แม้ว่าหนังฮอลลีวู้ดจะทำให้ชาวโลกคิด (เอาเอง) ว่าเรื่องการเหยียดผิวในอเมริกาไม่มีอีกต่อไปแล้วทุกอย่างสวยงามสมบูรณ์แบบ เสรีภาพทุกตารางนิ้วและนี่คือดินแดนแห่งความเท่าเทียม แต่เรื่องราวการเหยียดผิวโดยเฉพาะผิวดำ ยังคงดำเนินต่อมาจนทุกวันนี้เกิดการประท้วงใหญ่โตจนมีสโลแกน Black Lives Matter ทั่วทุกเมืองในอเมริกา คนที่ติดตามข่าวสารการเมืองในอเมริกาคงรู้ว่า ความเท่าเทียมกันและมายาภาพในหนังฮอลลีวู้ดเอาไว้หลอกเด็กเท่านั้นเอง
หลายคนอาจสงสัยว่านอกจากการเหยียดผิวดำที่ด่าทอต่อสู้กันมาหลายเป็นศตวรรษแล้ว ยังเหยียดสีผิวอื่นบ้างไหม คนอเมริกันเหยียดคนเม็กซิกันและฮิสแปนิกว่าโง่เง่า พูดภาษาอังกฤษไม่ได้และยากจน แต่ชาวโลกมักไม่ค่อยรู้ว่าคนเอเซียในอเมริกาหวานอมขมกลืนมานานแล้ว ช่วงนี้เหมือนฝีแตกจนหนองลามไปทั่ว เกิดคดีที่คนอเมริกันทำร้ายคนเอเซียทั่วอเมริการายวัน เมื่อไม่นานมานี้ มีการบุกเข้าไปในสปาแล้วกราดยิงสังหารหมู่ 8 ศพ 6 ศพ เป็นหญิงเอเซีย ก่อนหน้านั้นเกิดคดีสะเทือนขวัญคนไทยในอเมริกา คุณลุงวิชา รัตนภักดี วัย 84 ปี จากสงขลา
มาช่วยเลี้ยงหลานในซานฟรานซิสโก แล้วเช้าวันหนึ่งขณะที่กำลังเดินออกกำลังกายหน้าบ้าน หนุ่มผิวดำก็วิ่งข้ามถนนมาผลักล้มจนเสียชีวิต ในเวลาต่อมาจากนั้นเกิดคดีทำร้ายคนเอเซียรายวัน ในสถานที่ที่ไม่ควรเกิด ทั้งในย่านธุรกิจกลางวันแสกๆ โดยเฉพาะในซานฟรานซิสโกและนิวยอร์ก
ล่าสุด หญิงเอเซียถูกชกหน้าในรถไฟใต้ดินที่นิวยอร์ก คนร้ายตะโกนใส่อย่างหยาบคายแจกฟักแฟงแตงโมแล้ว ด่าซ้ำว่าเธอเป็นคนเอาไวรัสมาสู่อเมริกา ให้ไสหัวกลับแผ่นดินเกิดไปซะ อีกรายที่หนักหนาสาหัสเกิดในนิวยอร์กเช่นกัน หญิงสูงวัยชาวฟิลิปปินส์กำลังเดินไปโบสถ์ อยู่ๆชาวผิวดำร่างใหญ่ปรี่เข้ามาเตะท้อง จนกระเด็นคว่ำไปกองกับพื้น เท่านั้นยังไม่หนำใจ ชายคนนั้นรุมกระทืบอีกหลายหนจนทรุดและทั้งที่กำลังจะดินจากไป กลับหันมากระทืบหัวเธออีกหลายหนพลางตะโกนว่า “แกไม่ใช่คนที่นี่” ที่น่าตกใจคือเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นด้านนอกของอาคารอพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่งซึ่งอยู่ห่างจากไทม์สแควร์เพียงแค่ 2 ช่วงตึก ซึ่งเป็นย่านที่ผู้คนพลุกพล่านและมีตำรวจประจำการหนาแน่น เชื่อไหมว่าระหว่างที่เกิดเรื่องขึ้นไม่มีใครเข้าไปห้ามปรามชายคนร้ายเลยแม้แต่คนเดียวแม้แต่ยามสองคนกลับยืนดูเฉยๆไม่ได้เข้าไปช่วยเหลือผู้หญิงที่ตกเป็นเหยื่อแต่อย่างใด ปล่อยคนร้ายเดินหนีไปอย่างใจเย็น แถมยังปิดประตูทางเข้าอาคารอีกต่างหาก
บัดซบกว่านั้นคือนอกจากไม่มีใครช่วยเหลือแล้ว ยังไม่มีใครโทรแจ้ง 911 อีกด้วย หญิงเคราะห์ร้ายวัย 65 คงตกใจมากและเรื่องนี้คงกลายเป็นฝันร้ายไปอีกนาน คดีทำร้ายคนเอเซียจากความเกลียดชังเกิดขึ้นซ้ำๆ ถี่ๆจนเกิดการเคลื่อนไหวตามเมืองใหญ่ๆ ในอเมริกา ราว 60 เมืองทั้งซานฟรานซิสโก ลอสแองเจลิส ชิคาโก ดีทรอยต์ และพอร์ตแลนด์ จูดีฉาง ตัวแทนของกลุ่ม ANSWER พันธมิตรต่อต้านสงครามและต่อต้านการเหยียดผิดให้สัมภาษณ์ว่า “ชาวเอเชียทุกคนที่ฉันรู้จัก ล้วนเคยเป็นเหยื่อความรุนแรง ตามราวีหรือทำร้าย เราถูกถ่มน้ำลายใส่ ถูกตะโกนด่า เราโดนจ้องมองคนเดินหนีตอนที่เรามา” กระแสเกลียดชังคนเอเซียที่กำลังเกิดขึ้นเวลานี้มีผลมาจากนโยบายต่างประเทศของอเมริกาในรัฐบาลโดนัลด์ ทรัมป์ ครั้งที่โควิดเริ่มแพร่ระบาดในสหรัฐฯ ช่วงต้นปี 2020 นักการเมืองจำนวนหนึ่ง ในนั้นรวมถึงโดนัลด์ ทรัมป์ เรียกไวรัสตัวนี้ว่า“ไวรัสอู่ฮั่น” หรือ “ไวรัสจีน” โดยย้ำหลายครั้งหลายหนจนอเมริกาส่วนหนึ่งเรียกตามในฐานะคนเอเซียในอเมริกา เชื่อว่าทุกคนหวาดกลัวและขมขื่น แต่ด้วยความรักสงบแบบเอเซียจึงไม่ค่อยมีใครอยากออกมาเปิดอกมากนัก เพราะนั่นหมายถึงภาวะเหลืออดเหลือทนจนสุดกลั้นท่ามกลางน้ำตาและความอึมครึม
มีชายเอเซียจากบอร์เนียวที่อาศัยในอเมริกามานานกว่าค่อนชีวิต เพราะจากบอร์เนียวมาตั้งแต่อายุ 18 จนปัจจุบันอายุ 69 ลี หว่อง วัย 69 ปี ประธานบอร์ดเมืองเวสต์ เชสเตอร์ รัฐโอไฮโอ ลุกขึ้นพูดแทนใจคนเอเซียทุกคนในอเมริกา จนคลิปนี้กลายเป็นคลิปไวรัลทั่วโลก ลุงหว่องร่วมประชุมในเมืองด้วยชุดสูทแล้วพูดถึงความอึดอัดใจเรื่องปัญหาการเหยียดคนเอเซีย คำพูดของลุงหว่องประกอบการถอดสูทนั้นสะเทือนโลกเลยทีเดียว “อย่าเข้าใจผมผิด ผู้คนรักผมในชุมชนนี้และผมก็รักพวกเขาด้วย แต่มีบางพวกที่ไม่สนใจใครที่เดินเข้ามาหาผมและกล่าวกับผมว่าผมไม่เหมือนอเมริกันพอหรือผมรักชาติไม่พอ ก่อนหน้านั้นผมค่อนข้างเก็บตัว คนต่างมองผมด้วยสายตาแปลกๆและเริ่มตั้งคำถามผมถึงความจงรักภักดีต่อประเทศนี้ นี่เป็นหลักฐานนี่รักชาติเพียงพอหรือยัง”
ทันใดนั้น ลุงหว่องก็ลุกขึ้นยืนถอดสูทเผยให้เห็นรอยแผลฉกรรจ์พาดยาวบนหน้าอก เล่นเอาฝรั่งอั้งม้อในห้องถึงกับตะลึง ลุงหว่องเปิดเผยว่า ตนนั้นเคยอยู่ชิคาโก และเคยถูกทำร้ายร่างกายเพียงเพราะเป็นคนเอเซีย จากนั้นก็รับใช้ชาติด้วยการเป็นทหารในอเมริกาถึง 20 ปีจนได้แผลฉกรรจ์มาอย่างที่เห็น คนที่เป็นคอวรรณกรรมอเมริกัน อาจจะเคยอ่านนิยายของจอห์นสไตน์เบ็ค ซึ่งสะท้อนภาพชีวิตหลากหลายในสังคมอเมริกัน โดยเฉพาะชีวิตของคนด้อยโอกาสหนึ่งในนั้นรวมคนจีนอยู่ด้วย ในเรื่องอีสต์ออฟอีเดนชาวจีนที่เป็นพ่อบ้านตบตาคนผิวขาวด้วยการพูดอังกฤษสำเนียงจีนตลอดเวลาทั้งที่จบการศึกษาระดับมหาวิทยาลัยและพูดภาษาอังกฤษชัดเจนเท่าคนผิวขาว
ทั้งนี้เพราะคนผิวขาวยอมรับไม่ได้ที่เห็นคนผิวเหลืองพูดอังกฤษด้วยสำเนียงเดียวกับตน จากนั้นก็ถ่ายทอดเรื่องเล่าช่วงที่มีการนำคนจีนมาสร้างทางรถไฟสายตะวันตกได้อย่างสะเทือนอารมณ์การเหยียดผิว การเลือกปฏิบัติและความรุนแรงต่อคนเอเชียในบ้านลุงแซม สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากความไม่พอใจที่ถูกคนเอเชียเข้ามาแย่งงานและการเหมารวม (stereotypes) เกี่ยวกับคนเอเชียซึ่งคนจีนมักเป็นเหยื่อของความรุนแรงมากกว่าคนกลุ่มอื่น ส่วนหนึ่งเพราะเข้ามาเป็นผู้อพยพที่มาจากเอเชียกลุ่มแรกๆ ที่มีอิทธิพลในทางเศรษฐกิจประวัติศาสตร์ของคนเอเซียที่เข้ามาก่อร่างสร้างตัวในอเมริกา ไม่ได้หอมหวานและราบรื่นเหมือนปูลาดกลีบกุหลาบ แต่เต็มไปด้วยความโหดร้ายทารุณและการคดโกงจากคนผิวขาวตลอดระยะเวลาอันยาวนาน คนจีนกลายเป็นเหยื่อนับครั้งไม่ถ้วนซึ่งจะขอยกยอดไว้เขียนถึงในตอนหน้า
............................................
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี