วันพุธ ที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2568

หลายท่านที่ติดตามอ่านคอลัมน์ “ในนามประชาชนคนหนึ่ง” มาตั้งแต่แรกเริ่มตีพิมพ์เผยแพร่จะรู้ว่า คอลัมน์นี้ถ่ายทอดสถานการณ์บ้านเมืองทุกยุคสมัยผ่านบทกวีนิพนธ์ ไม่เคยมีครั้งไหนหนใดเลยที่เขียนในรูปแบบร้อยแก้ว แต่เพราะความรู้สึกอันมีต่อบ้านเกิดเมืองนอน อัดแน่นในหัวใจจนไม่อยากใช้ฉันทลักษณ์มาล้อมกรอบความรักที่มีต่อแผ่นดินเกิด จึงขอเขียนบทความสั้นๆ นี้เป็นร้อยแก้วเป็นกรณีพิเศษ
หลายคนอาจสงสัยว่าในความคิดของคนไกลบ้าน ที่อาศัยอยู่บนแผ่นดินอื่นมานาน บางคนอาจครึ่งค่อนชีวิต แผ่นดินใดอยู่ในดวงใจของคนเหล่านั้น และฤดูใบไม้ผลิแห่งหนไหนที่ชุบชูหัวใจของเราให้ชื่นบาน
เชื่อมั่นว่าแม้อยู่ห่างหลายพันไมล์จากบ้านเกิดเมืองนอน แต่ทุกครั้งที่ได้กลับคืนมาตุภูมิคือความสุขอันไม่สามารถบรรยายด้วยถ้อยคำใด นาทีที่เครื่องบินร่อนต่ำเหนือประเทศไทย น้ำตาไหลด้วยความปิติกับความคิดว่า ในอีกไม่เกินชั่วโมงข้างหน้า เราจะได้ยินคำทักทาย “พี่ป้าน้าอา” เป็นภาษาไทย ได้ยินเจ้าหน้าที่สนามบินบอกว่า “ยินดีต้อนรับกลับบ้าน” และจะได้กินอาหารไทยที่แสนคิดถึง เพราะไม่มีอะไรจะสร้างความสุขได้เท่ากับการกินอาหารไทยบนผืนแผ่นดินไทยท่ามกลางเสียงทักทายพูดคุยภาษาไทย
นั่นคือความรู้สึกทุกครั้งที่ได้ “กลับบ้าน” และเมื่อในวาระที่ต้องอยู่ต่างแดน ด้วยภาระหน้าที่ ซึ่งแต่ละคนมีเส้นทางชีวิตที่แตกต่างกันออกไป ด้วยความเป็นพ่อ..เป็นแม่..เป็นสามี..เป็นภรรยา..เป็นนักศึกษา..เป็นคนทำงานที่ต้องอาศัยอยู่ต่างประเทศ มั่นใจว่าทุกคนยังโหยหาบ้านเกิด เพราะบ้านเกิดคือรกรากที่หล่อหลอมจนเติบโตมาใช้ชีวิตบนแผ่นดินที่สอง แม้ฤดูกาลบนแผ่นดินอื่นจะน่าตื่นตาตื่นใจ แต่เชื่อเถอะว่า..ไม่มีฤดูใบไม้ผลิที่ใดจะงามเท่าฤดูฝนบนแผ่นดินเกิดอีกแล้ว
ช่วงนี้มีบทเพลงหนึ่งซึ่งเป็นบทเพลงเก่าแก่ แต่นำกลับมาขับร้องใหม่ นั่นคือเพลง “บ้านเกิดเมืองนอน” ครั้งแรกที่เปิดฟังผ่านยูทูป ไม่อาจกลั้นน้ำตาไว้ได้ ด้วยความคะนึงกลิ่นไอดินหลังฝนตก ซึ่งไม่มีผืนดินใดจะรวยรินกลิ่นหอมหวานได้เท่าแผ่นดินเกิด
แต่ละชาติมีแง่งามและมี “กลิ่น” เฉพาะท้องถิ่น อเมริกาที่ดิฉันอาศัยเป็นบ้านแห่งที่สองมีกลิ่นอายเฉพาะตัว ซึ่งแตกต่างจากแผ่นดินไทย บ้านเกิดของเราก็เช่นกันที่โชยกลิ่นหอมหวานและความทรงจำอันแสนงามให้คะนึงหา สารภาพอย่างไม่อายว่าน้ำตาไหลราวเห็นแม่ของตนมายืนกวักมือเรียกให้กลับบ้าน เตือนความทรงจำว่านานเท่าไหร่แล้วที่ไม่ได้กลับ “บ้าน”
เพื่อนคนหนึ่งของดิฉันพลัดแผ่นดินไปอยู่ฟินแลนด์ เธอได้ฟังเพลง “บ้านเกิดเมืองนอน” แล้วรู้สึกว่าจนวันนี้ก็ยังเข้ายุคสมัยด้วยความอมตะของบทเพลง แต่ฟังแล้วไม่หลั่งน้ำตา แต่กลับภาคภูมิใจที่สุดในความเป็นคนไทย ภูมิใจในรากเหง้าอันเก่าแก่ของเรา แม้จะอยู่ท่ามกลางความหนาวเยือกในฟินแลนด์
หากจะถามว่าบ้านเกิดเมืองใดเล่าที่อยู่ในหัวใจคนไกลบ้าน คำตอบอยู่ในบทเพลง “บ้านเกิดเมืองนอน” ทุกถ้อยคำทำนอง

กต.ย้ำ 3 ข้อเสอไทย หยุดยิง หลังนานาประเทศเรียกร้อง
ภูมิใจไทย ฟุ้งมีผู้สนใจร่วมงาน-ลงสมัคร สส.อื้อ แย้มเตรียมประกาศชื่อ แคนดิเดตนายกฯ ในไม่ช้า
แค่เศษดาวตก! ดร.อานนท์ สอนมวย อดีต สส. พรรคส้มที่ถูกตัดสิทธิ์ เลิกโวยวาย เอาเวลาไป พัฒนาเป็นดาวฤกษ์
พรรคส้ม ประชาธิปไตยหน้าฉาก โปลิตบูโรชั้นล่าง กับผู้ออกแบบชั้นบน
อันตรายมาก งดแจ้งที่อยู่เฉพาะเจาะจง งดแจ้งภารกิจล่วงหน้า

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี