วันอังคาร ที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
            หลังจากไทยกับเขมรปะทะกันตั้งแต่วันที่ 24 กรกฎาคม 2568 พอถึงวันที่ 27 สิงหาคม 2568ก็มีการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (Regional Border Committee: RBC) สมัยวิสามัญ ระหว่างกองทัพภาคที่ 2ของไทย และภูมิภาคทหารที่ 4 ของเขมร ประชุมกันที่จุดผ่านแดนถาวรช่องสะงำ จังหวัดศรีสะเกษ
ตามมาด้วยวันที่ 28 กรกฎาคม มีการประชุมที่กัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ระหว่างรัฐบาลไทยภายใต้การกำกับของตระกูลชิน และรัฐบาลเขมรภายใต้อำนาจตระกูลฮุน ให้หยุดยิงโดยไม่มีเงื่อนไข โดยมีนายกฯมาเลเซียเป็นตัวกลาง ในฐานะประธานอาเซียน
วันที่ 7 สิงหาคม มีการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา (General Border Committee: GBC) สมัยวิสามัญ ทั้ง 2 ชาติเห็นพ้องข้อตกลงหยุดยิง 13 ข้อระหว่างกัน ผู้แทน 2 ชาติลงนามบันทึกผลการประชุม
วันที่ 8 กันยายน 2568 ประชุมคณะเลขานุการ GBC ไทยและกัมพูชา ต่อด้วยการประชุม จะใช้เวลา 3 วัน คือวันที่ 7-9 กันยายน 2568 ต่อด้วยการประชุม GBC ไทย-กัมพูชา สมัยพิเศษ
วันที่ 10 กันยายน 2568 ณ จังหวัดเกาะกง ราชอาณาจักรกัมพูชา
การประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (Joint Boundary Commission : JBC) สมัยวิสามัญจัดขึ้นระหว่างวันที่ 20-22 ตุลาคม ที่จังหวัดจันทบุรี และทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะจัดการประชุม JBC ครั้งต่อไปในสัปดาห์แรกของเดือนมกราคม 2569 ที่เมืองเสียมราฐ ประเทศกัมพูชา
การประชุม GBC ไทย–กัมพูชา สมัยพิเศษ ครั้งที่ 2 จัดขึ้นเมื่อวันที่ 23 ตุลาคม 2568 ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย โดยมี พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ คนดีคนเดิมตั้งแต่รัฐบาลเพื่อไทยจนมาถึงภูมิใจไทย เป็นผู้นำตัวแทนประเทศไทย
ในการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน (ASEAN Summit) ที่กัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2568 โดยนายกรัฐมนตรีของไทย, เขมร, มาเลเซีย และประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา โดนัลด์ทรัมป์ ที่อุตส่าห์บินมาเอาแสง โดยพูดจาแบบประดิษฐ์คำว่า “เป็นข้อตกลงประวัติศาสตร์ระหว่างผู้นำผู้กล้าหาญของไทยและกัมพูชา ก่อนจะอวดตัวว่า รัฐบาลของตนสามารถยุติความขัดแย้งนี้ได้ และนั่งเซ็นสัญญาโชว์โลกกัน
ยัง...ยังไม่จบ วันที่ 31 ตุลาคม มีการประชุม RBC พิเศษ ว่าด้วยการถอนอาวุธหนักและอาวุธทำลายล้างสูง ระหว่างภูมิภาคทหารที่ 4 ของเขมร กับ กองทัพภาคที่ 2 ของไทย ที่ด่านช่องจอม อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ และมีคณะผู้สังเกตการณ์อาเซียน (AOT) จากทั้งฝั่งไทยและกัมพูชา เข้าร่วมสังเกตการณ์ในที่ประชุม
เอาแค่ชื่อของคณะกรรมการที่เข้าประชุมชาวบ้านก็มึนแล้ว แต่เอาเถอะ เมื่อเชื่อว่าสันติภาพระหว่างไทยกับเขมรจะเกิดขึ้นได้จริงก็ประชุมกันไป เสร็จแล้วก็เซ็นๆๆๆๆ และแถลงผลการประชุมด้วยรายละเอียดต่างๆ มากมาย ประชาชนรู้เรื่องมั่ง ไม่รู้เรื่องมั่ง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นแบบหลัง
แต่ก็ดูเหมือนไม่ได้ช่วยให้คนไทยมีความสุข หรือรู้สึกปลอดโปร่งขึ้น เพราะวันที่ 31 ตุลาคม ทหารไทยยังเจอทุ่นระเบิดที่เพิ่งวางใหม่ในเขตอรัญประเทศอีก1 ทุ่น ชาวบ้านแถวชายแดนไทย-เขมรอาจจะเครียดถึงกับเซลล์มะเร็งแตกตัว
นี่ยังไม่รู้ว่า ตลอดแนวชายแดน 7 จังหวัดที่ติดกับเขมร ยังมีทุ่นระเบิดที่เขมรเข้ามาแอบวางใหม่อีกไม่รู้เท่าไหร่ และดูท่าว่า เขมรจะไม่ค่อยให้ความร่วมมือในการเก็บกู้ อาจจะกลัวโลกประนามว่า “มึงยังไม่เลิกนิสัยเดิมนี่หว่า”
ข้อความต่างๆ ที่บันทึกในการประชุมทั้งหลายเหล่านี้ รวมถึงการถอนอาวุธยุทโธปกรณ์, ถอนกำลังพลและการทำแผนที่ภาพถ่ายโดยเทคโนโลยีใหม่ อย่าง Light Detection and Ranging (LiDAR) เพื่อสำรวจและจัดทำหลักเขตแดน จะเป็นไปได้แค่ไหน?
ตัวอย่างชัดๆ จากการประชุม JBC ครั้งหลังสุด ไทยหยิบยกเรื่องการสร้างรั้วเพื่อป้องกันปัญหา ป้องกันการกระทบกระทั่งกัน และป้องกันการลักลอบเข้าเมือง ขึ้นมาพูด หารือหาวเรอกันไปสักครึ่งชั่วโมง ตัวแทนฝ่ายเขมรก็บอกว่า ไม่มีอำนาจในการหารือเรื่องการสร้างรั้วสุดท้ายเรื่องนี้ก็ถูกเขี่ยออกจากระเบียบวาระการประชุมไปแบบชิลๆ
นอกจากภาษาที่เยิ่นเย้อ ฟูมฟาย แต่ไม่รู้อนาคต จะมีใครสักคนที่อธิบายง่ายๆ กระชับ ให้ประชาชนเข้าใจและเห็นผลลัพธ์ที่เป็นบวก อยู่หรือไม่? เชื่อว่าไม่มีใครมั่นใจ แม้แต่คนใหญ่ๆ โตๆ ทั้งหลายที่เข้าประชุมก็คงไม่กล้ารับประกัน
ถ้าจะเล่นมุกถาม-ตอบแบบกวนอวัยวะใส่รองเท้าว่า
ถาม : ประเทศไทยได้อะไรจากการประชุม
ตอบ : ก็ได้ประชุมไง
ทิวา สาระจูฑะ

										รวบ รปภ. หมู่บ้านดังย่านดอนเมือง หนีคดีลวงหลานสาววัย 11 ขืนใจในสวนยางพารา
									
										ขอบคุณ'คุณจ๋า'! ภรรยานายกฯอนุทิน เลือกใช้ 'กระเป๋า' ฝีมือคนไทยสู่สายตานานาชาติ
									
										ชวนต่อจิ๊กซอว์การเมือง! 'อ.ไชยันต์'เปิดเบื้องหลังทำไม'เสื้อแดง' ต้องไล่ 'อภิสิทธิ์'?
									
										ร้อง กกต.สอบพรรคส้มแล้ว ปมหาสมาชิกคล้ายเครือข่ายฟอกเงิน
									
										หอคอยโบราณ'ตอร์เร เดย์ คอนตี'ในกรุงโรมพังถล่ม คนงานชาวโรมาเนียดับ1ราย
									
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี