การปรากฏตัวของ “คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์” ในที่สาธารณะนั้น เป็นที่รู้กันมาแต่ไหนแต่ไรว่าไม่ใช่เรื่องธรรมดา
“นามของคน เงาของไม้” เป็นคำกล่าวที่มักจะได้ยินในนิยายกำลังภายในยุทธจักรบู๊ลิ๊มของ “โกวเล้ง” ที่เหล่าจอมยุทธ์เมื่อได้ยินชื่อผู้เยี่ยมยุทธ์แล้ว จะต้องรู้สึกหนาวสะท้านจับขั้วหัวใจ
ในฤทธิ์มีดสั้นก็มี ลี้คิมฮวง, เซี่ยงกัวกิ้มฮ้ง, อาฮุย, จินบ่อเมี้ย เป็นต้น หรือในชุดหงส์ผงาดฟ้านอกจาก “เล็กเซียวหงส์” ก็ยังมี “ไซมึ้ง ซวยเซาะ” อีกหนึ่งคน
แต่สำหรับสุภาพสตรีในยุทธจักรบู๊ลิ้มของโกวเล้งที่โดดเด่นอย่างจอมยุทธ์ที่เป็นบุรุษเพศนั้น มีน้อยแทบจะนับตัวได้ แต่ก็ไม่ทรงอิทธิพลหรือมีบทบาทถึงกับทำให้วงการยุทธจักรสั่นสะเทือนเท่ากับตัวละครชายดังที่เอ่ยนามมานั้น
จะมีก็ “ลิ้มเซียนยี้” ซึ่งเป็นตัวละครในเรื่องฤทธิ์มีดสั้น นางงดงามหยาดเยิ้มราวเทพธิดาจำแลงลงมา ได้ชื่อว่าหญิงงามสะคราญอันดับหนึ่งแห่งแผ่นดิน แต่เป็นความงามที่เปี่ยมด้วยยาพิษ หลอกล่อผู้คนโดยเฉพาะบุรุษเพศให้ลุ่มหลงเพียงเพื่อจะใช้ประโยชน์จากคนเหล่านั้นแค่นั้นเอง
การปรากฏตัวครั้งล่าสุดของ “คุณหญิงอ้อ-พจมาน ดามาพงศ์” ในวัย 67 ปี เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2566 สองวันหลังจาก “อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร” บุตรสาวคนเล็กที่เป็นกล่องดวงใจได้รับเลือกเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทยคนใหม่ ในงาน “แสงนำใจไทยทั้งชาติ เดิน วิ่ง ปั่น ป้องกันอัมพาตครั้งที่ 9 เฉลิมพระเกียรติ” ณ ท้องสนามหลวง คือสัญญาณบ่งบอกได้ดีว่า ใครเป็นใครที่ทรงอิทธิพลแห่งพรรคเพื่อไทยในเวลานี้ ในยามที่ “นายใหญ่” ต้องติดจำอยู่บนชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ
จะว่าไปก็เป็นเรื่องไม่น่าแปลกใจ เพราะก่อนหน้านี้ในช่วงหาเสียงเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2566 คุณหญิงพจมาน-นายหญิงแห่งบ้านจันทร์ส่องหล้า ก็มักจะออกมาปรากฏตัวเคียงคู่กับบุตรสาวคนนี้อยู่เสมอ
ภาพข่าวคุณหญิงพจมานปรากฏตัวให้กำลังใจ“แพทองธาร ชินวัตร” ในกิจกรรมครอบครัวเพื่อไทย “สะบัดชัย เพื่อไทยมาเหนือ” ที่ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติ จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 10 กันยาน 2565 ก็เคยเป็นประเด็นร้อนทางการเมืองมาแล้ว
เป็นประเด็นร้อนที่พาดเกี่ยวกับเก้าอี้นายกรัฐมนตรีของอุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร และสุดท้ายคุณหญิงอ้อก็เป็นคนติดเบรกลูกสาว ด้วยเห็นว่า-ยังไม่ใช่เวลาของอุ๊งอิ๊งที่อายุยังน้อยและประสบการณ์ก็น้อย ทำให้เก้าอี้นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ตกเป็นของ “เศรษฐา ทวีสิน”
อย่างไรก็ดี จากการปรากฏตัวของนายหญิงแห่งบ้านจันทร์ส่องหล้าครั้งนี้ ถึงขนาดสื่อเรียกขานเสมือนฉายาใหม่ของคุณหญิงอ้อว่า “นางพญา” ด้วยภาพที่มีใครต่อใครทั้งรัฐมนตรี นักการเมืองและข้าราชการต้องมาประน้อมค้อมไหว้นั้น ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจอีกเช่นกัน เพราะในแวดวงการเมืองหรือในยุทธจักรการเมืองต่างรู้กันดีว่า เหนือนายใหญ่แห่งชั้น 14 ยังมี “นายหญิง” ผู้มีอำนาจแท้จริง
แม้แต่ “ทักษิณ ชินวัตร” ก็ยังเคยพูดถึงคุณหญิงอ้อที่มีบันทึกไว้ในหนังสือ “ตาดูดาวเท้าติดดิน” ว่า “ผมยอมรับเลยว่า ผมทำอะไรต้องได้รับการสนับสนุนจากภรรยา ทำการค้าภรรยาก็ช่วยสร้าง ทำการเมืองภรรยาก็ต้องเสริม...ผมยกย่องภรรยาเสมอว่า ถ้าไม่มีผู้หญิงชื่อพจมานคนนี้มาเคียงข้าง ความเจริญก้าวหน้าใดๆ ในทุกด้านของผมคงไม่ถึงครึ่งทางของวันนี้ หรืออาจไม่ถึงสามในสี่ด้วยซ้ำไป”
อันที่จริงนับตั้งแต่ “ทักษิณ ชินวัตร” หลบหนีคดีทุจริตไปอยู่ต่างแดน บุคคลที่เป็นเสาค้ำยันไม่ให้พรรคเพื่อไทยมีอันต้องล่มสลายในสภาพ“บ้านแตกสาแหรกขาด” คนในพรรคกระจัดพลัดพรายก็เพราะ “นางพญา” หรือนายหญิงแห่งบ้านจันทร์ส่องหล้าผู้นี้แต่เพียงผู้เดียวที่มีอิทธิพลสูงสุด
และก็อย่าได้แปลกใจ- “ดีลลับ” ที่ทำให้นักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ ชินวัตร ได้กลับคืนสู่แผ่นดินถิ่นเกิดอย่างเท่ๆ หลังจากต้องระเห็จหนีอยู่ต่างแดนกว่า 15 ปี ผู้อยู่เบื้องหลังแห่งเบื้องหลังที่เป็นตัวประสานสิบทิศจากทุกฝ่าย จนทำให้ทักษิณกลับมาได้ทั้งได้รับการลดโทษและไม่ต้องติดคุกแม้สักวันเดียวจนกระทั่งถึงวันนี้ ก็ด้วย “นางพญา” ผู้ได้ชื่อว่า “กราบพลาง สู้พลาง” คนนี้เป็นสำคัญ
ณ วันนี้ สามารถพูดได้ว่า ประเทศไทยไม่ใช่เพียงแค่ “หนึ่งประเทศสองนายกฯหนึ่งเทวดา” เท่านั้น หากแต่เหนือเทวดาชั้น 14 ยังมี “นางพญา” แห่งบ้านจันทร์ส่องหล้าผู้มีประกาศิตค้ำฟ้า !
รุ่งเรือง ปรีชากุล
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี