วันพุธ ที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2568
ปีเก่า 2568 ได้เดินทางมาถึงเป็นวันสุดท้ายในวันพุธที่ 31 ธันวาคมวันนี้ สำหรับบ้านเราในรอบ 365 วันที่ผ่านมา มีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมายทั้งดีและร้ายให้ต้องทบทวนจดจำ ซึ่งก็อยู่ที่ว่าใครจะทบทวนจดจำไว้อย่างไร
มีคำกล่าวของนักเขียนไทยผู้ยิ่งยงในอดีต“เสนีย์ เสาวพงศ์”ได้พูดถึงกาลเวลาไว้ว่า ในบางครั้งบางคราว ความทรงจำของคนเราจะหวนกลับไปนึกถึงเหตุการณ์ ซึ่งบางทีก็เป็นเรื่องเล็กน้อยเหลือเกิน แต่ก็ยังตราตรึงไม่ลืมเลือน
และกาลเวลาไม่ว่าจะอยู่ในภาวะมืดหรือสว่าง แต่ก็ใส โปร่งและเปล่า ปราศจากสาระ ถ้าหากคนไม่ได้บรรจุกิจกรรม หรือการกระทำของเขาลงไป เช่น ตัวหนังสือ สีสัน หรือแสงและเสียง ซึ่งก็จะทำให้บนผนังของกาลเวลามีแต่ความว่างเปล่า
แต่โชคดีที่มนุษย์เรารู้จักประดิษฐ์ตัวอักษร และเครื่องมือในการขีดเขียน ดังที่ปรากฏให้เห็นจากแท่งศิลาจารึก ขวานหิน หม้อดินและจานกระเบื้อง ใบลาน สมุดข่อย จนกระทั่งใน พ.ศ.นี้จากกระดาษธรรมดา ก็มาอยู่บนจอคอมพิวเตอร์ และยามที่เราปิดเครื่องก็ยังมีหน่วยความจำเก็บบันทึกอยู่ในอากาศ
ปีนี้มีเหตุการณ์ใหญ่ๆ เกิดขึ้นในบ้านเรามากมายหลายเรื่อง เหตุการณ์ที่นับว่าใหญ่หลวง ก็คือ การเสด็จสวรรคตของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2568 นับเป็นเหตุการณ์ที่สร้างความโศกาดูรและสะเทือนใจคนไทยทั้งแผ่นดิน ด้วยพระมหากรุณาธิคุณที่พระองค์ทรงมีต่อพสกนิกรอย่างยาวนาน เปรียบประดุจ“แม่ผู้ยิ่งใหญ่ของแผ่นดิน” จึงทำให้เสียงสะอื้นไห้ดังก้องอยู่ในหัวใจของปวงชนชาวไทยทั่วทั้งแผ่นดิน และพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ยังคงสถิตอยู่ในใจของปวงชนตราบนิจนิรันดร์
ในทางธรรมชาติก็เกิดภัยพิบัติทั้งแผ่นดินไหวและมหาอุทกภัย อันนำมาซึ่งความสูญเสียชีวิตของประชาชน โดยที่เหตุการณ์แผ่นดินไหวขนาด 8.2 แมกนิจูด จากจุดเกิดเหตุในประเทศเมียนมาเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 แม้ศูนย์กลางจะอยู่ห่างจากกรุงเทพฯกว่า 1 พันกิโลเมตร แต่แรงสั่นสะเทือนก็ได้แผ่ขยายขยายรุนแรงจนส่งผลให้อาคารสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) แห่งใหม่ย่านจตุจักรที่กำลังก่อสร้าง พังถล่มลงมาทั้งหลังในพริบตา นำไปสู่ปฏิบัติการกู้ภัยที่ยาวนานถึง 45 วัน มีผู้เสียชีวิตและสูญหายทั้งหมด 109 ราย นับเป็นโศกนาฎกรรมแห่งปี 2568 ที่ต้องจดจำและทบทวนถึงความบกพร่อง จากการทุจริตเกี่ยวกับการก่อสร้างอาคาร ทั้งของเจ้าหน้าที่รัฐและเอกชนที่กำลังถูกดำเนินคดีอยู่ในเวลานี้
มหาอุกทกภัย เป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์ที่ต้องบันทึกไว้ เริ่มตั้งแต่ระลอกแรกในเดือนกรกฎาคม เมื่อพายุหลายลูกพัดถล่มเข้าประเทศไทย ทำให้เกิดฝนตกหนัก ดินถล่ม น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่งในหลายพื้นที่ของภาคเหนือและภาคกลางรวมทั้งหมด 11 จังหวัด มีประชาชนได้รับความเดือดร้อนมากกว่า 43,080 ครัวเรือน
จากนั้นก็ตามมาอีกระลอกในพื้นที่ 9 จังหวัดภาคใต้เมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมานี้เอง ถือว่าหนักสุดในรอบ 30-50 ปี และเป็นมหาอุทกภัยที่รุนแรงที่สุด ซึ่งต้องบันทึกไว้บนหน้าหนึ่งของประวัติศาสตร์ไทย โดยเฉพาะที่จังหวัดสงขลา อำเภอหาดใหญ่และเทศบาลนครหาดใหญ่ มีสภาพไม่ต่างจาก“เมืองใต้บาดาล”
โดยภาพรวมทั้ง 9 จังหวัดที่ประสบมหาอุทกภัยครั้งนี้ มีผู้เสียชีวิตทั้งหมด 176 ราย ที่มีผู้เสียชีวิตมากที่สุดคือจังหวัดสงขลา จำนวน 138 ราย และมีประชาชนมากกว่า 1 ล้านครัวเรือน ต้องประสบความสูญเสียทั้งทรัพย์สิน บ้านเรือน และสมาชิกในครอบครัว ทั้งนี้ สำหรับความเสียหายทางเศรษฐกิจ จากการประเมินในเบื้องต้นพบว่ามีมูลค่ามากกว่า 25,000 ล้านบาท
อีกเรื่องหนึ่งที่ต้องบันทึกไว้บนผนังของกาลเวลาของปี 2568 ก็คือข่าวฉาวโฉ่ในแวดวงพระสงฆ์ อันเป็นเรื่องที่ส่งผลสะเทือนต่อศรัทธาปสาทะของญาติโยมที่นับถือพระพุทธศาสนา จากการประพฤติผิดวินัยและผิดกฎหมายบ้านเมืองของพระสงฆ์ระดับเจ้าอาวาสและพระเถระ ตั้งแต่ระดับ“เจ้าคุณธรรม“ คือ พระธรรมวชิรานุวัตร หรือ“ทิดแย้ม”อดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง จังหวัดนครปฐม ลงมาถึงระดับ“เจ้าคุณเทพ”อีก 6 รูป ที่กระทำผิดจากการทุจริต การฟอกเงินกับธุรกิจผิดกฎหมาย เช่น เว็บพนัน และการใช้เงินวัดผิดวัตถุประสงค์ จนต้องพ้นจากสมณเพศและถูกดำเนินคดีอาญา
เฉพาะพระเถระที่เกี่ยวข้องกับ“สีกากอล์ฟ”และพบเงินหมุนเวียนย้อนหลัง 3 ปีในบัญชีของสีกาผู้นี้ มีถึง 385 ล้านบาทนั้น จากทั้งหมด 13 รูป มีระดับ “เจ้าคุณเทพ”ถึง 6 รูป คือ พระเทพวชิรปาโมกข์ อดีตเจ้าอาวาสวัดตรีทศเทพฯ กรุงเทพฯ, พระเทพวชิรธีราภรณ์ อดีตเจ้าอาวาสวัดพระพุทธฉาย จังหวัดสระบุรี, พระเทพวชิรธีรคุณ อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดปากน้ำภาษีเจริญ กรุงเทพฯ, พระเทพพัชราภรณ์ อดีตเจ้าอาวาสวัดชูจิตธรรมาราม จังหวัดพระนครศรีอยุธยา, พระเทพวัชรสิทธิเมธี อดีตเจ้าอาวาสวัดท่าหลวง และอดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร และพระเทพปวรเมธี ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสฯ กรุงเทพฯ
สุดท้ายอีกหนึ่งเหตุการณ์ใหญ่ในรอบปี 2568 ที่จะต้องบันทึกไว้ก็คือ เพราะเรามีรัฐบาลพรรคเพื่อไทยที่มีผลประโยชน์ทับซ้อนกับกัมพูชา ระหว่าง“ตระกูลชินวัตร” กับ“ตระกูลฮุน”ของเขมร โดยมีนายกรัฐมนตรีที่ชื่อ“แพทองธาร ชินวัตร” เป็นผู้นำประเทศ จึงเป็นเหตุให้กัมพูชาโดย“ฮุน เซน”เหิมเกริมก่อสงครามรุกรานไทย เพราะผลประโยชน์ที่ไม่ลงตัวระหว่างสองตระกูล และแม้วันนี้จะมีการลงนาม“หยุดยิง”แล้ว แต่ไฟสงครามก็ยังคุกรุ่น จากความไม่จริงใจของฝ่ายกัมพูชา ที่เชื่อกันว่าปีหน้าฟ้าใหม่ในปี 2569 สุนัขลอบกัดอย่าง“ฮุน เซน” ก็คงจะหาเรื่องเปิดศึกรอบใหม่กับไทยอีกเป็นครั้งที่สาม
ทางที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับเราคนไทย ก็คือ การเลือกตั้งในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2569 อีกสองเดือนข้างหน้านี้ จงใช้สติเลือกพรรคการเมืองที่คิดว่า เมื่อเข้าไปเป็นรัฐบาลแล้ว จะยืนหยัดปกป้องอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของชาติเราอย่างเต็มกำลังสามารถ โดยไม่คิดคดทรยศต่อชาติบ้านเมือง
ขอให้โชคดีมีสุขในปีใหม่ 2569 กันทุกท่านครับ !
รุ่งเรือง ปรีชากุล

กต.แถลง ปล่อยตัว18ทหารเชลยศึก กลับกัมพูชา ยึดหลักมนุษยธรรม-อนุสัญญาเจนีวา
ด่วน! ปล่อย18ทหารกัมพูชาแล้ว ตามถ้อยแถลงร่วมJS หลังหยุดยิง72ชม.
รวบวงจรนรก! นาวิกโยธินจับ6จีนเทาลอบข้ามแดน หวังใช้เทศกาลบังตาจนท.
ดร สามารถ ราชพลสิทธิ์ โพสต์ร่ายยาว วงการวิศวกรรมไทย บทเรียนที่ถูกลืม
ศรัทธาแกร่งกว่ากระสุน เผยภาพสุดอัศจรรย์ พระบรมรูป ร.5 ยังคงตระหง่านกลางซากปรักหักพัง

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี