สองสามอาทิตย์ที่ผ่านมา มีข่าวเกี่ยวกับคนต่างด้าวถี่ยิบ ตั้งแต่ทะเลาะเบาะแว้งกันเองในหมู่คนเชื้อสายเดียวกัน จนถึงขั้นเหิมเกริมทำร้ายร่างกายคนไทยบาดเจ็บและเสียชีวิต นอกจากนั้นยังมีคดีขโมย, ข่มขืน, ฉ้อโกง,ขนยาเสพติด, ลักพาตัวเรียกค่าไถ่, ฆาตกรรม ฯลฯ
เรื่องที่แสบมากหลังสุดก็คือ มีคนตั้งตัวเป็นมาเฟียจีนในพัทยาสร้างคดีมากมาย ล่าสุดก็กระทืบคนจีนด้วยกัน แต่ไม่ถูกจับ ข่าวว่ารู้จักมักคุ้นกับตำรวจท้องที่ดี และมีเงื่อนไขว่า ถ้าจะเข้ามอบตัวต้องให้ประกัน จริงหรือไม่ คงไม่มีใครมาตอบ
เหตุการณ์เหล่านี้ทำให้นึกย้อนถึงเรื่องของ ตู้ห่าว และผองพวก ที่เคยใหญ่โตอหังการอย่างมากในกรุงเทพฯ และย้อนหลังไปไกลกว่านั้นคือ การฆ่าหั่นศพเป็นชิ้นๆจากการหักหลังและลงโทษกันเองในธุรกิจมืดแถวรัชดาฯ
เมืองไทยเราอยู่กันสบาย หลายปัญหาเกิดขึ้นจากจุดเล็กๆ แล้วก็หมักหมมจนแก้ไขไม่ได้หรือกว่าจะแก้ไขได้ก็ใช้เวลาหลายสิบปี ซึ่งก็ไม่ใช่การแก้แบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด
เอาที่ใกล้ตัวและเกิดจากคนไทยเราเอง มีตัวอย่างมากมายที่เคยเกิด เช่น รถสองแถว เดิมให้วิ่งอยู่ในซอย ต่อมาก็ลามเรื่อยออกมาถนนใหญ่ วิ่งทับเส้นทางรถเมล์มีเรื่องมีราวกัน กว่าจะแก้ได้ใช้เวลานานกว่า 20 ปี ต่อมาก็มอเตอร์ไซค์รับจ้าง ปล่อยให้เพาะกันเหมือนถั่วงอก จนในที่สุดก็จัดให้เป็นวิน นั่นหมายความว่ามอเตอร์ไซค์รับจ้างยังไม่ได้หายไปไหน แค่ทำให้ดูมีตำแหน่งแหล่งที่มากขึ้น
ปัญหาหาบเร่แผงลอยบนทางเท้า จนชาวบ้านต้องลงไปเสี่ยงอยู่บนพื้นถนน ก็ใช้เวลามาเกือบครึ่งศตวรรษแล้ว ยังแทบเปลี่ยนแปลงไปไม่มากเพราะนักการเมืองก็ไม่กล้าแตะ กลัวเสียคะแนนเสียง, ปัญหาคนไร้บ้านที่นับวันจะยิ่งกลาดเกลื่อนอยู่ตามท้องถนนสายใหญ่ๆ, ปัญหาแท็กซี่และสามล้อทำตัวเป็นเจ้าของพื้นที่บนถนนตามจุดต่างๆ และไม่ยอมรับผู้โดยสาร ฯลฯ
ทุกปัญหาที่เกิดขึ้น รับประกันได้ว่า ไม่มีปัญหาใดที่จะไม่มีเจ้าหน้าที่ของรัฐเข้าไปเกี่ยวข้อง ส่วนจะแค่ปล่อยปละละเลยหรือมีผลประโยชน์เรียกเก็บแบบที่เรียกว่า “ส่วย” แล้วแต่ระดับของตัวเลข
แต่ปัญหาเหล่านี้ก็ยังเห็นได้บนผิวหน้าของสังคม พอมีเรื่องมีราวขึ้นมาครั้งหนึ่งก็กระตุ้นให้ทำหน้าที่กันเป็นครั้งคราว ประมาณว่าจัดการแล้วนะหลังจากนั้นก็วนกลับไปเหมือนเดิม สิ่งที่น่ากลัวกว่าคือ การเข้ามาสร้างอิทธิพลหรือสร้างเครือข่ายอาชญากรรมของคนต่างชาติ
ธรรมชาติของคนมาจากแผ่นดินอื่น มักอยู่อย่างสงบ ไม่พยายามทำผิดกฎหมาย โดยเฉพาะพวกที่เข้ามาผิดกฎหมายตั้งแต่แรก เหมือนคนไทยไปอยู่ต่างแดน ถ้ามีเรื่องกระทบกระทั่งกับคนพื้นที่และไม่หนักหนานัก ก็ไม่อยากให้มีเรื่องถึงตำรวจแต่หลายสิบปีมานี้ เมืองไทยกลายเป็นสวรรค์ของคนต่างชาติ จนไม่รู้ว่าใครเป็นใคร
เมืองที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวใหญ่ๆ ไม่เฉพาะกรุงเทพฯ ล้วนมีกลุ่มก้อนของคนต่างชาติที่เข้ามาสร้างอิทธิพลในหมู่พวกตนกันเอง จึงไม่แปลกที่บ้านเราจะมีมาเฟียสัญชาติต่างๆเต็มไปหมด ทั้งรัสเซีย, อินเดีย, ยุโรป, แอฟริกา และมากที่สุดตอนนี้ก็คือจีน นอกจากนั้นยังพอประเมินได้ว่า ประเทศไทยเป็นแหล่งการนำเข้าของสิ่งผิดกฎหมาย คนผิดกฎหมาย และการฟอกเงิน
ถ้าคนที่เคยผ่านย่าน อาร์ซีเอ บ่อยๆ ตอนนี้ก็อาจจะสงสัยว่า อาร์ซีเอ กลายเป็นเขตปกครองพิเศษไปแล้วหรืออย่างไร เพราะหลังจากโควิดสงบลง มีร้านรวงแบบผับบาร์และร้านอาหารที่เป็นของคนจีนผุดขึ้นเหมือนดอกเห็ด ค่าเช่าแถวนั้นแพงแน่ แต่ดูแล้วจำนวนผู้ใช้บริการมีน้อยมาก ซึ่งในเชิงธุรกิจปกติย่อมอยู่ไม่ได้ ไม่มีใครเปิดกิจการเพื่อขาดทุนแน่ เว้นเสียแต่จะมีอย่างอื่นแอบแฝง
แต่ก็นั่นแหละ ตำรวจเจ้าของพื้นที่เขายังไม่สงสัย ชาวบ้านทั่วไปก็ไม่ควรจะคิดอะไรมาก
คนพวกนี้มักจะจัดการกันเองเมื่อมีเรื่องขัดแย้งกัน โดยไม่ต้องสนใจกฎหมาย ส่วนเหตุผลในการไม่ห่วงเรื่องกฎหมายจะเป็นเพราะมีเงินพร้อมจ่ายใครต่อใครที่เป็นผู้บังคับใช้กฎหมายหรือเปล่า นั่นเป็นอีกเรื่อง อย่างเมื่อปี 2565 คนร้ายเป็นชาวต่างชาติใช้อาวุธปืนยิงรองหัวหน้าแก๊งชาวอินเดียตายที่หน้าวิลล่าแห่งหนึ่งในภูเก็ต คนร้ายยิงเสร็จก็หลบหนีออกนอกประเทศ หรือล่าสุด หนักกว่านั้นคือการสั่งข้ามชาติให้สังหารนักการเมืองกัมพูชาในประเทศไทย
แต่วันหนึ่งหากปล่อยให้ปัญหาเหล่านี้สะสมถมทับต่อไป การฝังตัวจนอิทธิพลสูงมากขึ้นเรื่อยๆย่อมกระทบถึงคนไทยเราด้วย
เมื่อเกิดปัญหาร้ายแรงก็ต้องมาไล่ล่าจับกุม เสียดายงบประมาณ และจริงๆ ก็น่าเห็นใจเจ้าหน้าที่เหมือนกัน แต่ก็เป็นการแก้ปัญหาปลายทาง จะดีกว่าไหมถ้ามีการกลั่นกรองตรวจสอบคนต่างชาติที่เข้าเมืองมาอย่างละอียด เชื่อว่าหน่วยงานความมั่นคงหรือปกครองหลายประเทศมีการทำงานร่วมกัน น่าจะส่งบัญชีรายชื่ออาชญากร หรือพวกทำธุรกิจมืดที่ถูกขึ้นบัญชีดำในประเทศของตน เว้นแต่คนของบ้านเราดูแบบห่างตาช้าง
แต่ถ้าชอบอยู่กันสบายๆ แบบนี้ ผมก็ไม่มีปัญหา จนกว่าพวกมาเฟียฝรั่งจะขึ้นบ้านและข่มขืนลูกสาวพวกท่าน
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี