คนที่ติดตามข่าวสารข้อมูลเกี่ยวกับอเมริกาคงจำได้ว่าโควิดเคยไปเยือนทำเนียบขาวมาแล้วหนหนึ่งช่วงที่ตาลุงผมเป๋ โดนัลด์ ทรัมป์ เป็นประธานาธิบดี คาดว่าคงติดใจเลยแวะไปเยือนทำเนียบขาวอีกรอบคงอยากพบปะประธานาธิบดีคนใหม่นั่นเอง
การแทรกซึมของไวรัสวายร้ายสู่ทำเนียบขาวหนนี้มาทาง เจน ซากี เลขานุการฝ่ายสื่อสารมวลชนทำเนียบขาว ซึ่งมีผลตรวจโควิด-19 เป็นบวกโดยตรวจพบในวันฮาโลวีนพอดี ประเด็นที่น่าสนใจคือเลขานุการฝ่ายสื่อสารมวลชนทำเนียบขาวคนนี้ฉีดวัคซีนครบแล้วทั้งสองเข็ม และเปิดเผยว่าตนเองติดโควิดจากสมาชิกในครอบครัว
เรื่องนี้ไม่น่าแปลกใจเพราะวันนี้อเมริกันทั้งหลายการ์ดตกกันหมดสิ้นที่เคยไม่ป้องกันตัวเองตั้งแต่ครั้งยังไม่มีวัคซีนอย่างไรก็ยังเป็นแบบนั้นไม่มีใครใส่หน้ากากกันเลย ทั้งในและนอกอาคารร้านค้าส่วนพวกที่ฉีดวัคซีนครบโดส ก็ทำราวกับว่าโลกนี้ไม่มีโควิดอีกต่อไปคงลืมไปแล้วว่า คนที่ฉีดก็ติดโควิดได้ในขณะคนที่ไม่ยอมฉีดก็ไม่ฉีดอยู่นั่นเองต่อให้ต้องออกจากงานก็ไม่ยอมฉีดวัคซีนจนแล้วจนรอด
เปลี่ยนประธานาธิบดีก็อย่าคิดว่าจะดีกว่าตาลุงผมเป๋ขนาดนี้แล้วทำเนียบขาวก็ยังปิดข่าวว่ามีเจ้าหน้าที่กี่คนติดโควิดหลังฉีดวัคซีนครบโดส แต่เหมือนตีแสกหน้าเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาว เจน ซากีที่เพิ่งติดโควิดไปหมาดๆ ออกมาเปิดเผยว่าจำนวนเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวที่ติดโควิดมีหลายเคส
สถานการณ์โควิดในอเมริกาล่าสุดยอดตายอยู่ที่เจ็ดแสนหกหมื่นกว่าๆ ส่วนยอดป่วยคือ 46 ล้านกว่าๆบางรัฐมียอดติดเชื้อใหม่น้อย บางรัฐยังน่าวิตกใครที่อยู่ในโซนที่มีการระบาดสูงก็ป้องกันตัวเองกันไปใครอยู่โซนที่มีการระบาดต่ำนับว่าโชคดีมากช่วงนี้ดูเหมือนว่าการแพร่ระบาดของสายพันธุ์เดลต้าจะแผ่วลงแต่ยังวางใจไม่ได้เต็มร้อย
ในส่วนของการฉีดวัคซีนก็ไต่ระดับลงมาฉีดให้เด็กอายุ 5-11 ขวบ เพื่อให้เด็กๆ กลับเข้าเรียนในโรงเรียนอีกครั้งเพราะเท่าที่ผ่านมาเด็กจำนวนมากเสียชีวิตจากโควิดเนื่องจากการไม่ได้รับวัคซีน วัคซีนที่จะนำมาฉีดให้เด็กอายุ 5-11ขวบ คือไฟเซอร์ส่วนโมเดอร์นายังอยู่ระหว่างรอการอนุมัติให้ใช้วัคซีนของบริษัทกับเด็กอายุ 12-17 ปี หลังจากยื่นคำร้องไปตั้งแต่เดือนมิถุนายนเรื่องนี้ไม่มีอะไรในกอไผ่เป็นเรื่องการชิงลูกค้าเพื่อขายวัคซีนด้วยนั่นแหละ เพราะตอนนี้ใครๆ ก็ต้องการวัคซีน จะยกเว้นก็แต่อเมริกาบางกลุ่มที่ไม่อยากฉีด
ไบเดนมีคำสั่งออกมาให้เจ้าหน้าที่รัฐบาลกลางบุคลากรทางการแพทย์ เจ้าหน้าที่สาธารณสุขรวมทั้งบริษัทห้างร้านที่มีพนักงานเกินหนึ่งร้อยคนให้ฉีดวัคซีนใครฝ่าฝืนต้องถูกไล่ออก โกลาหลทั้งประเทศ เพราะพวกที่แห่ลาออกมีทั้งหมอ พยาบาลเจ้าหน้าที่ รวมไปถึงคนงานในทุกสายงานจำนวนมาก
ล่าสุดบรรดาเจ้าหน้าที่หน่วยดับเพลิงของนิวยอร์กเดินขบวนบนท้องถนนต่อต้านคำสั่งของทางเมืองที่บังคับฉีดวัคซีนโควิด ไม่งั้นก็ต้องลาออกไป
ไอ้ที่ประท้วงนี่ไม่ใช่อะไรหรอก มุขเดิมแนวเดิม เพราะมาถึงก็ตะโกน“ร่างกายของฉัน สิทธิของฉัน” แล้วชูป้ายสนับสนุนตาลุงผมเป๋ทรัมป์สรุปแล้วมีเรื่องการเมืองมาปนจนได้ดูทรงแล้วตาลุงผมเป๋คงไม่ยอมจบง่ายแน่นอนเหมือนใครบางคนที่หนีคดีแต่ยังปากดีบอกว่าถ้าผมอยู่ไม่เป็นสุขก็อย่าหวังว่าใครจะมีความสุข อะไรเทือกๆ นี้แหละ
นายกเทศมนตรีบิล เดอ บลาซิโอ แถลงว่าลูกจ้างรัฐทุกคนในนั้นรวมถึงตำรวจและเจ้าหน้าที่หน่วยดับเพลิงจะต้องฉีดวัคซีนภายในวันที่ 1 พฤศจิกายนไม่อย่างนั้นต้องถูกสั่งให้ลางานโดยไม่ได้รับค่าจ้างจนกว่าแสดงข้อพิสูจน์ว่าฉีดวัคซีนแล้วลางานโดยไม่ได้รับเงิน คือพักงานแบบไม่จ่ายนั่นแหละ
จากข้อมูลของกรมดับเพลิงนิวยอร์ก พบว่ามีเจ้าหน้าที่เพียง 60% จากทั้งหมดราวๆ 17,000 คนที่ฉีดวัคซีนแล้ว ก็เป็นซะแบบนี้แล้วพลเมืองอเมริกันที่ป้องกันตัวเองอย่างดีจะไปพึ่งพาใครได้เพราะดูเหมือนว่าทุกคนคิดถึงแต่ตัวเอง ไม่คิดถึงส่วนรวมแม้แต่บรรดาแนวหน้าทั้งหลาย ไม่ว่าหมอ พยาบาล ตำรวจและพนักงานอื่นๆ
พวกนี้เองทำให้ยอดฉีดวัคซีนทั้งประเทศชะงักอยู่แค่ 57% นับว่าล้าหลังกว่าอังกฤษและฝรั่งเศสแต่กระนั้นอเมริกาสันดานป๋าหน้าใหญ่ใจโตประกาศเปิดประเทศให้ใครก็ได้ที่อายุต่ำกว่า 18 ขวบเข้าประเทศเสรีโดยไม่จำเป็นต้องฉีดวัคซีนแถมเมื่อเข้ามาแล้วก็ไม่จำเป็นต้องกักตัว เอ๊ะ..แบบนี้จะดีเหรอลุงแซมมันจะไม่จบไม่สิ้นนะจ๊ะ เปิดฟรีแบบนี้แถมพลเมืองอเมริกาเองก็ฉีดวัคซีนในอัตราที่ไม่สูง คือแค่ร้อยละ 57 ไม่อยากคิดเลยว่าจะเป็นยังไงต่อคนตายไปตั้งเจ็ดแสนกว่านี่ยังไม่รู้สึกรู้สาอะไรอีกรึไง
ใครที่ปากแจ๋วไม่อยากฉีดวัคซีน แล้วออกไปแรดลั้นลาใช้ชีวิตปกติโดยไม่ป้องกันตัวเองและคนอื่นนี่อยากให้แวะไปแถวเนชั่นแนล มอลล์ (National Mall) ในวอชิงตัน ดี.ซี. หน่อยนะ ตอนนี้มีการปักธงสีขาวอันเล็กๆ จำนวนเท่าผู้เสียชีวิตจากโควิดคือเจ็ดแสนหกหมื่นเต็มพื้นที่ 50 ไร่
ใครเห็นแล้วยังไม่รู้สึกโศกเศร้าหรือสะเทือนใจนับว่าใจแข็งมากคิดดูสิว่าจำนวนธงแต่ละผืนไม่ใช่แค่ตัวเลขแต่คือพ่อแม่ปู่ย่าตายายลูกหลานเพื่อนบ้านของเราเองนี่คือคนที่เคยเดินเหินโอบกอดทักทายกับเราเมื่อไม่นานมานี้แต่ตอนนี้อยู่ใต้ดินลึกหกฟุต ไม่สามารถยิ้มแย้มทักทายใครได้อีกต่อเพราะผลจากโควิด
ธงสีขาวโบกไสวไปทั่วบริเวณทำให้ทุกคนไม่อาจกลั้นน้ำตาไว้ได้เพราะแต่ละครอบครัวคงผ่านการสูญเสียคนใกล้ชิดและผู้เป็นที่รักเพราะโควิดกันมาบ้าง
ภาพที่แชร์ต่อกันในทวิตภพของอเมริกาคือภาพเด็กหญิงวัยหกขวบที่ถึงกับเป็นลมด้วยความเศร้าเสียใจอย่างถึงที่สุดเมื่อเห็นธงที่เขียนชื่อคุณปู่ของเธอ คือดร.แครีย์ อเล็กซานเดอร์ วอชิงตัน ดี.ซี.จากรัฐเซาท์แคโรไลนา ผู้เสียชีวิตขณะอายุ 80 ปี ดร.ท่านนี้ได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันครบถ้วนแต่ได้รับเชื้อไวรัสนี้ขณะที่ยังคงทำงานในฐานะนักจิตวิทยาคลินิกเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา
ไม่ต้องดูอื่นดูไกล คอลิน พาวเวลล์ รัฐมนตรีต่างประเทศและที่ปรึกษาฝ่ายความมั่นคงแห่งชาติผิวดำคนแรกของอเมริกา ผ่านสมรภูมิโหดมาทุกสมรภูมิจนเป็นที่รู้จักกันทั่วโลกส่วนจะรู้จักแบบเชิดชูหรือก่นด่าก็แล้วแต่ว่าอเมริกาจะเข้าไปสร้างความหายนะให้ชาติไหนหรือสร้างประโยชน์ในบ้านใครแม้ปู่คอลินจะผ่านมาทุกสมรภูมิ ยังต้องพ่ายแพ้ต่อโควิดในที่สุด
มนุษย์ทั้งหลายก็อย่าลำพองนักเลยว่าสามารถเอาชนะทุกสิ่งได้ในวันนี้เรายังต้องพ่ายแพ้ต่อไวรัสตัวน้อยที่ทำให้เรื่องความเท่าเทียมกันเป็นความจริง เพราะบุกไปทุกที่ไม่เว้นแม้แต่ทำเนียบขาวของอเมริกาในปราสาทราชวังของอังกฤษ หรือกระท่อมซอมซ่อริมแม่น้ำคงคา
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี