วันศุกร์ ที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2568
เกือบ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ไม่น่าจะมีข่าวอะไรดังเท่าข่าวทนายรูปหล่อใส่เสื้อผ้าแพงๆ คนนั้น
ข่าวนี้ต้องดังอยู่แล้ว เพราะอันดับแรก เขาเป็นคนดังคนหนึ่งในสังคมไทย และอันดับต่อมา ดูจากเนื้อข่าวที่เสนอกันแต่ละวัน น่าจะมีคนอยากล่อเขาอยู่มิใช่น้อย
ระหว่างนี้ผมกลับไปบ้านที่ต่างจังหวัด ได้นั่งคุยกับเพื่อนทนายความที่โตด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก แรกๆ ที่คุยกันก็สัพเพเหระ ไถ่ถามสารทุกข์สุขภาพตามประสาคนหนุ่มวัยเข้าเลข 7 แล้วเรื่องก็วกมาเหตุการณ์ต่างๆ ที่ครึกโครม
เพื่อนก็กลัวว่าคุยกันเยอะผมจะจำไม่ได้ จึงบอกอย่างสุภาพว่า “มึงกลับไปหา ข้อบังคับสภาทนายความ ว่าด้วยมรรยาททนายความ พ.ศ. 2529 เอาตั้งแต่หมวด 2 ถึงหมวด 4”
จริงๆ แล้ว มีการแก้ไขข้อบังคับเมื่อปี 2566 แต่เป็นเรื่องจิ๊บจ๊อยเกี่ยวกับการแต่งกาย เช่น อนุญาตให้ทนายความหญิงใส่กางเกงได้
ผมกลับถึงกรุงเทพฯก็เปิดหาอ่านตามที่เพื่อนบอก ถึงกับอึ้ง-ทึ่ง-เสียว ว่าจะมีคนติดคุก หรืออาจจะถูกเพิกถอนความเป็นทนาย เพราะมันดูเข้าเค้ากับข้อบังคับเสียส่วนใหญ่
เอาคร่าวๆ ที่ผมตัดทอนแล้ว... หมวด 2 มรรยาทต่อศาลและในศาล ข้อ 7 กล่าวความ หรือทำเอกสารหรือหลักฐานเท็จ หรือใช้กลอุบายลวงให้ศาลหลง หรือกระทำการใดเพื่อทราบคำสั่ง หรือคำพิพากษาของศาลที่ยังไม่เปิดเผย
ข้อ 8 สมรู้เป็นใจโดยทางตรงหรือทางอ้อม เพื่อทำพยานหลักฐานเท็จ หรือเสี้ยมสอนพยานให้เบิกความเท็จ หรือโดยปกปิดซ่อนงำอำพรางพยานหลักฐานใดๆ ซึ่งควรนำมายื่นต่อศาล หรือสัญญาจะให้สินบนแก่เจ้าพนักงาน หรือสมรู้เป็นใจในการให้สินบนแก่เจ้าพนักงาน
หมวด 3 มรรยาทต่อตัวความ ข้อ 9 กระทำการใดอันเป็นการยุยงส่งเสริมให้มีการฟ้องร้องคดีกันในกรณีอันหามูลมิได้
ข้อ 10 ใช้อุบายอย่างใดอย่างหนึ่งดังกล่าวต่อไปนี้ เพื่อจูงใจให้ผู้ใดมอบคดีให้ว่าต่าง หรือแก้ต่าง
(1) หลอกลวงให้เขาหลงว่าคดีนั้นจะชนะ เมื่อตนรู้สึกแก่ใจว่าจะแพ้
(2) อวดอ้างว่าตนมีความรู้ยิ่งกว่าทนายความคนอื่น
(3) อวดอ้างว่าเกี่ยวเป็นสมัครพรรคพวกรู้จักคุ้นเคยกับผู้ใดอันกระทำให้เขาหลงว่าตนสามารถจะทำให้เขาได้รับผลเป็นพิเศษนอกจากทางว่าความ หรือหลอกลวงว่าจะชักนำจูงใจให้ผู้นั้นช่วยเหลือคดีในทางใดๆ ได้ หรือแอบอ้างขู่ว่าถ้าไม่ให้ตนว่าคดีนั้นจะหาหนทางให้ผู้นั้นกระทำให้คดีของเขาเป็นแพ้
ข้อ 11 เปิดเผยความลับของลูกความที่ได้รู้ในหน้าที่ของทนายความ เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากลูกความนั้นแล้ว หรือโดยอำนาจศาล
ข้อ 13 ได้รับปรึกษาหารือ หรือได้รู้เรื่องกรณีแห่งคดีใดโดยหน้าที่อันเกี่ยวข้องกับคู่ความฝ่ายหนึ่งแล้วภายหลังไปรับเป็นทนายความหรือใช้ความรู้ที่ได้มานั้นช่วยเหลือคู่ความอีกฝ่ายหนึ่งซึ่งเป็นปรปักษ์อยู่ในกรณีเดียวกัน
ข้อ 14 ได้รับเป็นทนายความแล้ว ภายหลังใช้อุบายด้วยประการใดๆ โดยปราศจากเหตุผลอันสมควร เพื่อจะให้ตนได้รับประโยชน์นอกเหนือจากที่ลูกความได้ตกลงสัญญาให้
ข้อ 15 กระทำการใดอันเป็นการฉ้อโกง ยักยอก หรือตระบัดสินลูกความ หรือครอบครอง หรือหน่วงเหนี่ยว เงินหรือทรัพย์สินของลูกความที่ตนได้รับมาโดยหน้าที่อันเกี่ยวข้องไว้นานเกินกว่าเหตุ โดยมิได้รับความยินยอมจากลูกความ เว้นแต่จะมีเหตุอันสมควร
ที่ว่ามานี้โดนใครบางคนเกือบทั้งหมด ทนายที่ไม่เป็นข่าวก็คงทำอย่างนี้กันมิใช่น้อย
แต่ที่ผมสนใจมากคือ หมวด 4 ข้อ 17 ประกาศโฆษณา หรือยอมให้ผู้อื่นประกาศโฆษณาใดๆ ดังต่อไปนี้
(1) อัตราค่าจ้างว่าความ หรือแจ้งว่าไม่เรียกร้องค่าจ้างว่าความ เว้นแต่การประกาศโฆษณาของทนายความเกี่ยวกับการช่วยเหลือประชาชนทางกฎหมาย ซึ่งดำเนินการโดยสภาทนายความเอง หรือโดยสถาบัน สมาคม องค์การ หรือส่วนราชการใดที่เกี่ยวข้อง หรือ
(2) ชื่อ คุณวุฒิ ตำแหน่ง ถิ่นที่อยู่ หรือสำนักงาน อันเป็นไปในทางโอ้อวดเป็นเชิงชักชวนให้ผู้มีอรรถคดีมาหาเพื่อเป็นทนายความว่าต่าง หรือแก้ต่างให้ เว้นแต่การแสดงชื่อ คุณวุฒิ หรืออื่นๆ ดังกล่าว ตามสมควรโดยสุภาพ
ผมสนใจเพราะในเมื่อทนายโฆษณาตัวเองไม่ได้แต่ทุกวันนี้ทนายจู่ๆ ก็ดังกันนับสิบๆ ราย จนมานั่งนึกออกว่า ทำไมทนายสายยูทูบถึงได้เยอะนักในช่วงไม่ถึง 10 ปีที่ผ่านมา นั่นก็เพราะมีเทคโนโลยีสื่อออนไลน์มาแรงจึงใช้วิธีเลี่ยงไปบอกเล่าเรื่องกฎหมายต่อประชาชน สร้างมูลนิธิขึ้นมาบ้าง
แล้วคนพวกนี้ก็ดังขึ้นมาได้จากความช่างพูด ช่างเจรจา มีลีลาหลากหลายกันไป บางคนมุขตลกเยอะ บางคนก็เล่นทางเข้ม ออกลูกถมึงทึง ดุดันแบบเกิดมาไม่กลัวใคร หลายลีลาแบบนี้ชาวบ้านชอบ
อีกปัจจัยหนึ่งที่ใช้ได้คือ เล่นกับเรื่องที่อยู่ในกระแส หรือพอเริ่มดังแล้ว ชาวบ้านก็จะติดต่อมา ทั้งจะให้ช่วย และบางทีแค่เล่าเรื่องให้ฟัง ทนายพวกนี้ก็ฉลาด เลือกดูแล้วว่าอันไหนมีแนวโน้มจะชนะ ก็เล่นต่อ โดยใช้วิธีต้องห้ามตามหมวดข้างบนตามที่กล่าวมา
เมื่อดังแล้วก็ได้คอนเนคชั่นกับตำรวจต้องการปกป้องตัวเอง และผลักดันตัวเองให้เข้าตานาย รวมถึงสาธารณชน และได้คอนเนคชั่นกับสื่อมวลชน ซึ่งยุคนี้ “คอนเทนท์คือพระเจ้า”
แต่ที่สำคัญที่สุด เหตุผลที่ว่า ทำไมทนายยูทูบพวกนี้จึงเติบโตเร็วและมากมาย นั่นคือ ประชาชนไม่รู้สึกว่าตำรวจจะเป็นที่พึ่งพาได้ หรือหลายคนมีประสบการณ์ตรงด้วยตัวเองมาแล้ว เข้าวัดหาพระหาเจ้าก็คงไม่ได้ทำให้ทุกข์หายไป ดูสื่อออนไลน์บ่อยๆ เข้า ก็เชื่อว่าทนายพวกนี้ทำงานเพื่อประชาชนคนสามัญ เหมือนเจอขอนไม้กลางทะเล
ไม่ได้หมายความว่าทนายดังทางสื่อออนไลน์จะเป็นพวกมะกอกสามตะกร้าปาไม่ถูกเสียทั้งหมด แต่สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นข่าวอื้อฉาวก่อนหน้านี้, ทุกวันนี้ หรืออนาคตข้างหน้า สุดท้ายปัญหาก็ต้องย้อนกลับไปที่ต้นธารของกระบวนการยุติธรรม นั่นคือตำรวจประจำโรงพัก
ความจริงอย่างหนึ่งที่ปฏิเสธไม่ได้คือ ในหลายกรณีที่เกิดขึ้น ถ้าต้นทางไม่สร้างปัญหา ก็จะไม่มีทนายความที่สร้างปัญหาอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้
ทิวา สาระจูฑะ

ผ่ากลยุทธ์'ค่ายสีน้ำเงิน' ไม่เร้าอารมณ์! เน้นทำได้ทำจริง
ปลัดนนท์ ยื่นใบลาออก ลงสมัครชิง สส.นนทบุรี พรรคภูมิใจไทย ลั่นเปลี่ยนเวลาราชการเป็นเวลาราษฎร
นักวิชาการ มธ. วิเคราะห์กระแสเลือกตั้ง ชี้ผลโพล'คนกรุงเกือบครึ่งยังลังเล' พบได้ไม่บ่อย
ไม่น่าเชื่อ พนง ถึงกับร้องไห้หนักมาก เมื่อเห็นสิ่งที่ลูกค้าทำ ชมคลิป
(คลิป) แพทองธาร หน้าเจื่อน! ตอบคำถามสื่อ ยศชนัน คะแนนดีขึ้น!

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี