วันอาทิตย์ที่เพิ่งผ่านมาหมาดๆ เป็นวันอีสเตอร์หลายคนเดินทางกลับบ้านไปฉลองกับครอบครัวในโปแลนด์จะมีเทศกาลช่วงเวลาที่ใกล้เคียงกันนี้ เรียกว่าวันดิงกิสเดย์มีรายละเอียดปลีกย่อยแตกต่างไปเล็กน้อยหรือแม้ในหมู่ชาวยิวก็มีการฉลองที่เรียกว่าพาสโอเวอร์โดยรวมแล้วถือเป็นวันครอบครัวอีกวันหนึ่งที่ทุกคนรวมตัวกินกินดื่มและเฉลิมฉลองร่วมกัน เช่นเดียวกับวันคริสต์มาสและวันขอบคุณพระเจ้ามื้ออาหารวันอีสเตอร์มักอบแฮมเป็นหลัก รับประทานคู่สลัดและมันฝรั่งอบ
อเมริกันมักกล่าวติดตลกว่าคนในครอบครัวจะมาเจอกันปีละสามหนคือ วันอีสเตอร์วันขอบคุณพระเจ้าและวันคริสต์มาสเพราะเป็นวันหยุดสำคัญที่เฉลิมฉลองด้วยอาหารมื้อพิเศษ ส่วนเด็กๆจะได้ตะกร้าของขวัญที่เรียกว่าตะกร้าอีสเตอร์บรรจุช็อคโกแลตรูปกระต่ายหรือไข่ และของเล่นนานาชนิดจึงเป็นอีกวันหนึ่งที่เด็กๆ เฝ้ารอ
เทศกาลนี้เป็นเทศกาลที่สำคัญยิ่งในหลายศาสนาโดยเฉพาะศาสนาคริสต์ภายหลังศาสนาคริสต์นำความเชื่อของชาวเพเกินมาผสมผสานกำหนดให้วันอีสเตอร์เป็นวันระลึกถึงวันที่ฟื้นขึ้นมาจากความตายของพระเยซูคริสต์ และตรงกับวันอาทิตย์
คำว่า อีสเตอร์ นั้นมาจากคำว่า EOSTRE ซึ่งเป็นชื่อของเทพเจ้าแห่งฤดูใบไม้ผลิของพวกทูโทนิคอันเป็นเทพเจ้าของเยอรมันและเป็นเทพแห่งการฟื้นคืนชีพก่อนถึงช่วงใบไม้ผลิคือฤดูหนาวอันยาวนาน พอถึงฤดูใบไม้ผลิหิมะละลาย ต้นไม้เริ่มผลิใบอีกครั้งเป็นสัญญาณของการฟื้นคืนชีวิตใหม่ฤดูใบไม้ผลิจึงถูกนำมาเปรียบกับการฟื้นขึ้นมาจากความตายของพระเยซูด้วย
วันอีสเตอร์อยู่ในช่วงฤดูใบไม้ผลิคือระหว่างเดือนมีนาคมและเมษายนแต่หากศึกษาความเป็นมาที่แท้จริงของเทศกาลนี้แล้วจะพบว่าเป็นเทศกาลที่พัฒนามาจากเทศกาล “ปัสกา” หรือพาสโอเวอร์ของยิวซึ่งเทศกาลปัสกานี้เป็นเทศกาลที่ชาวยิวระลึกถึงภาวะการหลุดพ้นจากการเป็นทาสในอียิปต์นั่นเอง
สมัยก่อนคริสตจักรต่างๆ จัดฉลองวันอีสเตอร์ไม่ตรงกัน จนถึงปี ค.ศ.325 สภาไนเซียหรือสภาผู้นำคริสตจักรทั่วโลกมีมติให้คริสตจักรทั่วโลกฉลองเทศกาลอีสเตอร์ตรงกัน โดยกำหนดวันอีสเตอร์คำนวนตามระบบจันทรคติ
เหตุผลที่ทำให้การเฉลิมฉลองวันอีสเตอร์ในแต่ละปีไม่ตรงกันนั้นเพราะพระคัมภีร์ไม่ได้ระบุไว้ชัดเจนแต่ที่แน่ๆมักฉลองในช่วงเดียวกับที่ชาวยิวฉลองปัสกาการคำนวนวันอีสเตอร์ของคริสเตียนยุคก่อนจึงอิงกับการคำนวนวันเฉลิมฉลองเทศกาลปัสกาของชาวยิวเป็นหลัก
ปี ค.ศ. 325 จักรพรรดิคอนสแตนตินของอาณาจักรโรมันตัดสินว่าเทศกาลอีสเตอ
ร์ควรต้องตรงกับวันอาทิตย์ เพราะพระเยซูถูกตรึงกางแขนวันวันศุกร์ดังนั้นหากพระองค์คืนชีพในอีกสองวันต่อมาจะต้องเป็นวันอาทิตย์โดยกำหนดไว้ว่าต้องเป็นวันอาทิตย์แรกหลังพระจันทร์เต็มดวงในวัน Spring Equinox ซึ่งเป็นวันที่กลางวันเท่ากับกลางคืน พูดง่ายๆคือจะต้องฉลองวันอีสเตอร์หลังจากวันที่ 21 มีนาคมและกำหนดฉลองอีสเตอร์จะอยู่ช่วงระหว่างวันที่ 21 มีค.-25 เมย.ของทุกปี
ขณะที่ศาสนาคริสต์แผ่ขยายออกไปทั่วทวีปยุโรปมีการผสานความเชื่อของชาวเพเกินบางอย่างเข้ากับความเชื่อของศาสนาคริสต์ด้วย เช่นการใช้คำว่าอีสเตอร์ (Easter)อาจจะมาจากชื่อเทพแห่งฤดูใบไม้ผลิและความอุดมสมบูรณ์นอกจากนี้ยังนำไปสู่ประเพณีการซ่อนไข่อีสเตอร์
กิจกรรมวันอีสเตอร์เริ่มจากการไปรวมตัวกันที่โบสถ์เพื่อสวดมนต์ร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้า ทุกครอบครัวตกแต่งไข่เป็นลวดลายสีสันต่าง ๆเพื่อนำมามอบให้กัน บางโบสถ์จัดกิจกรรม รวมไปถึงจัดเกมสนุก ๆให้แต่ละครอบครัว โดยเฉพาะเด็กๆ ค้นหาไข่อีสเตอร์
สมัยก่อนจะนำไข่ต้มระบายสีต่างๆไปซ่อนเอาไว้ในพุ่มไม้หรือกอหญ้าเพื่อให้เด็กๆ ค้นหาช่วงเวลาแบบนี้ถือเป็นช่วงเวลาแห่งความสุขระยะหลังใช้ไข่พลาสติกที่ใส่ขนมเอาไว้ข้างใน เด็กๆจะพยายามตามล่าหาไข่อีสเตอร์ให้ได้มากที่สุดเพื่อสะสมขนมเป็นการแข่งขันที่ไม่ได้เน้นแพ้หรือชนะแต่ใครหาไข่ได้มากที่สุดจะได้ขนมเป็นรางวัล
ประเพณีการคลำไข่อีสเตอร์กลายเป็นประเพณีที่ได้รับความนิยมระดับประเทศในอเมริกาโดยเฉพาะในทำเนียบขาว ปี ค.ศ. 1876
สภาคองเกรสออกกฎห้ามเด็กๆ หาไข่ในพื้นที่ของสภาดังนั้นประธานาธิบดี รัทเธอร์ฟอร์ด บี. เฮสจึงเปิดสนามหญ้าของทำเนียบขาวให้เด็กๆเข้ามาเล่นกันแทนหลังจากนั้นประเพณีกลิ้งไข่อีสเตอร์ก็กลายเป็นประเพณีทำเนียบขาวโดยประธานาธิบดีจะมาร่วมเล่นสนุกกับเด็กๆ ด้วยทุกปี
แม้ว่าเทศกาลอีสเตอร์จะเป็นวันที่ชาวคริสต์เฉลิมฉลองการฟื้นคืนพระชนม์ของพระเยซูแต่ระยะเวลาอันยาวนานที่ผ่านมานี้ทำให้ธรรมเนียมประเพณีใหม่ๆถูกผนวกเข้ามา บ้างเป็นประเพณีทางศาสนา บ้างก็เพื่อความสนุกสนานแต่นับว่าเป็นช่วงเวลาที่ทุกคนในครอบครัวมารวมตัวกันเพื่อเฉลิมฉลองการมาถึงของฤดูใบไม้ผลิด้วย
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี