สามสี่ปีที่ผ่านมา วงการตำรวจฮอตเหลือเกินเป็นข่าวใหญ่ต่อเนื่องมาเรื่อยๆ เหมือนซีรี่ส์คล้ายว่าเอพิโสดนี้คงจะจบเสียที อ้าว!มันหยอดเชื้อไว้ยั่วให้ติดตามเอพิโสดใหม่อีกแล้ว
ตำรวจเอาถุงคลุมหัวผู้ต้องหายาเสพติดเพื่อจะรีดเงิน จนผู้ต้องหาเสียชีวิต, ตำรวจเข้าไปพัวพันกับกลุ่มมาเฟียจีน, ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองรับเงินใต้โต๊ะจากคนต่างด้าว, ตำรวจไปงานเลี้ยงที่จัดโดยเจ้าพ่อท้องถิ่น และปล่อยให้ลูกน้องเจ้าพ่อยิงตำรวจด้วยกันต่อหน้าต่อตา, ตำรวจเข้าไปมีเอี่ยวกับบ่อนพนันออนไลน์, ตำรวจปกป้องดูแลผู้ต้องหาอภิสิทธิ์ชนราวกับเทพเจ้า, ตำรวจฟัดตำรวจด้วยกันเองเพราะแย่งชิงตำแหน่ง ฯลฯ
เหล่านี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่สาธารณชนรับรู้ เพราะเป็นข่าวอื้อฉาว ยังมีเรื่องไม่ดีไม่งามอีกมากในวงการตำรวจที่ไม่เป็นข่าว จนมีคนเอาไปเหน็บแนมว่า ตำรวจดีมีอยู่คนเดียวคือรูปปั้นที่อยู่หน้ากองบัญชาการตำรวจแห่งชาติ ซึ่งมองโลกในแง่ร้ายไปหน่อย ตำรวจดียังมีอยู่ไม่น้อยหรอก เพียงแต่ไม่ได้มีชื่อเสียงอะไร ทำงานไปเงียบๆ ด้วยความขมขื่น
แม้การเป็นนายร้อยตำรวจก็ต้องผ่านการปฏิญาณสาบานตน แม้จะมีการทำวิจัยแบบลงลึกตั้งแต่เป็นกรมตำรวจจนเปลี่ยนมาเป็นกองบัญชาการตำรวจแห่งชาติ ด้วยข้อมูลในเอกสารจำนวนมหาศาลจากนักวิชาการหลายสำนัก เพื่อนำไปใช้ในการปฏิรูปตำรวจ และมีบทเรียนเกี่ยวกับพฤติกรรมด้านลบของตำรวจมากมายหลายครั้ง แต่ก็น่าแปลกที่วงการตำรวจ ไม่สามารถทำให้ผู้คนเชื่อถือเรื่องความสุจริตได้เต็มร้อยเสียที และแย่กว่านั้นคือ คนจำนวนมากกลับเชื่อว่าตำรวจดีมีน้อยกว่าตำรวจเลว
ผมไม่ได้อ่านผลการวิจัยของนักวิชาการและสถาบันต่างๆ เกี่ยวกับตำรวจทุกฉบับ เคยอ่านบ้างก็บางส่วนที่มีหนังสือพิมพ์ตัดทอนมาลง จึงไม่รู้ว่าในนั้นมีอะไรพิสดารพันลึกมากแค่ไหน แต่ถ้าจะให้ตั้งข้อสังเกตด้วยสายตาแบบชาวบ้าน ผมคิดพื้นๆ ว่า 2 อย่าง ที่ทำให้ตำรวจกลายเป็นปัญหาหนึ่งของสังคมคือผลประโยชน์ซึ่งมาจากทัศนคติเริ่มแรกของการเป็นตำรวจ และการใช้ชีวิตเกินตัว
แน่นอน คนที่ต้องการเข้ามาเป็นตำรวจเพราะมีอุดมการณ์แบบฮีโร่ ต้องการทำหน้าที่ปราบปรามโจรผู้ร้าย และพิทักษ์ความปลอดภัยสงบสุขให้ประชาชน มีอยู่จริง แต่คนที่เข้ามาเป็นตำรวจเพราะเห็นว่าเป็นอาชีพที่มีผลประโยชน์มากมายอยู่ใกล้ตัว ก็มีอยู่จริงเช่นกัน
ถ้าผลประโยชน์ในอาชีพตำรวจไม่มากก็คงไม่เกิดทุจริตในการสอบเข้ากระทั่งโรงเรียนนายสิบ
ผมมีเพื่อนพ้องน้องพี่เป็นตำรวจอยู่ไม่น้อย ทั้งตำรวจน้ำดี ซื่อสัตย์สุจริต เอาตัวงานเป็นที่ตั้ง, ตำรวจที่ยอมรับว่าต้องออกเทาๆ เพราะคนอื่นเขาทำกัน อยากก้าวหน้าในอาชีพตำรวจต้องใช้เงิน และบางทีก็ถูกกดดันให้หารายได้ส่งคนที่อยู่เหนือขึ้นไป และตำรวจที่ดำแอนด์ดาร์คตั้งแต่ต้นยันปลาย ถูกจับติดคุกออกมาก็ใช้เส้นสายกลับเข้าไปเป็นตำรวจได้ใหม่
ความพัวพันของผลประโยชน์เหล่านี้ยังโยงไปถึงผู้มีอำนาจทางการเมือง ตำรวจใหญ่ๆแทนที่จะประจำสำนักงานของตนเพื่อทำงานให้รัฐ บางทีก็ไปยืนเหมือนบอดี้การ์ดอยู่หลังโต๊ะจีนของบรรดารัฐมนตรี เอาง่ายๆ ชาวบ้านอย่างเราๆ แทบจะไม่มีโอกาสได้เจอหน้าหรือรู้จักผู้กำกับประจำสน. ต่างๆ
การใช้ชีวิตเกินตัวมักจะตามมาด้วยปัญหาด้านการเงิน ไม่ว่าจะเป็นตำรวจหรืออาชีพอะไร เคยมีความคิดเสนอกันว่า เพิ่มเงินเดือนให้ตำรวจมากขึ้น ตำรวจอาจจะไม่ต้องไปหาทางอื่นที่มิชอบ แม้แต่ผมยังเคยเขียนเรื่องนี้เมื่อ 20 กว่าปีมาแล้ว เพราะคิดว่าจะได้ไม่เกิดภาพไม่ดีไม่งามกับตำรวจขึ้นมาอีก
แต่ตอนนี้ผมเปลี่ยนความคิดแล้วว่า เงินเดือนและเบี้ยเลี้ยงเท่าไหร่ก็ไม่พอ ถ้ายังใช้ชีวิตแบบเกินพอดี
ตำรวจระดับนายดาบ ที่ไม่ได้มาจากครอบครัวมีอันจะกิน แต่ขับรถบีเอ็มดับเบิลยู หรือหมวดหนุ่มขับเมอร์เซเดส-เบนซ์ ก็แทบไม่ต้องนึกถึงที่มาของเงินที่จับจ่ายใช้สอย ซึ่งส่วนใหญ่คงได้มาจากธุรกิจสีเทาที่พร้อมจ่าย และกระทบถึงความเสื่อมทรามของสังคม
ถ้ายังไม่สามารถแก้ทัศนคติเริ่มแรกมาเป็นตำรวจเพราะผลประโยชน์ และการใช้ชีวิตเกินตัว ผลวิจัยมาอีก 10 คันรถสิบล้อก็ช่วยอะไรไม่ได้ เพราะมันจะทำให้เกิดความต่อเนื่องเหมือนซีรี่ส์ไม่รู้จบ ตั้งแต่ตำรวจใครสักคนหรือหลายคน จากชั้นผู้น้อยจนกลายเป็นผู้ใหญ่ เป็นวงจรที่ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
และพอขึ้นถึงชั้นผู้ใหญ่ ก็ได้แต่พูดเอาหล่อรอเกษียณไปวันๆ
ทิวา สาระจูฑะ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี