ช่วงนี้เป็นช่วงเปลี่ยนฤดูกาลจากความหนาวอันยาวนานเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิ รัฐทางตอนใต้เริ่มร้อนส่วนรัฐทางตอนเหนือแม้จะยังหนาวอยู่ แต่ทุกคนก็เฝ้ารอใบไม้ผลิอีกครั้งด้วยความหวังว่าโควิดจะหมดไปเสียที เพื่อที่จะได้กลับมาใช้ชีวิตแบบเดิมแม้ว่าสถานการณ์การป่วยโควิดในอเมริกาจะเริ่มซาลงแต่ยังไม่น่าไว้วางใจ เพราะคนที่ได้รับวัคซีนคิดเป็นร้อยละ 15 ของประชากรอเมริกันทั้งหมด ขณะที่กำลังเขียนคอลัมน์นื้ยอดป่วยสะสมอยู่ที่ 29 ล้านกว่าๆ เกือบสามสิบล้าน คนหายป่วย 20 ล้านเศษ และตาย ห้าแสนสามหมื่นกว่าๆ แม้ว่ายอดป่วยหลายรัฐจะลดลงมาก แต่อีกหลายรัฐยังมียอดผู้ป่วยใหม่รายวันสูงอยู่ อย่างในรัฐ 5 อันดับแรก คือเท็กซัส ฟลอริด้า แคลิฟอร์เนีย นิวยอร์กและอิลลินอยส์
ที่น่ากลัวกว่านั้นคือ ผู้ป่วยใหม่โควิดในอเมริกาตอนนี้ป่วยด้วยไวรัสสายพันธุ์ที่เจอที่อังกฤษ ซึ่งติดได้ง่ายกระจายไวกว่าไวรัสสายพันธุ์เดิมอาทิตย์ ก่อนมีข่าวน่ายินดีในอเมริกานั่นคือมีการอนุมัติวัคซีนของจอห์นสันแอนด์จอห์นสันเพิ่มเป็นวัคซีนตัวที่สาม ซึ่งตัวนี้น่าจะดีกว่าสองตัวแรกคือไฟเซอร์และโมเดอร์น่า ฉีดแค่เข็มเดียว แต่เรียกได้ว่าเข็มเดียวเอาอยู่ เพราะมีประสิทธิภาพสูงมาก
ในการป้องกันการติดเชื้อโควิดแบบอาการรุนแรงรวมถึงใช้ในการป้องกันไวรัสโควิดที่กลายพันธุ์ใหม่ๆ ได้ด้วยทั้งหมดนี้ไม่ได้นั่งทางในเขียนเองแต่นำมาจากคำกล่าวของสำนักงานอาหารและยาแห่งชาติสหรัฐฯ(เอฟดีเอ) ตอนนี้จอห์นสันแอนด์จอห์นสัน กำลังเร่งผลิอตวัคซีนทั้งวันทั้งคืนเพื่อให้คนอเมริกันมีวัคซีนใช้อย่างเพียงพอ โดยให้ข่าวว่าจะมอบ 20 ล้านโดสให้ในสิ้นเดือนมีนาคม และ 100 ล้านโดสเมื่อสิ้นเดือนมิถุนายน ข่าวนี้ทำให้อเมริกันผู้ไม่ชอบฉีดยาหรือไม่อยากฉีดแบบสองโดส รอคอยอย่างมีความหวังเต็มหัวใจ
แม้ว่าคนป่วยใหม่จะลดลง แต่ประธานาธิบดีโจไบเดนและหมอเฟาซี่ก็เตือนเสมอว่า การ์ดอย่าตกเด็ดขาดองค์การอนามัยโลกย้ำว่า เมื่อไหร่ที่การ์ดตกไวรัสโคโรนาจะกลับมาอาละวาดอีก ซีดีซีคาดว่าไวรัสโคโรนากลายพันธุ์ที่เรียกกันว่าสายพันธุ์บี.1.1.7 ซึ่งพบครั้งแรกในอังกฤษอาจกลายเป็นสายพันธุ์หลักที่ระบาดในอเมริกาเวลานี้ แม้ว่ายอดป่วยจะลดลง แต่อเมริกายังไม่ชนะเด็ดขาดทั้งที่ยังระบาดจัดหนักกันนี่แหละ อเมริกันการ์ดตกกันแล้วแม้ยอดป่วยและตายจะลดลง แต่ก็ยังนับว่าสูงกว่าประเทศอื่นและยังคงยืนหนึ่งนำลิ่วชาติอื่นตายกันเกลื่อนประเทศยังประมาทอย่างไม่น่าเชื่อหรือไม่ก็ดื้อด้านจนไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาเรียก หลายรัฐประกาศยกเลิกการใส่หน้ากากอนามัยซะงั้น
แถมบางรัฐหนักกว่านั้น ประกาศให้เปิดเสรีธุรกิจเต็มที่เพื่อให้ใช้ชีวิตเหมือนก่อนโควิดระบาด ทำราวกับว่าอเมริกาปราศจากโควิดแล้วอย่างสิ้นเชิงรัฐต่างๆ ยกเลิกมาตรการจำกัดเข้มงวดทั้งหลาย เช่น นิวยอร์กเปิดให้รับประทานอาหารภายในร้านได้ตั้งแต่ต้นเดือนกุมภาพันธ์ ส่วนรัฐแมสซาชูเชตส์ก็วางแผนเลิกข้อจำกัดเกี่ยวกับศักยภาพของร้านอาหารในเดือนมีนาคม สำหรับรัฐมอนทานาและไอโอวายกเลิกกฎสวมหน้ากากป้องกันทั่วทั้งรัฐในเดือนกุมภาพันธ์
ขณะที่รัฐนอร์ทดาโคตาเลิกบังคับเรื่องนี้ในเดือนมกราคมรัฐเท็กซัส ซึ่งเป็นรัฐที่มีขนาดใหญ่กว่าประเทศไทย มีพลเมือง 29 ล้านคน แต่ฉีดวัคซีนไปได้แค่ร้อยละ 15 เท่านั้นเอง ผู้ว่าการรัฐ เกร็กแอบบ็อตต์ ยกเลิกมาตรการบังคับสวมหน้ากากอนามัยในที่สาธารณะและอนุญาตให้ภาคธุรกิจกลับมาเปิดเต็มรูปแบบ โดยไม่ฟังเสียงเตือนของประธานาธิบดี หมอเฟาซี่หรือแม้แต่องค์การอนามัยโลกไบเดนนั้นย้ำเสมอว่า แม้ว่ายอดป่วยจะลดน้อยลงในเวลานี้แต่ยังวางใจไม่ได้ขอร้องว่า ให้พลเมืองอเมริกันสวมหน้ากากอนามัยในช่วง 100 วันแรกของการขึ้นเป็นประธานาธิบดี เพื่อปกป้องตัวเองจากโควิด นอกจากเท็กซัสจะดื้อดึงแล้ว ยังมีผู้ว่าการรัฐมิสซิสซิปปี ที่ยกเลิกคำสั่งให้ใส่หน้ากาก
ขณะที่ 35 รัฐในอเมริกา ตลอดจนวอชิงตัน ดี.ซี. ยังคงมีมาตรการบังคับสวมหน้ากากในที่สาธารณะดูแล้วไม่น่าแปลกใจอะไร เพราะผู้ว่าการทั้งสองรัฐนี้เป็นรีพับลิกัน ตอนนี้มีหลายรัฐที่ยกเลิกการใส่หน้ากากหรือไม่มีกฎข้อบังคับให้ต้องใส่หน้ากาก เช่น มอนทาน่า ไอดาโฮ นอร์ธดาโคตา เซาธ์ดาโคตา เนบราสก้าไอโอวา มิสซูรี่ โอกลาโฮม่า แอริโซน่า อลาสก้า เท็กซัส เทนเนสซี่มิสซิสซิปปี เซาธ์แคโรไรนา จอร์เจีย และฟลอริด้า เห็นแล้วละเหี่ยใจมากบอกตรงๆ ทำราวกับว่าอเมริกาไม่มีไวรัสอีกต่อไป ทั้งที่ฉีดวัคซีนไปยังไม่ถึงครึ่งของจำนวนพลเมืองทั้งอเมริกาเรื่องนี้ทำให้โจ ไบเดนหัวร้อนมากถึงกับจัดหนักอย่างไม่ไว้หน้าว่า ผู้ว่าการรัฐทั้งสองรัฐว่ามีความคิดไม่ต่างไปจากมนุษย์ถ้ำ “สิ่งที่เราไม่ต้องการเห็นคือความคิดแบบมนุษย์นีแอนเดอธัลในทำนองว่า...ตอนนี้ทุกอย่างโอเคแล้วนะ ถอดหน้ากากได้ ลืมมันไปซะ...หน้ากากยังคงจำเป็นอยู่”
ส่วนมนุษย์ถ้ำแห่งมิสซิสซิปปีก็สวนกลับอย่างดุเดือด เทต รีฟส์ ผู้ว่าการรัฐมิสซิสซิปปี สวนกลับประธานาธิบดีของตนเองรัวๆ ว่า “รัฐของผมไม่ได้เผชิญวิกฤตด้านสาธารณสุขอีกแล้วผมคิดว่าท่านประธานาธิบดีควรแสดงความเชื่อมั่นในชาวอเมริกันมากกว่าดูหมิ่นเหยียดหยามชาวอเมริกัน” แทบไม่น่าเชื่อว่านี่คือคนอเมริกัน ช่วงรัฐบาลทรัมป์ทรัมป์ออกมาบอกพลเมืองตัวเองว่า โควิดเป็นเพียงข่าวปลอมที่สร้างขึ้นเพื่อทำลายตนเอง
พอมีคนป่วยคนตายมากขึ้นเรื่อยๆ ก็บอกว่า มันก็เป็นอย่างที่เป็นนั่นแหละช่วงระบาดหนัก คนก็ออกมาประท้วงการใส่หน้ากากอย่างนั้นอย่างนี้ แม้บรรดาหมอพยาบาลจะออกมายืนขวางรถขอร้องดีๆก็ตะโกนใส่หน้าอ้างสิทธิ์โน่นบ้าบอ พอมีวัคซีนออกมาก็แห่ไปประท้วง ไม่ยอมฉีดวัคซีนในช่วงที่สถานการณ์ดูเหมือนกำลังจะดีขึ้นก็ประกาศยกเลิกการใส่หน้ากาก ผู้ว่าการรัฐที่ไม่แคร์กับการใส่หน้ากากส่วนมากแล้วมาจากพรรครีพับลิกันแทบทั้งสิ้น เห็นแล้วอนาถใจในความดื้อด้านไม่ยอมฟังคำแนะนำของหมอใหญ่ประจำทำเนียบขาวหรือองค์การอนามัยโลก บอกได้เลยว่าฤดูหนาวในอเมริกาคงยาวนานกว่าที่คาดและฤดูใบไม้ผลิอาจไม่มีวันมาถึง
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี