อาทิตย์ที่ผ่านมาเกิดเหตุการณ์ระดับอภิมหามหึมา ที่ชาวโลกเกาะติดยิ่งกว่าศึกวันทรงชัย เพราะนี่คือการพบกันระหว่างสองผู้นำชาติมหาอำนาจจีนกับรัสเซีย ประธานาธิบดีปูตินเชิญประธานาธิบดีสี จิ้นผิงไปเยือนมอสโก เรื่องนี้นับเป็นเรื่องสำคัญมาก เรียกได้ว่าเป็นจุดหักเหของโลกเลยก็ว่าได้

เฮียสีเดินทางเข้าถ้ำหมีที่รัสเซีย ปูตินต้อนรับอย่างสมเกียรติ เจรจาอย่างถ้อยทีถ้อยอาศัย  ทั้งคู่เรียกขานอย่างมีไมตรีจิตว่า  “เพื่อนรัก” จบลงด้วยการออกแถลงการณ์ร่วม แล้วชนแก้วแชมเปญอย่างชื่นมื่นในช่วงค่ำ เล่นเอาอเมริกาถึงกับเบ้ปากมองบน ตาเขียวปั๊ด 

สี จิ้นผิงบอกกับปูตินว่า “นี่คือความเปลี่ยนแปลงที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในรอบ 100 ปี เมื่อเราร่วมมือกัน เราจะขับเคลื่อนความเปลี่ยนแปลงนี้” ส่วนปูตินตอบว่า “ผมเห็นด้วย”   แล้วสี จิ้นผิง ก็ร่ำลาด้วยประโยคว่า “ดูแลตัวเองดี ๆ นะเพื่อนรัก”

ได้ข่าวแว่วมาว่าพี่ปูตินจัดไอศกรีมให้เฮียสีเป็นของหวาน เพราะรู้ใจว่าท่านประธานสีชอบกินไอศกรีมสุดๆ  ตอนนี้เฮียสีบินกลับปักกิ่งไปเรียบร้อยโรงเรียนจีนแล้ว  ทุกสำนักข่าวประโคมข่าวรัวๆ แต่ประเด็นสำคัญสุดๆ เวลานี้คือ ทั้งคู่คุยอะไรกัน  เพราะคุยหลายวันหลายเรื่องเหลือเกิน  ไฮไลต์ของการเจรจาสรุปสั้นๆ ได้ดังนี้

ประเด็นแรก-คุยเรื่องสงครามในยูเครน เฮียสีหิ้วแผนสันติภาพ 12 ข้อไปให้พี่ปูตินดู โดยเรียกร้องให้มีการเจรจาสันติภาพ ให้หยุดทุกการกระทำ ที่นำไปสู่ความตึงเครียดและยืดเยื้อ เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เลวร้าย จนถึงจุดที่ควบคุมไม่ได้ ปูตินเห็นด้วย  แต่แอบเหน็บเพิ่มเติมว่าชาติตะวันตกกับยูเครนต่างหากที่ไม่พร้อมเจรจา ทั้งสองฝ่ายเห็นว่าการเจรจาอย่างมีความรับผิดชอบเป็นวิธีดีที่สุด ประชาคมระหว่างประเทศควรสนับสนุนความพยายามในเรื่องนี้

ประเด็นที่ 2 -ทั้งสองผู้นำร่วมกันกระซวกไส้สหรัฐและพันธมิตร ทั้งเฮียสีและปูตินอัดอเมริการัวๆ ว่า อเมริกานี่แหละที่ต้องหยุดทำลายความมั่นคงทางยุทธศาสตร์ชาติอื่น หยุดพัฒนาระบบป้องกันขีปนาวุธระดับโลกนี่คือการส่งสาส์นโดยตรงถึงอเมริกาและบรรดาลูกหาบตะวันตกเลยนะว่า ชอบแส่เข้าไปทำลายความมั่นคงของชาติอื่น ๆ เพื่อให้อเมริกาและฝูงลูกหาบตะวันตกได้เปรียบทางทหาร การเมือง และเศรษฐกิจ

ประเด็นที่ 3. ประสานความร่วมมืออย่างไร้ขีดจำกัดระหว่างกัน มีการลงนามหลายชุด เกี่ยวกับความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ด้านต่างๆ เพื่อประสานความร่วมมือแบบ “ไร้ขีดจำกัด” ที่ทั้งสองประเทศประกาศไว้ ก่อนที่รัสเซียจะบุกยูเครน

ประเด็นที่ 4 สานความร่วมมือทางทหาร ทั้งสองชาติสัญญาว่าจะมีการฝึกซ้อมทางทหารร่วมกันอย่างสม่ำเสมอมากขึ้น  แต่ไม่ได้หมายถึงพันธมิตรทางการทหารเพื่อต่อต้านชาติไหน

ประเด็นที่ 5 กระชับความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ-การค้าทวิภาคี   ทั้งคู่ลงนามในแถลงการณ์ร่วมเกี่ยวกับแผนพัฒนาทางเศรษฐกิจหลายชุด ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจจีน-รัสเซีย 2030  เฮียสีย้ำว่าพร้อมขยายความร่วมมือกับรัสเซียในด้านการค้า การลงทุน ห่วงโซ่อุปทาน โครงการขนาดใหญ่ พลังงาน และเทคโนโลยีขั้นสูง ส่วนปูตินนั้นบอกว่า รัฐบาลรัสเซียพร้อมช่วยเหลือธุรกิจจีนให้ตั้งบริษัทในรัสเซีย   แทนบริษัทตะวันตกที่คว่ำบาตรรัสเซีย และย้ายออกจากรัสเซีย

ประเด็นที่ 6 รัสเซีย จีน และมองโกเลียบรรลุข้อตกลง เกี่ยวกับท่อส่งก๊าซ Power of Siberia 2 ที่วางแผนไว้สำหรับการจัดส่งก๊าซธรรมชาติของรัสเซียไปจีน  ผ่านมองโกเลีย แถมรัสเซียยังสัญญาว่าจะส่งน้ำมันไปจีนมากกว่าเก่าด้วย แต่ก่อนจีนซื้อน้ำมันจากซาอุดีอาระเบียมากที่สุด ตอนนี้จีนซื้อน้ำมันจากรัสเซียมากกว่าซื้อจากซาอุดีอาระเบีย

ประเด็นที่ 7.สี จิ้นผิง เชิญปูตินเยือนจีนในปีนี้ และเสนอให้มีการประชุมระหว่างนายกรัฐมนตรีของสองประเทศเป็นประจำด้วย

ส่วนอเมริกานั้นไม่ต้องพูดถึง เกรี้ยวกราดตามสันดาน  แอนโทนี บลิงเกน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐออกมาเตือนประชาคมโลกว่า อย่าหลงเชื่อรัสเซียและจีนเกี่ยวกับประเด็นสงครามยูเครน แหม..อิจฉาแหละ ดูออก สรุปคือทั้งโลกอยากยุติสงคราม แต่อเมริกาไม่อยาก ยกข้ออ้างโน่นนี่ เพราะจะขายอาวุธนั่นแหละ ห่วงผลประโยชน์ตัวเองสินะ

อเมริกากล่าวหาว่าความเคลื่อนไหวของปักกิ่งอาจเป็นกลยุทธ์เตะถ่วง เพื่อช่วยเหลือรัสเซีย ซึ่งสหรัฐฯ กล่าวหาด้วยว่า ปักกิ่งกำลังพิจารณาส่งออกอาวุธไปมอสโก คำกล่าวอ้างที่จีน ปฏิเสธโดยสิ้นเชิงแต่บลิงเคนเพิ่งออกมายอมรับเสียงอ่อยๆ ต่อสภาคองเกรสว่า ไม่พบหลักฐานว่าจีนส่งอาวุธให้รัสเซีย

เอางี้นะจ๊ะ ลุงแซม ถ้าทุกประเทศอยากยุติสงคราม เห็นดีเห็นชอบกับแผนสนติภาพของเฮียสี ก็อย่ายื่นตีนขวางเลย คงกลัวจีนได้หน้าและกลายเป็นฮีโร่ของชาวโลกนั่นเอง ถึงเตะสกัดทุกทางอย่างนี้  หากใครสามารถเป็นตัวกลางกาวใจที่หยุดสงครามได้ ขอให้ทำเถอะ เพราะชาวโลกเดือดร้อนสาหัส  พลเมืองชาติตะวันตกในยุโรปออกมาประท้วงไม่เอาสงคราม ในขณะที่เริ่มมีการประท้วงไม่เอาสงครามในอเมริกาให้เห็น เรื่องนี้อยากบอกว่า  หากอเมริกามือไม่พาย  ก็อย่าเอาตีนราน้ำเลย สงสารชาวโลกบ้าง