วันเสาร์ ที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
วันนี้เป็นวันสำคัญ“5 ธันวาคม” นอกจากเป็นวันชาติ วันพ่อแห่งชาติ และเป็นวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในหลวงรัชกาลที่ 9 แล้ว วันนี้ก็ยังเป็นวัน“ดินโลก”
โดยวันดินโลกนี้เกี่ยวเนื่องกับในหลวงรัชกาลที่ 9เนื่องจากในปี 2556 องค์การสหประชาชาติมีมติประกาศตั้งวันนี้ขึ้นมา ก็เพื่อให้วันดินโลก หรือ“World Soil Day” ตรงกับวันที่ 5 ธันวาคม ซึ่งเป็นวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพของในหลวงรัชกาลที่ 9 ด้วยเพราะเห็นว่าพระองค์ทรงมีพระราชกรณียกิจเกี่ยวข้องกับการส่งเสริมและพัฒนาที่ดินในประเทศไทยมาอย่างยาวนาน
กล่าวได้ว่า 70 ปีการครองราชย์ของในหลวงรัชกาลที่ 9 นั้น เป็น 70 ปีแห่งการปกครองแผ่นดินโดยธรรม พระองค์จึงทรงเป็นทั้ง “พ่อของแผ่นดิน”ของพสกนิกรชาวไทย และ “บุคคลของโลก”ที่ทรงตรากตรำทำงานอย่างหนักเพื่อประชาชน
นับแต่ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9เสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติเป็นต้นมา ด้วยความห่วงใยในทุกข์สุขของอาณาประชาราษฎร์ และด้วยพระราชปณิธานของพระองค์ซึ่งทรงมีพระราชดำรัสว่า “ที่ของข้าพเจ้าในโลกนี้ คือการอยู่ท่ามกลางประชาชนของข้าพเจ้า...นั่นก็คือคนไทยทั้งปวง” พระองค์ได้เสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมเยียนประชาชนตามพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ โดยเฉพาะในพื้นที่ชนบทยากจน อยู่ในภูมิภาคต่างๆ มากกว่าประทับอยู่ในพระราชวัง ทั้งนี้ ก็เพื่อทรงค้นหาข้อมูลที่แท้จริงจากราษฎร พร้อมกับทรงสังเกตการณ์ และสำรวจสภาพทางภูมิศาสตร์ไปพร้อมๆ กันด้วย
ทั้งนี้ นับตั้งแต่ปี 2496 เป็นต้นมา จึงมีโครงการต่างๆ มากมายที่เกิดขึ้นจากที่พระองค์ทรงงานอย่างหนัก ทั้งโครงการตามพระราชประสงค์, โครงการหลวง, โครงการในพระบรมราชานุเคราะห์ และโครงการตามพระราชดำริ หรือ“โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ” ซึ่งมีกระจายอยู่ทั่วทุกภูมิภาคของประเทศไทย
เฉพาะโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ซึ่งมีกระจายอยู่ทั่วทุกภูมิภาคของประเทศไทยนั้น มีเกือบ 4 พันโครงการ แยกเป็นโครงการพัฒนาด้านแหล่งน้ำ 3,248 โครงการ, โครงการพัฒนาด้านการเกษตร 170 โครงการ, โครงการพัฒนาด้านสิ่งแวดล้อม 182 โครงการ, โครงการพัฒนาด้านส่งเสริมอาชีพ 339 โครงการ และโครงการพัฒนาด้านสาธารณสุข 58 โครงการ
หากจะนับระยะทางตลอดรัชสมัยในหลวงรัชกาลที่ 9 ช่วงเวลา 70 ปีนับแต่ทรงครองราชย์ในวันที่ 9 มิถุนายน 2489-13 ตุลาคม 2559 ที่ได้เสด็จพระราชดำเนินไปทรงงานและเยี่ยมเยียนประชาชน จนกล่าวได้ว่าไม่มีพื้นที่ไหนในประเทศไทยที่พระองค์ไม่เคยเสด็จฯไป รวมแล้วมีระยะทางรวมทั้งสิ้น 1,750,000 กิโลเมตร เท่ากับว่าพระองค์เสด็จฯทรงเยี่ยมราษฎรประมาณ 25,000 กิโลเมตรต่อปี
และเมื่อเทียบกับระยะทางของดวงจันทร์ ซึ่งดวงจันทร์อยู่ห่างจากโลก 363,000 กิโลเมตร โดยคำนวณจาก 25,000 กิโลเมตร คูณกับ 70 ปีที่ทรงครองราชย์ จะพบว่า ในหลวงรัชกาลที่ 9 เสด็จพระราชดำเนินไป-กลับระหว่างโลกกับดวงจันทร์ถึง 4 เที่ยว
อย่างไรก็ตาม การเสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมเยียนราษฎรของในหลวงรัชกาลที่ 9 ทั่วทุกภาคทุกจังหวัดของประเทศไทยนั้น พระองค์ทรงเริ่มที่ภาคกลางเป็นแห่งแรกที่อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2498 และครั้งที่สองเมื่อวันที่ 20 กันยายน 2498 ได้เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมราษฎรที่จังหวัดนครปฐมและจังหวัดสุพรรณบุรี
ในครั้งที่สองนี้มีบันทึกว่า ที่อำเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี มีประชาชนมาเฝ้าฯรับเสด็จล้นหลามทั้งสองพระองค์คือในหลวงรัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เสด็จลงจากรถพระที่นั่งปฏิสันถารกับราษฎร โดยในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงมีรับสั่งถามหญิงชราคนหนึ่งว่า มีฝนตกลงมามากในระยะนี้ การทำนาและน้ำสำหรับรับประทานพอใช้ไหม? หญิงชราทูลว่า มีใช้พอเพียง
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในหลวงรัชกาลที่ 9ทรงรับสั่งถามต่อว่าอยู่ที่ไหน ทำมาหากินอะไร? หญิงชราทูลตอบว่า“ตั้งร้านค้าขายอยู่ในตลาดจ๊ะ” พระเจ้าอยู่หัวทรงซักถามอีกว่า“ร้านใหญ่ไหม” หญิงชราทูลว่า “ก็ไม่ใหญ่นักหรอกแต่คงจะใหญ่คราวนี้ เพราะได้เฝ้าฯในหลวง” พระองค์ทรงพระสรวล แล้วเสด็จพระราชดำเนินทักทายราษฎรที่มาเฝ้าฯรับเสด็จในวันนั้นต่อไป
จะอย่างไรก็ตามแต่ พระองค์ไม่เพียงแต่ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ ผู้ทรงได้รับการบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์โลกในหลากหลายมิติ เท่านั้น พระองค์ยังทรงเป็นหลักพึ่งพิงของประชาชนชาวไทยเสมอมา ทั้งในยามบ้านเมืองสุขสงบและในยามที่เกิดวิกฤตการณ์
ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช อดีตนายกรัฐมนตรี เคยกล่าวไว้ว่า “...ผมเคยอยู่มาแล้วหลายแผ่นดิน แต่ก็ไม่เห็นว่าพระเจ้าอยู่หัวแผ่นดินใด ที่คนทั้งเมืองเขาเป็นเจ้าข้าวเจ้าของให้ความเคารพบูชาอย่างสนิทสนมอย่างทุกวันนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลก่อนๆ ทรงครองแผ่นดินแต่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลนี้ทรงครองหัวใจคน...”
อีกท่านหนึ่ง พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ อดีตประธานองคมนตรี อดีตผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ในรัชกาลที่ 10 อดีตนายกรัฐมนตรีและรัฐบุรุษ เคยกล่าวไว้ว่า “...พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระองค์นี้ (รัชกาลที่ 9) ทรงเป็นในหลวงของเราที่สะอาด บริสุทธิ์ ทั้งกาย วาจา และใจ ทรงดำรงเคร่งครัดในทศพิธราชธรรม ทรงตั้่งพระราชหฤทัยแน่วแน่มั่นคงที่จะครองแผ่นดินโดยธรรมเพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม...”
อนึ่ง ในวันที่ 5 ธันวาคม 2570 ในวาระครบ 100 ปีวันพระบรมราชสมภพในหลวงรัชกาลที่ 9 ประเทศไทยโดยกระทรวงศึกษาธิการเตรียมเสนอให้“องค์การเพื่อการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ” หรือ ยูเนสโก ประกาศยกย่องพระองค์เป็นบุคคลที่ทรงคุณค่าของโลก เนื่องจากพระองค์ทรงประกอบพระราชกรณียกิจเพื่อประชาชนชาวไทย
เจ็ดสิบปี ที่ครองราชย์ ราษฎร์เป็นสุข
บำบัดทุกข์ เสด็จฯเยือน ทุกเรือนถิ่น
มีโครงการ ให้จดจำ ทั้งน้ำดิน
ราษฎร์อยู่กิน อย่างพอเพียง และเพียงพอฯ
รุ่งเรือง ปรีชากุล

พรรคที่โกง ตั้งแต่ยังไม่ได้เป็นรัฐบาล ก็เหมือนโจรที่ซ้อมปล้น ตั้งแต่ยังไม่พ้นรั้วบ้าน
สัมพันธ์ส่อร้าว! 'จีน'เตือนพลเมืองเลี่ยงไปญี่ปุ่น คาดปมนายกฯหญิงพูดหนุนไต้หวัน
'รถถัง'โพสต์สุดเศร้า ร่างกายพังกะทันหัน เผยนาทีทรมานจนเป็นตะคริว ยืนยันมาเพื่อสู้
'ธรรมนัส' ลุยนครปฐม สั่งอนุมัติงบ 20 ล้าน สร้างประตูระบายน้ำ รพ.ห้วยพลู
กรมการแพทย์แผนไทยฯ เผย ฝรั่งเศส สนใจ 'ยาเสริมสมรรถภาพทางเพศ' ไทย

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี