หลายท่านที่ติดตามอ่านคอลัมน์ “ในนามประชาชนคนหนึ่ง” มาตั้งแต่แรกเริ่มตีพิมพ์เผยแพร่จะรู้ว่า คอลัมน์นี้ถ่ายทอดสถานการณ์บ้านเมืองทุกยุคสมัยผ่านบทกวีนิพนธ์ ไม่เคยมีครั้งไหนหนใดเลยที่เขียนในรูปแบบร้อยแก้ว แต่เพราะความรู้สึกอันมีต่อบ้านเกิดเมืองนอน อัดแน่นในหัวใจจนไม่อยากใช้ฉันทลักษณ์มาล้อมกรอบความรักที่มีต่อแผ่นดินเกิด จึงขอเขียนบทความสั้นๆ นี้เป็นร้อยแก้วเป็นกรณีพิเศษ
หลายคนอาจสงสัยว่าในความคิดของคนไกลบ้าน ที่อาศัยอยู่บนแผ่นดินอื่นมานาน บางคนอาจครึ่งค่อนชีวิต แผ่นดินใดอยู่ในดวงใจของคนเหล่านั้น และฤดูใบไม้ผลิแห่งหนไหนที่ชุบชูหัวใจของเราให้ชื่นบาน
เชื่อมั่นว่าแม้อยู่ห่างหลายพันไมล์จากบ้านเกิดเมืองนอน แต่ทุกครั้งที่ได้กลับคืนมาตุภูมิคือความสุขอันไม่สามารถบรรยายด้วยถ้อยคำใด นาทีที่เครื่องบินร่อนต่ำเหนือประเทศไทย น้ำตาไหลด้วยความปิติกับความคิดว่า ในอีกไม่เกินชั่วโมงข้างหน้า เราจะได้ยินคำทักทาย “พี่ป้าน้าอา” เป็นภาษาไทย ได้ยินเจ้าหน้าที่สนามบินบอกว่า “ยินดีต้อนรับกลับบ้าน” และจะได้กินอาหารไทยที่แสนคิดถึง เพราะไม่มีอะไรจะสร้างความสุขได้เท่ากับการกินอาหารไทยบนผืนแผ่นดินไทยท่ามกลางเสียงทักทายพูดคุยภาษาไทย
นั่นคือความรู้สึกทุกครั้งที่ได้ “กลับบ้าน” และเมื่อในวาระที่ต้องอยู่ต่างแดน ด้วยภาระหน้าที่ ซึ่งแต่ละคนมีเส้นทางชีวิตที่แตกต่างกันออกไป ด้วยความเป็นพ่อ..เป็นแม่..เป็นสามี..เป็นภรรยา..เป็นนักศึกษา..เป็นคนทำงานที่ต้องอาศัยอยู่ต่างประเทศ มั่นใจว่าทุกคนยังโหยหาบ้านเกิด เพราะบ้านเกิดคือรกรากที่หล่อหลอมจนเติบโตมาใช้ชีวิตบนแผ่นดินที่สอง แม้ฤดูกาลบนแผ่นดินอื่นจะน่าตื่นตาตื่นใจ แต่เชื่อเถอะว่า..ไม่มีฤดูใบไม้ผลิที่ใดจะงามเท่าฤดูฝนบนแผ่นดินเกิดอีกแล้ว
ช่วงนี้มีบทเพลงหนึ่งซึ่งเป็นบทเพลงเก่าแก่ แต่นำกลับมาขับร้องใหม่ นั่นคือเพลง “บ้านเกิดเมืองนอน” ครั้งแรกที่เปิดฟังผ่านยูทูป ไม่อาจกลั้นน้ำตาไว้ได้ ด้วยความคะนึงกลิ่นไอดินหลังฝนตก ซึ่งไม่มีผืนดินใดจะรวยรินกลิ่นหอมหวานได้เท่าแผ่นดินเกิด
แต่ละชาติมีแง่งามและมี “กลิ่น” เฉพาะท้องถิ่น อเมริกาที่ดิฉันอาศัยเป็นบ้านแห่งที่สองมีกลิ่นอายเฉพาะตัว ซึ่งแตกต่างจากแผ่นดินไทย บ้านเกิดของเราก็เช่นกันที่โชยกลิ่นหอมหวานและความทรงจำอันแสนงามให้คะนึงหา สารภาพอย่างไม่อายว่าน้ำตาไหลราวเห็นแม่ของตนมายืนกวักมือเรียกให้กลับบ้าน เตือนความทรงจำว่านานเท่าไหร่แล้วที่ไม่ได้กลับ “บ้าน”
เพื่อนคนหนึ่งของดิฉันพลัดแผ่นดินไปอยู่ฟินแลนด์ เธอได้ฟังเพลง “บ้านเกิดเมืองนอน” แล้วรู้สึกว่าจนวันนี้ก็ยังเข้ายุคสมัยด้วยความอมตะของบทเพลง แต่ฟังแล้วไม่หลั่งน้ำตา แต่กลับภาคภูมิใจที่สุดในความเป็นคนไทย ภูมิใจในรากเหง้าอันเก่าแก่ของเรา แม้จะอยู่ท่ามกลางความหนาวเยือกในฟินแลนด์
หากจะถามว่าบ้านเกิดเมืองใดเล่าที่อยู่ในหัวใจคนไกลบ้าน คำตอบอยู่ในบทเพลง “บ้านเกิดเมืองนอน” ทุกถ้อยคำทำนอง
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี