สัปดาห์ที่แล้ว ผมเขียนบทความเกี่ยวกับความไม่สงบใน 3 จังหวัดภาคใต้และ 3 อำเภอในเขตสงขลา ตั้งชื่อว่า “เมื่อใดจะจบ” ไม่กี่วันต่อมาหลังเข้าสู่เดือนพฤษภาคมก็เกิดเหตุรุนแรง 2 ครั้ง ในเขตจังหวัดนราธิวาส และเกิดขึ้นในวันเดียวกัน
เมื่อ 2 พฤษภาคม 2568 คนร้ายกราดยิงบ้านประชาชนในอำเภอตากใบ คนตาย 3 ศพหนึ่งในนั้นเป็นเด็กหญิงอายุแค่ 9 ขวบ และอีก 2 ราย อีกเหตุเกิดในอำเภอจะแนะ มีการลอบยิงหญิงชราตาบอดทั้งสองข้างวัย 76 ปี ขณะเดินทางกลับจากโรงพยาบาลพร้อมลูกชายวัย 50 ปี หญิงชราเสียชีวิตคาที่ ส่วนลูกชายได้รับบาดเจ็บสาหัส
ถัดมาอีกวัน คือ วันเสาร์ที่ 3 พฤษภาคม มีการระเบิดเกิดขึ้นบริเวณชายป่าติดกับสวนผลไม้ของชาวบ้าน ห่างจากด้านหลังเต็นท์จำหน่ายสินค้าในงาน“มหกรรมตาดีกาสัมพันธ์”
ราว 40 เมตร
มหกรรมนี้จัดขึ้นที่มัสยิดอัลฮีดายะห์ ตำบลรือเสาะออก อำเภอรือเสาะ จังหวัดนราธิวาส โดยมี นางสาวซาบีดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ไปเป็นประธานในพิธีเปิด และมีผู้ใหญ่ระดับสูงของจังหวัดร่วมงานอย่างคับคั่ง จากการตรวจสอบสถานที่หลังจากลูกแรกระเบิดไปแล้ว พบว่ายังมีระเบิดแสวงเครื่องอีก 1 ลูกซุกซ่อนอยู่ ห่างจากจุดที่เกิดระเบิดประมาณ 10 เมตร
ย้อนไปดูข้อมูลตลอดเมษายน 2568 เหตุการณ์ความรุนแรงในพื้นที่ 3 จังหวัดภาคใต้และ 3 อำเภอของสงขลา ซึ่งมีครบทั้งระเบิด, ยิง และเผา เกิดขึ้นทั้งหมด 24 ครั้ง แบ่งเป็นปัตตานี 5 ครั้ง, นราธิวาส 14 ครั้ง, ยะลา 4 ครั้ง และสงขลา 1 ครั้ง ผู้คนบาดเจ็บ 33 ราย ตายไป 9 ศพ แล้วเดือนพฤษภาคม จะเกิดขึ้นอีกเท่าไหร่
บางตอนในบทความนั้น เขียนไว้ว่า...
“ยุคแรกๆ ของการก่อการร้ายนำโดย ขบวนการแนวร่วมปฏิวัติแห่งชาติมลายูปาตานี (Barisan Revolusi Nasional Melayu Patani หรือ BRN) ถึงวันนี้ก็ยังมีอยู่ เพียงแต่คนสำคัญของขบวนการไปปักหลักอยู่ในมาเลเซีย และมีการแตกตัวออกเป็นกลุ่มย่อยๆ หลายกลุ่ม คุมกันเองได้บ้าง ไม่ได้บ้าง”
“ฝ่ายความมั่นคงของไทยก็เคยมีความพยายามเจรจากับขบวนการก่อการร้ายพวกนี้มาแล้วหลายครั้ง แต่ขณะเจรจาก็ยังมีความรุนแรงเกิดขึ้นอยู่เรื่อยๆ กระทั่งคนไทยมุสลิมด้วยกันก็ถูกสังหารไปไม่รู้เท่าไหร่ นอกจากนี้ยังมีคนในพื้นที่อีกจำนวนหนึ่งที่เป็นแนวร่วมคอยสอดแนมและส่งข่าวให้ผู้ก่อการร้าย”
นั่นคือความจริง แต่ขึ้นอยู่กับว่าจะยอมรับกันหรือไม่เท่านั้น และตอนนี้ก็อยากจะเพิ่มเติมว่า ยังมีแนวร่วมที่เป็นนักการเมือง, เอ็นจีโอ และแนวร่วมที่กระจายข่าวสารทางสื่อโซเชียลอีกหลายช่องทาง เชื่อว่าฝ่ายความมั่นคงก็น่าจะมีข้อมูลอยู่แล้ว แต่นับตั้งแต่คำว่า “โจรกระจอก” ในปี 2547 ถึงวันนี้ ก็ยังไม่จบ
แต่ขณะที่มีเหตุการณ์รุนแรงทางชายแดนภาคใต้ นางสาว แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ก็ออกรายการ “โอกาสไทยกับนายกแพทองธาร” ทางโทรทัศน์เอ็นบีที เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม 2568 กล่าวถึงเรื่องเอ็นเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ ว่า...
“เงินใหม่ที่เข้ามา ประการแรกไม่ใช้เงินจากรัฐบาล ไม่ใช่เงินจากภาษีพี่น้องประชาชน แต่เป็นเงินของเอกชนที่จะมาลงทุนก้อนใหญ่ในประเทศเรา เงินลงทุนของต่างชาติที่จะมาลงทุน เหล่านี้ทำให้รัฐสามารถเก็บภาษีได้เพิ่ม และเงินเหล่านี้ที่เข้ามาจะเอามาหมุนเวียนการเก็บภาษีคนที่เล่นกาสิโน”
แต่ไม่ได้บอกว่า ใครเป็นคนไปชวนต่างชาติมาลงทุน บิดาของนายกฯใช่หรือไม่ และได้เปอร์เซ็นต์ เท่าไหร่ นั่นเป็นเหตุผลที่พรรคเพื่อไทยจะต้องได้อำนาจรัฐใช่หรือเปล่า เพื่อเร่งจัดการกฎหมายให้การตกลงทางธุรกิจประเภทนี้ลุงล่วงไปอย่างรวดเร็ว
นายกฯ ยังกล่าวอีกว่า “การสร้างเอ็นเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ เราจะทำตามโมเดลสิงคโปร์ เราไม่อยากมองเป็นมุมว่าเราจะทำเป็นสถานที่กาสิโนโดยเน้นย้ำเฉพาะกาสิโนเท่านั้น เราอยากทำเอ็นเตอร์เทนเมนท์ คอมเพล็กซ์ ให้มีสถานที่จัดงาน จัดคอนเสิร์ต มีโรงแรม และกาสิโนมีมาตรฐานสากลโลกอยู่แล้ว มันต้องเป็น Gamble responsibly หรือการพนันอย่างมีความรับผิดชอบ”
การบอกว่า “เราจะทำตามโมเดลสิงคโปร์” หรือความพยายามใช้คำเท่ๆ อย่าง “การพนันอย่างมีความรับผิดชอบ” บ่งชัดว่าคนในรัฐบาลนี้และคนที่ชี้นำรัฐบาล ไม่มีสติปัญญามากพอที่จะคิดอะไรได้เอง และคิดแต่เรื่องจะหาเงินโดยไม่คำนึงถึงผลลบต่อสังคม
ดูจากแค่ 2 เรื่องที่เหมือนจะไม่เกี่ยวกัน แต่จริงๆ แล้วสะท้อนกาลเทศะในการทำหน้าที่บริหารประเทศ ไม่สนใจลำดับความสำคัญก่อนหลัง เร่งร้อนกับเอ็นเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ราวกับจะไปดูใจบิดามารดาในห้องไอซียู.ไม่ทัน
ทั้งหมดทั้งปวงนี้ จึงไม่มีอะไรน่าแปลกใจถ้าจะมีใครบางคนต้องออกไปอยู่ในแผ่นดินอื่นอีกครั้ง และอีกไม่นานนัก
ทิวา สาระจูฑะ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี