สมชื่ออเมริกาอเมริโกยจริงๆ โดยเฉพาะด้านการค้าการขายอาวุธ แม้เศรษฐกิจด้านอื่นทรุดฮวบ จนบริษัทยักษ์ใหญ่
ของอเมริกาหลายบริษัท ต้องปลดพนักงานออกเพียบ แต่ดูเหมือนว่าตลาดด้านการค้าอาวุธของลุงแซมเฟื่องฟูอู้ฟู่สุดๆ
กระทรวงการต่างประเทศอเมริกาเปิดเผยว่า ยอดขายอาวุธยุทโธปกรณ์ของสหรัฐฯ แก่รัฐบาลต่างชาติทั้งหลายเพิ่มขึ้นถึง 49% ในปีงบประมาณล่าสุด แตะระดับ 205,600 ล้านดอลลาร์ หรือราว 6.7 ล้านล้านบาท รวมถึงการขายฝูงบินรบ F-15ID มูลค่า 13,900 ล้านดอลลาร์ แก่อินโดนีเซีย เรือรบผิวน้ำอเนกประสงค์ (Multi-Mission Surface Combatant) แก่กรีซ มูลค่า 6,900 ล้านดอลลาร์ และเอบรามส์ M1A2 แก่โปแลนด์ มูลค่า 6,000 ล้านดอลลาร์
เจเนรัล ไดนามิคส์ คอร์ป เป็นผู้ผลิตรถถังเอบรามส์ ส่วนเครื่องบินรบ F-15 ผลิตโดยโบอิ้ง และล็อกฮีด มาร์ติน เป็นผู้ผลิตเรือ
รัฐบาลต่างชาติสามารถซื้ออาวุธจากบริษัทสหรัฐฯได้สองทาง ทางแรกคือการซื้อตรงจากบริษัทค้าอาวุธ เช่น โบอิ้ง และล็อกฮีด มาร์ติน ส่วนทางที่สองคือซื้อผ่านเจ้าหน้าที่ของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ที่ประจำอยู่ตามสถานทูตอเมริกาในประเทศต่างๆ ซึ่งทั้ง 2 วิธีต้องผ่านการรับรองจากรัฐบาลอเมริกันเสียก่อน
ยอดการขายอาวุธแบบขายตรงระหว่างบริษัทอาวุธ กับรัฐบาลต่างชาติเพิ่มขึ้น 48.6% เป็น 153,700 ล้านดอลลาร์ ในปีงบประมาณ 2022 จากระดับ 103,000 ล้านดอลลาร์ ในปีงบประมาณ 2021 ส่วนยอดการซื้ออาวุธผ่านทางรัฐบาลสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 49.1% เป็น 51,900 ล้านดอลลาร์ ในปีงบประมาณ 2022 จากระดับ 34,800 ล้านดอลลาร์ ของปีงบประมาณก่อนหน้านั้น สรุปง่ายๆ คือเซ็งลี้ขายดีเฮงๆ ทุกทาง
แม้ในยามหน้าสิ่วหน้าขวาน มีการยิงขีปนาวุธใส่กันตูมตามระหว่างรัสเซียกับยูเครน ลุงแซมก็ยังไม่วายโฆษณาขายอาวุธ ด้วยการประกาศว่า ใครที่อยากซื้ออาวุธเอาไปมอบให้ทางยูเครน เพื่อแสดงความเป็นพันธมิตรหรืออะไรก็ตามแต่ มาซื้อได้ที่อเมริกาจ้ะ ที่นี่มีขายครบวงจร
ล็อกฮีด มาร์ติน บริษัทผู้ผลิตอาวุธรายใหญ่ของโลกประกาศปังดังลั่นโลกว่า ใครอยากได้ ก็จัดออเดอร์มาเล้ย แถมเน้นย้ำว่า พร้อมยกระดับกำลังผลิต ให้ทันออเดอร์ใหม่ๆ จากนั้นแย้มพรายว่า บริษัทล็อกฮีด มาร์ติน พูดคุยกับบรรดาประเทศที่ 3 ที่อยากซื้อเครื่องบินรุ่นเอฟ-16 แล้วนำส่งต่อไปยังยูเครน นิสัยพ่อค้าเซ็งลี้ฮ้อชัดๆ คือแม้จะไม่ได้มีเอี่ยวกับการเจรจาความด้านการส่งมอบเครื่องบินเอฟ-16 ให้ยูเครน แต่ไปเกี๊ยะเซียะกับประเทศที่สามที่อยากซื้อเครื่องบินเอฟ-16 ส่งให้ยูเครนแทน แต่ทั้งหมดทั้งมวลคือบริษัทล็อกฮีด มาร์ติน นับเงินฟ่อนโตแน่นอน เพราะมีแต่ได้กับได้
แถมประกาศออกมาในจังหวะเหมาะสมเสียด้วย เพราะออกมาหลังจากที่อเมริกากับเยอรมนีจะส่งรถถังให้ยูเครน แต่เซเลนสกีที่ตอนนี้ชักไม่แน่ใจแล้วว่าเป็นขอทานหรือประธานาธิบดี ออกมาดิ้นเร่ากระทืบตีนฟูมฟายว่า จะเอาๆ จะเอาขีปนาวุธและเครื่องบินเพิ่ม วุ้ย..ได้คืบเอาศอกนะเธอ
แต่จนถึงตอนนี้อเมริกายังลังเลที่จะมอบเครื่องบินขับไล่ใดๆ แก่ยูเครน ด้วยกังวลว่าอาจถูกใช้โจมตีดินแดนรัสเซีย โหมกระพือสงครามให้ลุกเป็นไฟโหมไหม้กว่าเดิม แหมมมมมม..อยากลากเสียงให้ยาวถึงดาวอังคาร นี่ไม่กระพือโหมไฟเลยนะที่ผ่านมา เพราะอาจทำให้ความขัดแย้งที่ลากยาวเกือบปีระหว่างมอสโกกับเคียฟบานปลายมากยิ่งขึ้น ที่สำคัญการขายเครื่องบินขับไล่ที่ผลิตโดยสหรัฐฯ หรือการส่งมอบสู่ประเทศที่ 3 จำเป็นต้องผ่านความเห็นชอบจากทำเนียบขาวก่อน
มาดูกันว่าบริษัทค้าอาวุธสงครามเบอร์ต้นของโลกอยู่ที่ไหนกันบ้าง บริษัทค้าอาวุธจากอเมริกานั้นครองส่วนแบ่งกว่า 59% ของโลก และเกือบ 50% ของบริษัทค้าอาวุธสงครามในโลกเป็นบริษัทอเมริกัน
บริษัทค้าอาวุธที่ใหญ่ที่สุดในโลกคือ ล็อกฮีด มาร์ติน (Lockheed Martin Corporation) ซึ่งเกิดขึ้นจากการรวมตัว
สองบริษัทใหญ่ คือบริษัทขายเครื่องบิน Lockheed Corporation กับบริษัทขายจรวดและขีปนาวุธคือ Martin Marietta
สถาบันวิจัยสันติภาพนานาชาติสตอกโฮล์มเผยแพร่ข้อมูลอุตสาหกรรมอาวุธของโลกประจำปี 2561 จัดอันดับบริษัทที่มียอดขายจากการค้าอาวุธสูงที่สุดเอาไว้ 100 อันดับ 80 แห่ง เป็นบริษัทที่มาจากอเมริกา ยุโรป และรัสเซีย ส่วนประเทศที่มียอดขายสูงสุด 4 อันดับแรก ก็คือ อเมริกา รัสเซีย อังกฤษ และฝรั่งเศส ตรงนี้สิสำคัญ เพราะตัวเลขไม่โกหกว่า อเมริกาครองตำแหน่งยอดขายอันดับ 1 ในด้านการค้าอาวุธสงคราม
บริษัทผู้ผลิตอาวุธรายใหญ่ 5 อันดับแรกอยู่ในอเมริกาทั้งหมด โดยล็อกฮีด มาร์ติน เป็นบริษัทที่ครองแชมป์ผู้ผลิตอาวุธรายใหญ่ที่สุดของโลก ให้บริการผลิตภัณฑ์ด้านอากาศยาน อวกาศ และการป้องกันที่ทันสมัย เช่น เครื่องบินรบ
Missile System เรดาร์และเซ็นเซอร์ในการตรวจจับตำแหน่ง สัดส่วนรายได้หลัก 27% มาจากการเครื่องบินรบ F-35 Joint Strike Fighter ซึ่งเป็นเครื่องบินที่มีราคาแพงที่สุดในโลกมูลค่ากว่า 78 ล้านดอลลาร์ต่อลำ โดยในปี 2021 สามารถส่งมอบเครื่องบินนี้ได้ 142 ลำ ในขณะที่มี ยอดจองมากกว่า 3,100 ลำยาวไปจนถึงปี 2035
สงสัยไหมว่าผลกำไรของบริษัทอเมริกันเหล่านี้ค้าขายอาวุธรุ่งเรืองขนาดไหน ช่วงต้นที่เกิดสงครามยูเครน-รัสเซีย ส่งผลกระทบให้เศรษฐกิจทั่วโลกทรุดฮวบ แต่เว็บ Bi Brand Inside พาดหัวว่าหุ้นบริษัทอาวุธสงครามพุ่งขึ้น หลังชาติ
ตะวันตกประกาศแซงก์ชั่นรัสเซีย
โดยมีเนื้อข่าวดังนี้คือ แม้ตลาดทุนทั่วโลกจะปรับลดลงหลังการประกาศสงครามของรัสเซีย แต่หลังจากการประกาศแซงก์ชั่นของชาติตะวันตก นำโดยอเมริกา ตลาดหุ้นหลายแห่งกลับมาปรับตัวเป็นบวก โดยเฉพาะบริษัทด้านอาวุธสงคราม
ที่ปรับตัวสูงขึ้นกว่าตลาดทั้งหมด
Lockheed Martin Corp. บริษัทด้านอากาศยาน อวกาศและการป้องกันประเทศ ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในนามผู้ผลิตเครื่องบินรบ F-35 เพิ่มขึ้น 1.75% Northrop Grumman Corp. บริษัทผู้ผลิตอากาศยานทางการทหาร ต่อเรือรบ และเทคโนโลยีทางการทหาร เพิ่มขึ้น 2.44% ส่วน AeroVironment
บริษัทผู้ผลิตและจัดจำหน่ายโดรนทางการทหาร ราคาหุ้นเพิ่ม 9.63% อีกบริษัทคือ Raytheon Company บริษัท
ผู้ผลิตมิสไซล์และเรดาร์ เพิ่มขึ้น 2.75% ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวมานี้เป็นบริษัทอเมริกัน
คงพอมองเห็นภาพกันแล้วใช่ไหม มิตรรักแฟนเพลงทั้งหลายว่าใครกันนะที่ได้ผลประโยชน์จากสงคราม แล้วใครกันหนอที่คืออาชญากรสงครามตัวจริงของโลก ชาติไหนนะที่หากินกับความตาย
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี