ทุกท่านคงพอทราบว่า เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2561 องค์การอาหารและยาของไทย (อย.) ได้เรียกคืนยา “VALSARTAN”จำนวน 5 ตำรับจากสองบริษัทผู้ผลิตยาภายในประเทศ เนื่องจากใช้วัตถุดิบจากประเทศจีนที่ตรวจพบว่าอาจมีสารก่อมะเร็งปนเปื้อนมาในขั้นตอนของการผลิตวัตถุดิบ (Active pharmaceutical ingredient) เพื่อนำมาผลิตเป็นเม็ดยาสำเร็จรูปในประเทศไทย ก่อนหน้าที่ อย.ไทยจะออกประกาศนี้ 1-2 สัปดาห์ ได้มีการเรียกคืนยานี้จาก 22 ประเทศในทวีปยุโรป เรียกคืนยาในประเทศแคนาดา และประเทศสหรัฐอเมริกาด้วย แต่เรียกคืนเฉพาะValsartan ที่ใช้วัตถุดิบจากโรงงานนี้เท่านั้น
ในประเทศไทยเองได้มีการขึ้นทะเบียนยานี้ทั้งในรูปยาเดี่ยวและยาผสมทั้งหมด 14 ตำรับ เรียกคืนเพียง 5 ตำรับ ที่เหลือไม่ได้เรียกคืน เพราะไม่ได้ใช้วัตถุดิบจากโรงงานที่กล่าวถึงนี้ข่าวเรื่องการเรียกคืนยา Valsartan แพร่กระจายอย่างรวดเร็วทางสื่อสังคมที่นิยมใช้กันอยู่ เช่น LINE, Facebook จนอาจเกิดอาการตื่นตระหนกและมองว่า ยา Valsartan เป็นยาที่เป็นอันตราย ซึ่งความจริงไม่เป็นเช่นนั้น เราจึงควรมาทำความรู้จักกับยา Valsartan กันก่อน
Valsartan เป็นยาที่จัดอยู่ในกลุ่ม Angiotensin Receptor Blockers (ARBs) ยากลุ่มนี้ชื่อจะลงด้วยคำว่า sartanเช่น Losartan, Irbesartan, Olmesartan, Azilsartanยา valsartan เป็นยาที่มีงานวิจัยทางคลินิกสนับสนุนจำนวนมากได้ประโยชน์ลดอัตราการตายและอัตราการเจ็บป่วยในผู้ป่วยสามกลุ่มใหญ่ๆ กลุ่มแรกคือ ผู้ป่วยความดันโลหิตสูงที่ไม่ทราบสาเหตุ (Essential hypertension) ซึ่งมักต้องได้รับยาควบคุมความดันสูงไว้ตลอดชีวิต และอาจต้องใช้ร่วมกับยาลดความดันในกลุ่มอื่นด้วย กลุ่มที่สอง คือกลุ่มผู้ป่วยที่มีภาวะหัวใจล้มเหลวเรื้อรัง ส่วนใหญ่เนื่องจากหัวใจมีกำลังบีบตัวลดลงคือกล้ามเนื้อหัวใจทำงานไม่ดี กลุ่มที่สามคือกลุ่มผู้ป่วยที่เคยเป็นกล้ามเนื้อหัวใจตายเนื่องจากหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจเกิดการอุดตัน ทำให้ประสิทธิภาพการทำงานของหัวใจห้องล่างซ้ายลดลง ยากลุ่ม sartan ทั้งกลุ่มยังมีข้อดีที่ไม่มีผลกระทบต่อระดับน้ำตาลและระดับไขมันในเลือด ทำให้สามารถให้ยาได้ในผู้ป่วยเบาหวานและผู้ป่วยไขมันในเลือดสูงโดยไม่เกิดผลเสียต่อภาวะหรือโรคที่เป็นอยู่เดิม
เมื่อมีการเรียกยาคืนอย่างกรณีของ Valsartan เราควรทำอย่างไร เราควรตรวจดูที่กล่องยาที่เราได้มาว่าอยู่ในเลขที่ตำรับยาและเลขที่การผลิต (Lot number) ตรงกับรายการยาที่เรียกคืนหรือไม่ ถ้าตรงให้นำยาส่งคืนแหล่งที่ท่านได้รับยามาไม่ว่าจะเป็นคลินิก โรงพยาบาล สถานีอนามัย หรือร้านยา เพื่อขอแลกเปลี่ยนเป็นยาตัวเดิมที่ผลิตโดยผู้ผลิตรายอื่นที่ไม่ได้อยู่ในประกาศการเรียกคืน หรือเปลี่ยนเป็นยาตัวอื่นที่มีฤทธิ์การรักษาใกล้เคียงกันและไม่เป็นอันตรายต่อโรคอื่นที่เป็นอยู่ด้วยรวมทั้งไม่มีปฏิกิริยาต่อยาอื่นที่ท่านรับประทานอยู่ก่อนแล้ว
การเรียกคืนยาเกิดเฉพาะกับยาชื่อสามัญที่ผลิตขึ้นหลังจากยาต้นแบบหมดสิทธิบัตรไปแล้วเท่านั้นใช่หรือไม่ คำตอบคือ ไม่ใช่ แม้แต่ยาต้นแบบเองซึ่งควบคุมการผลิตมาอย่างดี หากมีรายงานผลข้างเคียงจากการใช้ยา (Adverse drug effect) ที่อาจเป็นอันตรายร้ายแรงก็มีสิทธิ์ถูกเรียกเก็บทั้งหมดเช่นกัน ตัวอย่างเช่น ยา Cerivastatin ยาลดไขมันที่ถูกเรียกคืนเมื่อ 17 ปีก่อนเพราะมีผลข้างเคียงที่ร้ายแรงทำให้กล้ามเนื้อสลายตัวและเกิดภาวะไตล้มเหลวเฉียบพลัน จนมีผู้เสียชีวิตถึง 52 คน
การเฝ้าระวังผลเสียและอันตรายจากการใช้ยาเป็นหน้าที่ของใคร นอกจากเราจะมีองค์การอาหารและยาคอยดูแลแล้ว ทางโรงพยาบาลทุกแห่งมีเภสัชกรและระบบการสุ่มยาต่างๆ ไปตรวจเป็นระยะ เพื่อดูว่ายายังอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานของประสิทธิภาพและความปลอดภัยเหมือนกับที่ได้ขึ้นทะเบียนไว้กับ อย. หรือไม่ แม้แต่ตัวของเราที่เป็นผู้รับประทานยาเองก็มีหน้าที่เฝ้าระวังเรื่องนี้อยู่ด้วยเช่นกัน หากมีความผิดปกติที่สงสัยว่าจะแพ้ยาหรือเป็นผลข้างเคียงของยาก็ควรรีบรายงานให้โรงพยาบาลหรือบุคลากรทางการแพทย์ที่ดูแลท่านอยู่ เพื่อที่จะได้ดำเนินการต่อไป ไม่ให้ยาที่เราหวังว่ารับประทานเพื่อการรักษาโรคจะกลายเป็นสารเคมีที่มีพิษเป็นผลร้ายต่อร่างกายของเรา
ผศ.นพ.สุรพันธ์ สิทธิสุข
ราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทย
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี