ตอนเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครเมื่อปีที่แล้ว ผู้สมัครที่ได้รับการเลือกตั้งเป็นผู้ว่าฯกทม. ได้คะแนนท่วมท้นน่าตื่นเต้นเกือบ1.4 ล้านเสียง จากการประกาศนโยบายว่าจะทำโน่นนี่นั่นนับร้อยอย่าง และสร้างความมั่นใจว่าทำการบ้านอย่างดีมาแล้วนานถึง 2 ปี
เป็นการพูดที่ภาษายุคนี้ต้องบอกว่า“หล่อเลย” (ไม่เกี่ยวกับหน้าตา) หลังจากเข้ามารับตำแหน่งจริงๆ ผ่านเวลาไป 1 ปีกว่า ตอนนี้คนจำนวนไม่น้อยที่ลงคะแนนให้น่าจะรู้สึกว่า “หล่อเลยไปเลย” ดูเหมือนการจะหาผลงานที่จับต้องได้ต้องใช้ความพยายามมองหาสักหน่อย
เห็นฝ่ายกองเชียร์ที่จงรักภักดีออกมาเถียงแทนว่า ทำงานหนัก ผลงานมากมาย เพียงแต่ไม่ได้ประกาศ ประมาณว่าปิดทองหลังพระหล่อได้อีก นึกแล้วก็ขำ ถ้าทำแล้วและทำได้จริงๆสำหรับวิสัยนักการเมืองที่ชอบโปรโมทตัวเองมีหรือจะไม่โฆษณาสรรพคุณของตน
ตอนนี้ผ่านมา 2 เดือน รัฐบาลใหม่โดยนายกรัฐมนตรีคนใหม่ก็ชักจะมีอาการเดียวกัน ไม่ว่าจะเรื่องค่าแรงขั้นต่ำ, เงินดิจิทัลกระตุ้นเศรษฐกิจ และอะไรต่อมิอะไรที่หาเสียงไว้บานเบอะ เอาแว่นขยายซูมแล้วซูมอีกก็ยังดูไม่ค่อยเป็นชิ้นเป็นอัน
นี่เป็นสิ่งที่ทุกคนต้องยอมรับ เพราะเราอยู่ในระบอบประชาธิปไตยที่เสียงส่วนใหญ่เป็นผู้กำหนด
ประชาธิปไตยเป็นระบอบที่ให้ความสำคัญกับการเลือกตั้ง จนบางทีการเลือกตั้งก็อาจจะสำคัญเกินไป ทำให้นักการเมืองพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้ได้คะแนนเสียง อย่างที่คำเก่าๆ ว่า ไว้ “ไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็เอาด้วยกล ไม่ได้ด้วยมนต์ก็เอาด้วยคาถา”
ผมไม่ได้หมายถึงนักการเมืองทุกคน แต่ผมหมายถึงนักการเมืองส่วนหนึ่ง ซึ่งนับวันก็จะมีมากขึ้น และไม่จำกัดรุ่น จำกัดวัย
เวทมนตร์คาถาของนักเลือกตั้งก็คือการโฆษณาชวนเชื่อ มีอยู่ 2 ระดับ หนักหน่อยก็คือการโกหกพกลมไปเรื่อย เบาลงมาหน่อยคือพูดความจริงไม่หมด คนที่สามารถทำอย่างแรกได้ต้องเป็นคนขาดแคลนยางอาย แต่จับได้ไล่ทันไม่ค่อยยาก ส่วนคนพวกหลังที่มีจำนวนเยอะขึ้นทุกที มีชั้นเชิงเกินกว่าจะชี้นิ้วเจาะจงว่าผิดตรงๆ พวกนี้สร้างอันตรายได้มากกว่า
การให้ความหวัง วาดฝันปั้นแต่งด้วยวาทศิลป์ บวกกับกลยุทธ์ในการโฆษณา การสร้างภาพผ่านสื่อ ยิ่งสมัยนี้มีอิทธิพลของสื่อสังคมออนไลน์ ยิ่งทำได้เร็วและกว้างขวางขึ้น สามารถกล่อมให้คนส่วนมากเชื่อถือ ปลื้มปริ่มบางครั้งถึงกับคลั่งไคล้เหมือนแฟนคลับศิลปิน ทำอะไรก็ไม่ผิด ทำผิดก็พร้อมจะยอมภัย ไปจนถึงเชื่อว่านักการเมืองที่ตนหลงใหลถูกกลั่นแกล้ง
นักเลือกตั้งมักจะใช้วิธีพูดความจริงเพียงบางส่วน สัญญาส่งเดชไปก่อนว่าทุกอย่างสามารถเป็นไปได้หมด คนฟังก็เคลิบเคลิ้ม เห็นสวรรค์อยู่รำไร แต่คนพวกนี้จะไม่มีคำอธิบายว่าถ้าเกิดอุปสรรคปัญหาขึ้นมา จะทำอย่างไร เพราะถ้ายกด้านที่เป็นปัญหามาพูดจะไม่ได้คะแนน
และเมื่อได้รับเลือกตั้งไปแล้ว ไม่ได้ทำตามที่พูด ก็อาจจะแก้ตัวภายหลังว่า ตอนปราศรัยหาเสียงเวลาไม่พอที่จะอธิบาย ทั้งที่มีเวลาพูดจนน้ำลายแตกฟองเป็นชั่วโมงๆ หรือเอาเข้าจริงคือ ไม่มีสติปัญญาจะอธิบาย
ยุคนี้ คนที่หลงใหลนักการเมืองผู้โกหก คุยโวโม้พล่าม หรือพูดความจริงเพียงเสี้ยวเดียวไม่ใช่ชาวไร่ชาวนา ชาวบ้านร้านตลาดที่หากินไปวันๆ แต่มีปัญญาชนการศึกษาดีๆ มากมายอยู่ด้วย ดังนั้น การศึกษาจึงไม่ใช่ข้อสรุปว่าเราจะได้ประชาธิปไตยที่มีคุณค่าอย่างที่ต้องการ
จะหวังให้นักการเมืองเปลี่ยนแปลงก็ยิ่งยากนอกจากการเลือกตั้งต้องทำทุกอย่างเพื่อคะแนน อย่างที่บอกไว้ตอนต้น และอีกด้านก็อาจจะเป็นเรื่องของอุปนิสัยส่วนลึก การเรียกร้องสำนึกจากนักการเมืองให้หาเสียงด้วยการพูดความจริงทั้งหมด แทบเป็นไปไม่ได้ นี่ยังไม่ต้องพูดถึงการเข้ามาล้วงควักผลประโยชน์ของส่วนรวมให้เป็นผลประโยชน์ส่วนตัว
แม้มีกฎเกณฑ์ของ คณะกรรมการการเลือกตั้ง ที่เกี่ยวกับการหาเสียงเกินจริง หรือสัญญาว่าจะให้ ก็ดูเหมือนว่าไม่ค่อยมีใครแยแสสักเท่าไหร่ เมื่อเกิดเรื่องร้องเรียนขึ้นมา กกต. ก็เนิบนาบประหนึ่งหอยทาก ยากแก่การพึ่งพาอาศัย
หากจะมีคนเสนอแก้ไขกฎหมายเกี่ยวกับการเลือกตั้งให้เข้มข้นขึ้น ก็จะพบกับทางตันอีก เพราะปี 2567 วุฒิสมาชิกจะหมดวาระ ไม่มีใครมาคอยกลั่นกรองกฎหมาย คอยคัดง้างสิ่งที่ไม่ชอบมาพากล อำนาจในการออกและแก้ไขกฎหมายตกเป็นของสส.ในสภาเต็มๆ คงไม่มีใครออกกฎหมายมาทำให้ตัวเองลำบากขึ้น มีแต่จะแก้ไขให้ตนได้ประโยชน์ เผลอๆ จะได้เห็นสส.ฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านในสภาจะกลมเกลียวกันเป็นที่น่าอัศจรรย์
การปฏิรูปการเมือง อันดับแรกสุดต้องปฏิรูปนักการเมือง ซึ่งยังมองไม่เห็นช่องทางทำสำเร็จ
ผมไม่ได้มองโลกในแง่ร้าย แต่มองโลกในแง่จริงว่า ถ้าประชาธิปไตยเป็นเพียงเสื้อคลุมของคนกลุ่มหนึ่งที่ขาดสำนึก และประเทศไทยก็จะวนเป็นลูปกลับไปสู่การปฏิวัติรัฐประหารซ้ำแล้วซ้ำอีก
ทิวา สาระจูฑะ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี