เรื่องราวของการกินเนื้อคนแม้จะฟังดูน่าสยดสยอง แต่หากศึกษาประวัติศาสตร์และอารยธรรมทั่วโลกจะพบว่าหลายชนเผ่าในยุคโบราณนิยมกินเนื้อมนุษย์ โดยมีเหตุผลหลากหลาย เช่น เป็นส่วนหนึ่งของพิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์ การล้างแค้น การถ่ายทอดพลังความสามารถ หรือเพราะความอดอยาก บางเผ่าหรือบางคนมองว่าเนื้อคนเป็นอาหารเช่นเดียวกับเนื้อสัตว์ทั่วไป การกินเนื้อพวกเดียวกันเองนั้นพบในหลายวัฒนธรรม ตั้งแต่หมู่เกาะแถบทะเลแคริบเบียน บางส่วนของเอเชีย แอฟริกา ไปจนถึงเกาะนิวกินี
คริสโตเฟอร์ โคลัมบัสล่องเรือผ่านอเมริกากลาง เผชิญหน้ากับชาวแคริบซึ่งเป็นชาวเกาะที่ดุร้ายและกินเนื้อมนุษย์ พวกแคริบเป็นชนเผ่านักรบ มักยกกองเรือโจมตีชนเผ่าอื่นเกาะใกล้เคียงเสมอ หลังการโจมตีจะนำเชลยกลับไปยังหมู่บ้านและฆ่ากินเป็นอาหาร พวกสเปนลูกเรือของโคลัมบัสพบเห็นด้วยตาตนเองจึงเขียนบันทึกไว้ ความดุร้ายเหี้ยมโหดของชนเผ่าแคริบนี้เป็นที่หวาดกลัวของชนเผ่าอื่นๆ ทำให้น่านน้ำในบริเวณนั้นถูกตั้งชื่อตามชนเผ่านี้ว่า “ทะเลแคริบเบียน”
ช่วงศตวรรษที่ 15 มีบันทึกของชาวโปรตุเกสที่ล่องเรือมายังดินแดนแถบเอเชียอาคเนย์และเขียนเล่าถึงชนเผ่าต่าง ๆ แถบนี้ ได้เล่าถึงชนเผ่านักรบดุร้ายที่เรียกว่า กุออส (Guaos) อาศัยอยู่บนภูเขา พวกกุออสนี้เป็นชนพื้นเมืองที่ชำนาญการรบบนหลังม้า มักจะขี่ม้าลงมาโจมตีชาวลาวและชนพื้นเมืองอื่น ๆ ในที่ราบเสมอ นอกจากนี้ยังกินเนื้อคนอีกด้วย นักประวัติศาสตร์ในยุคหลังสันนิษฐานว่า ชาวกูออสที่พวกโปรตุเกสบันทึกไว้นี้ คือชนเผ่าว้า ซึ่งเป็นชนกลุ่มเดียวกับชาวว้าในรัฐว้าของพม่าปัจจุบัน เมื่อราวห้าร้อยปีก่อนพวกว้าเคยมีถิ่นอาศัยกระจายตัวมาถึงบริเวณภาคเหนือของล้านนา
ชาวว้าเป็นนักรบที่ดุร้ายจนเป็นที่น่าเกรงขามแก่ทุกชนเผ่าโบราณ เพราะมีธรรมเนียมล่าหัวคนเพื่อนำมาสังเวยผีไร่ โดยเชื่อว่าหัวคนจะบันดาลให้ผีไร่พอใจและทำให้พืชผลอุดมสมบูรณ์ นอกจากจะเคยเป็นนักล่าหัวมนุษย์แล้ว ในสมัยโบราณชาวว้ายังมีประเพณีกินเนื้อมนุษย์ด้วย ชนเผ่าว้านิยมการเซ่นผีด้วยหัวมนุษย์ต่างถิ่นมากว่าคนในท้องถิ่น เชื่อว่าวิญญาณของผู้ตายจะถูกตรึงให้วนเวียนอยู่ในพื้นที่และไม่อาจออกนอกหมู่บ้านของว้าได้อีก บางหมู่บ้านมีเสาแขวนหัวมนุษย์ตั้งไว้ถึง 100-150 เสา และพบว่าหัวมนุษย์นั้นสามารถตั้งบูชาผีไว้ได้นานถึง ๑๐ ปีโดยไม่ต้องเปลี่ยนใหม่
หลายคนคงคิดว่าในโลกปัจจุบันนั้นคงไม่มีการกินเนื้อมนุษย์ด้วยกันเองแล้ว แต่ผิดถนัด เพราะมีหลายเคสที่เป็นมนุษย์กินคน มีเคสหนึ่งที่น่าสนใจมากเพราะตัวฆาตกรเป็นคนที่มีการศึกษาสูงและชอบกวีนิพนธ์ตะวันตก !
อิสเซะ ซางาวะ เป็นมนุษย์กินคนที่ว่า เกิดมาในครอบครัวร่ำรวย พ่อจึงส่งลูกชายไปเรียนที่ปารีส เพราะอิสเซะเป็นนักศึกษาทางด้านภาษาและวรรณคดีที่เก่งกาจ แต่กลับกลายเป็นว่าอิสเซะก่อคดีสยองขึ้นที่นั่นแทน ด้วยการจ้างสาวสวยเรอเน่ มาสอนบทกวีและภาษาเยอรมนีที่อพาร์ตเม้นท์ของตน ก่อนจะลงมือสังหาร อิสเซะให้เธออ่านบทกวีไพเราะภาษาเยอรมันให้ฟัง โดยบันทึกเสียงไว้ เมื่ออ่านเสร็จ ก็ยิงเธอตายคาโต๊ะอ่านหนังสือนั่นเอง หลังจากนั้นอิสเซะเริ่มเฉือนเนื้อเรอเน่ทีละส่วน สองวันถัดมาอิสเซะถูกจับได้
มาดูฝั่งอเมริกาบ้าง คนกินเนื้อคนที่ก่อคดีหวาดสยองรายหนึ่งในอเมริกาคือ เจฟฟรีย์ ดาห์เมอร์ เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 1991 เวลา 23.30น.รัฐวิสคอนซิน เมืองมิลวอกี ขณะที่นายตำรวจสายตรวจ 2 คนกำลังลาดตระเวณชายผิวดำใส่กุญแจมือวิ่งเข้ามาขอความช่วยเหลือ เมื่อตำรวจตามชายดังกล่าวไปยังออกซ์ฟอร์ดอพาร์ทเมนท์ ห้อง 213 พบกับชายหนุ่มผิวขาวผมบรอนด์เปิดประตูออกมาต้อนรับด้วยท่าทางใจเย็น โดยแนะนำตัวว่าชื่อ เจฟฟรีย์ ดาห์เมอร์
ตำรวจได้กลิ่นเหม็นเน่าจากในห้องเลยขอตรวจค้น เจอหัวคน 4 หัวในตู้เย็น เนื้อและเครื่องในมนุษย์ถูกบรรจุอย่างดีไว้ในถุงพลาสติก บนชั้นวางของมีกระโหลกมนุษย์ 3 หัว ส่วนชั้นล่างคือที่วางกระดูกชิ้นส่วนอื่นๆ ในกล่องกระดาษมีกระโหลกอีก 2 หัว อัลบั้มภาพถ่ายอันสุดจะบรรยาย หม้อบนเตากำลังต้มส่วนศีรษะมนุษย์ 2 หัวซึ่งกำลังเปื่อยได้ที่ บนพื้นมีเศษผิวหนังกับนิ้วมือ ในถังสีฟ้าคือชิ้นส่วนร่างกายมนุษย์ 3 ร่างในกรดเกลือ เจฟฟรีย์ ดาห์เมอร์ถูกจับกุม และถูกตัดสินในข้อหาสังหารคนไป 17 ราย แต่ เนื่องจากรัฐวิสคอนซินยกเลิกโทษประหารไปแล้ว เจฟฟรีย์จึงถูกตัดสินโทษจำคุกตลอดชีวิต และในวันที่ 28 พฤศจิกายน 1994 ถูกนักโทษคนอื่นทุบด้วยท่อนเหล็กจนตายขณะรับเวรทำความสะอาด
ในประเทศไทยเองมีคดีกินเนื้อคนที่โด่งดังในสมัยก่อนอย่างนายซีอุย แซ่อึ้ง ที่ฆ่าเด็กเพื่อกินตับเพราะความเชื่อแบบผิดๆ การกินเนื้อคนแสดงที่ยังปรากฎอยู่ตลอดเวลาแม้ในปัจจุบัน อาจแสดงให้เห็นว่าธรรมชาติด้านลึกของมนุษย์มีความอำมหิตแฝงเร้นอยู่ ไม่ว่าโลกรอบข้างจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรก็ตาม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี