ไขปัญหาพื้นที่ราชพัสดุที่อยู่ในความครอบครองของกองทัพบก เพื่อนำเงินและรายได้กลับเข้าสู่กระทรวงการคลัง และเรื่องบ้านพักทหาร ซึ่งพลเอกอภิรัชต์ ขีดเส้นตายให้ผู้ที่เกษียณอายุราชการแล้ว หรือย้ายจากกองทัพบกไปอยู่หน่วยงานอื่น แต่ยังพักอาศัยอยู่ในพื้นที่ทหาร ต้องย้ายออกไปภายในเดือนกุมภาพันธ์นี้ เพื่อเปิดโอกาสให้คนที่ไม่มีบ้านมาอยู่แทน
พรรคอนาคตใหม่ ถือโอกาสออกมาโหมกระแสปฏิรูปกองทัพ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคประกาศกร้าวว่า “วันนี้ยังมีนายทหารเกษียณแล้ว ที่ยังใช้สวัสดิการบ้านพักอยู่เท่าไหร่ อยู่กี่คน เปิดชื่อให้ดูหน่อย”
แต่ก็ดังคำพระที่ว่า "กมฺมุนา วตฺตติโลโก" สัตว์โลกทั้งหลายย่อมเป็นไปตามกรรม ไม่มีใครหนีกฎแห่งกรรมไปพ้น
พรรคอนาคตใหม่ถูกเปิดโปงว่า เสนอปฏิรูปกองทัพ แต่ รองหัวหน้าพรรคตัวเอง พลโทพงศกร รอดชมภู กลับยังอยู่บ้านพักทหารของศูนย์รักษาความปลอดภัย (ศรภ.) กองบัญชาการกองทัพไทย แม้จะเกษียณอายุราชการไปแล้ว 4 ปี และพ้นจากหน้าที่ทางการทหารไปแล้วถึง 8 ปี
"กมฺมุนา วตฺตติโลโก" นี้ ยังแสดงอานุภาพไปถึง พี่น้อง 3 ป.
พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา และ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา
ลองมาฟังเหตุผลของท่านนายพลเหล่านี้ดูสิครับ
พลโทพงศกร รอดชมภู ผู้มุ่งมั่นจะปฏิรูปกองทัพให้เหตุผลว่า “ผมขออภัยที่ไม่ได้แจ้งเรื่องการยังพักในหน่วยทหารให้สาธารณชนทราบตั้งแต่แรก เนื่องจากอยู่ในช่วงเตรียมตัวย้ายออก”
โปรดฟังอีกครั้งนะครับ ตอนนี้ยังอยู่ในช่วงเตรียมตัวย้ายออก ท่านไม่ได้คิดจะอยู่บ้านหลวงต่อ
ท่านเตรียมตัวย้ายออกมา 8 ปีแล้วครับ !
พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ปฏิเสธว่า ท่านพักที่บ้านพักส่วนตัวตั้งแต่เกษียณ ในส่วนของมูลนิธิป่ารอยต่อ 5 จังหวัด ก็ทำถูกต้องมีการเช่าที่จากกระทรวงการคลังตั้งแต่ที่ท่านเกษียณ
ถ้าเป็นจริงดั่งว่า ก็ต้องปรบมือให้ท่าน และภาวนาว่าอย่าให้โอละพ่อเหมือนนาฬิกาเพื่อนเลย !
พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ผู้มีหน้าที่ดูแลทุกข์สุขของคนทั้งประเทศบอกว่า ที่ท่านยังอยู่บ้านหลวงต่อเพราะความสะดวก เนื่องจากบ้านท่านอยู่ไกล เดินทางไม่ไหว !
สุดท้าย พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ซึ่งความจริงก็มีบ้านพักประจำตำแหน่งอยู่แล้ว คือ บ้านพิษณุโลก แต่ท่านก็ยังหลงเสน่ห์บ้านพักทหาร ไม่ยอมย้ายออก ให้เหตุผลว่า ท่านทำงานรับใช้ชาติมาตลอดชีวิต และถึงแม้กฎระเบียบจะว่าอย่างไรก็ตาม วันนี้ท่านก็ยังทำงานอยู่ ที่สำคัญคือตอนนี้ท่านยังเป็นนายกรัฐมนตรีอยู่ จึงต้องมีสถานที่ที่เหมาะสมเพื่อการดูแลรักษาความปลอดภัยในฐานะของผู้นำประเทศ
ครับ คนอื่นคงไม่ได้ทำงานรับใช้ชาติเหมือนท่าน
ฟังแล้วนึกถึง นายกฯ ชวน บ้านซอยหมอเหล็ง !
ณรงค์ฤทธิ์ ศรีรัตโนภาส
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี