วันนี้ 12 มิถุนายน..แพทยสภาจะมีการประชุมพิจารณาเรื่องที่นายสมศักดิ์ เทพสุทิน..รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธสารณสุข..ในฐานะสภานายกพิเศษแพทยสภา..ได้วีโต้มติ“แพทยสภา 8 พฤษภาคม”..ที่เห็นควรลงโทษแพทย์ 3 คน..ซึ่งเกี่ยวข้องกับกรณี“ป่วยทิพย์-ชั้น 14”ของอดีตนักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ ชินวัตร..ณ โรงพยาบาลตำรวจ
ถ้าหากแพทยสภายืนยันมติเดิม..เพื่อจะทำให้“วีโต้”ของ“สมศักดิ์ เทพสุทิน” ที่ยับยั้งการลงโทษแพทย์ 3 คนตกไป..ก็จะต้องมีมติไม่น้อยกว่า 47 เสียงของจำนวนกรรมการแพทยสภาที่มีทั้งหมด 70 คน
แพทย์ 3 คนที่กรรมการแพทยสภามีมติด้วยเสียงท่วมท้นเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคมต้นเดือนที่แล้ว..ให้ลงโทษนั้น..คนแรก..คือ..พญ.รวมทิพย์ สุภานันท์..แพทย์ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์..ในฐานะแพทย์ผู้ตรวจร่างกาย ..ขณะรับตัวผู้ต้องขังใหม่..ถูกลงโทษตักเตือน..เนื่องจากเขียนใบส่งตัวล่วงหน้า
ส่วนอีก 2 คน..ในฐานะผู้ออกใบความเห็นแพทย์..คือ..พล.ต.ท.โสภณรัชต์ สิงหจารุ..เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ..ปัจจุบันมีตำแหน่งเป็นผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผู้ช่วย ผบ.ตร.)..และ พล.ต.ท.ทวีศิลป์เวชวิทารณ์..นายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ..ถูกลงโทษสั่งพักใบประกอบวิชาชีพเวชกรรม..หรือใบประกอบวิชาชีพแพทย์..เป็นเวลา 3 เดือน..และ 6 เดือนตามลำดับ..ฐานให้ข้อมูลเอกสารทางการแพทย์ที่ไม่ตรงกับความเป็นจริง..หรือพูดให้ชัดก็คือ..“ให้เอกสารเท็จ”
โดยข้อเท็จจริง..จากอดีตที่ผ่านมา..เมื่อแพทยสภามีมติเป็นอย่างหนึ่งอย่างใดแล้ว..ก็มักจะเป็นไปตามนั้น..แต่มีครั้งนี้ที่คนไทยทั่วไปเห็นว่า..เพราะเกี่ยวพันกับ“ทักษิณ ชินวัตร”..จึงทำให้นายสมศักดิ์ เทพสุทิน..ซึ่งใครก็รู้ว่าเป็น“เด็กในคาถา”ของนายใหญ่ที่ชื่อ“ทักษิณ”..ถือสิทธิ์ใช้อำนาจสภานายกพิเศษแพทยสภา..วีโต้มติของแพทยสภาดังกล่าว
ที่นายสมศักดิ์ เทพสุทิน..ต้องทำอย่างนั้น..อันเท่ากับเป็นการ“ตั้งป้อมสู้”กับแพทยสภา..ย่อมเป็นเรื่องที่สามารถมองได้ว่า..หากปล่อยให้เป็นไปตามมติ“8 พฤษภาคม”ของแพทยสภาโดยไม่วีโต้หรือยับยั้ง..ก็เท่ากับมตินี้จะเป็นหลักฐานสำคัญ..ซึ่งถือว่าเป็น“พยานบอกเล่า”ที่ยืนยันว่า..“ทักษิณ ชินวัตร”ไม่ป่วยวิกฤตขั้นปางตาย..ถึงขนาดต้องตีตั๋วยาวนอนอยู่ในห้อง“วีวีไอพี.”บนชั้น 14 ของโรงพยาบาลตำรวจ..เป็นเวลา 180 วันจนกระทั่งได้รับการพักโทษ
และ“หลักฐาน”นี้..สามารถนำไปเป็นหลักฐานประกอบสำนวนคดีต่างๆ..เพื่อมัดคอ“ทักษิณ ชินวัตร”..ที่กำลังตกเป็นจำเลย..และเป็นผู้ถูกกล่าวหาในเวลานี้ได้เป็นอย่างดีอีกด้วย..
คือ..คดีที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ที่ได้นัดไต่สวนครั้งแรกในวันที่ 13 มิถุนายนพรุ่งนี้..โดย“ทักษิณ ชินวัตร”จะไม่ไปศาล..แต่มอบหมายให้นายวิญญัติ ชาติมนตรี..ทนายความ..ไปแทนนั้น..อาจจะต้องทำให้“ทักษิณ”ต้องกลับไปเข้าคุกจริงๆ อีกครั้ง..หากคดีนี้สิ้นสุด
ด้วยเหตุที่“กระบวนการบังคับโทษ”ตามคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาฯ ที่สั่งจำคุก“ทักษิณ ชินวัตร”..ไม่เป็นไปตามหมายจำคุก..เพราะ“ทักษิณ”ไม่ได้ป่วยวิกฤตขั้นปางตาย..แต่อาศัย“ขบวนการโกหก”เพื่อเลี่ยงการติดคุกในเรือนจำ..จึงทำให้ต้องกลับไปเริ่มนับหนึ่งกันใหม่..ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับการวินิจฉัยของศาลว่า..จะเริ่มที่ 8 ปีก่อนลดโทษ..หรือว่า 1 ปีตามที่ได้รับพระราชทานอภัยลดโทษ
และอีกคดีหนึ่งที่อยู่ในมือ ป.ป.ช. ซึ่งจะมีผลต่อความผิดทั้งในทางอาญาและทางวินัย..ของข้าราชการประจำสังกัดกรมราชทัณฑ์และโรงพยาบาลตำรวจ..รวมทั้งหมด 12 คน..และไม่แคล้วอาจจะต้องติดคุกในบั้นปลายของชีวิตราชการ..ทั้งก่อนเกษียณราชการ..และมีบางคนเกษียณราชการไปแล้วด้วย
ข้าราชการประจำ 12 คนที่กำลังถูกไต่สวน..โดยมีคณะกรรมการ ป.ป.ช.ทั้งหมดเป็นองค์คณะ..ฐานทุจริตต่อหน้าที่กรณีส่งตัว“ทักษิณ ชินวัตร”..นักโทษที่เป็นผู้ต้องขังไปรักษาที่โรงพยาบาลตำรวจนั้น..ประกอบด้วย
1.นายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์..อธิบดีกรมราชทัณฑ์,..2.นายสิทธิ สุธีวงศ์..รองอธิบดีกรมคุมประพฤติ..เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรองอธิบดีกรมราชทัณฑ์,..3.นายชาญ วชิรเดช..รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์,..4.นายนัสที ทองประหลาด..เมื่อครั้งเป็นผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร (เกษียณราชการ)
5.พล.ต.ท.โสภณรัชต์ สิงหจารุ,..6.พล.ต.ท.ทวีศิลป์ เวชวิทารณ์,..7.พ.ต.อ.ชนะ จงโชคดี นายแพทย์ (สบ 5) โรงพยาบาลตำรวจ..ซึ่งเป็นแพทย์เจ้าของไข้,..8.พล.ต.ต.สามารถ ม่วงศิริ..แพทย์โรงพยาบาลตำรวจ ผู้ออกใบความเห็นแพทย์,..9.นพ.วัฒน์ชัย มิ่งบรรเจิดสุข ผู้อำนวยการทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์,.. 10.พญ.รวมทิพย์ สุภานันท์,..11.นายสัญญา วงค์หินกอง..พัศดีเวร..เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ..และ12.นายธัญพิสิษฐ์ ขบวน..พยาบาลเวร..เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ
อย่างไรก็ตาม..คดีที่ศาลฎีกาแผนกอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองนั้น จะมีผลโดยตรงกับ“ทักษิณ ชินวัตร”..โดยที่มติ“8 พฤษภาคม”ของแพทยสภา..จะเป็น“หลักฐานสำคัญ”ชี้ว่า..การส่งตัว“ทักษิณ”เมื่อกลางดึกคืนวันที่ 22 สิงหาคมต่อวันที่ 23 สิงหาคม 2566 เป็นเท็จ..โดยมีการสร้างเรื่อง“โกหก”ขึ้นมา..เพื่อเอื้อประโยชน์ให้“ทักษิณ”ไม่ต้องติดคุกอยู่ในเรือนจำ
กล่าวคือ..กรมราชทัณฑ์โดยเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ..ส่งตัว“ทักษิณ ชินวัตร”จากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ..ไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจ..กรมราชทัณฑ์ได้แถลงต่อสาธารณะในวันที่ 23 สิงหาคม 2566 ว่า..“ทักษิน”ซึ่งมีอายุเกิน 70 ปี อยู่ในกลุ่มเปราะบาง..“มีอาการป่วยกำเริบ”ระหว่างถูกควบคุมตัวอยู่ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ แดน 7 เพื่อกักโรค
โรคของ“ทักษิณ ชินวัตร”ที่กรมราชทัณฑ์ระบุ..ก็คือ..มีอาการนอนไม่หลับ,..แน่นหน้าออก..และความดันโลหิตสูงระดับออกซิเจนปลายนิ้วต่ำ..ซึ่งแพทย์ของทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์..ได้พิจารณาจากรายงานประวัติการรักษาของ“ทักษิณ”โดยแพทย์จากโรงพยาบาลต่างประเทศ (สิงคโปร์ และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์)..พบว่ามีโรคประจำตัวหลายโรค..ที่อยู่ระหว่างการรักษาติดตามอาการ..เช่น..กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด..ความดันโลหิตสูง..มีพังผืดในปอด..กระดูกสันหลังเสื่อม..และมีอาการที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษคือโรคหัวใจ
ด้วยเหตุดังนั้น..เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ..จึงต้องส่งตัว“ทักษิณ ชินวัตร”..ในยามวิกาลคืนวันที่ 22 สิงหาคมล่วงเข้าวันที่ 23 สิงหาคม 2566..เวลาเที่ยงคือยี่สิบนาที..ด้วยข้ออ้างที่ว่า..ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์..ยังขาดเครื่องมือทางการแพทย์ที่มีศักยภาพ..แพทย์จึงมีความเห็นว่า..เพื่อป้องกันความเสี่ยงอันตรายที่อาจจะส่งผลต่อชีวิต..เห็นควรส่งตัวไปโรงพยาบาลตำรวจ..ที่มีเครื่องมือทางการแพทย์พร้อม..และมีศักยภาพสูงกว่า
หากต่อภาพแล้วก็จะเห็นว่า..ขบวนการโกหกโดยกรมราชทัณฑ์..และโรงพยาบาลตำรวจ..ร่วมมือกันสร้างเรื่องเท็จขึ้นมา..เพื่อเอื้อประโยชน์ให้“ทักษิณ ชินวัตร”ไม่ต้องติดคุก..โดยเริ่มจากตรงจุดนี้..ซึ่งชี้ชัดได้ที่สุดอันเป็น“หลักฐานสำคัญ”..ตามที่ ศ.นพ.อมร ลีลารัศมี..กรรมการแพทยสภา..ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการสอบสวนจริยธรรมแพทย์กรณี“ป่วยทิพย์-ชั้น 14”..ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 10 มิถุนายนที่ผ่านมาว่า..ใบส่งตัว“ทักษิณ ชินวัตร”ในยามวิกาลนั้น..ใช้ใบส่งตัวที่เขียนเอาไว้ตั้งแต่ตอนกลางวัน
ตามคำสัมภาษณ์ของ ศ.นพ.อมร ลีลารัศมี นั้น..แพทย์ที่เขียนใบส่งตัว“ทักษิณ ชินวัตร”ที่เขียนเอาไว้เป็นการล่วงหน้าตั้งแต่เมื่อกลางวัน..ก็คือ..“พญ.รวมทิพย์ สุภานันท์”..ซึ่งเป็น 1 ใน 3 แพทย์ที่แพทยสภามีมติลงโทษ
ศ.นพ.อมร ลีลารัศมี..กล่าวว่า..“มาตรฐานของใบส่งตัวนั้น..ต้องกำหนดชัดว่า..ผู้ป่วยมีอาการอย่างไร..ณ ขณะนั้น..เพื่อให้แพทย์ที่รับส่งต่อ..รักษาได้ตรงจุด..หรืออาการหนักแล้วสามารถส่งต่อได้หรือไม่..การส่งออกไปปลอดภัยหรือไม่..หรือควรต้องทำการรักษาจนอาการสามารถส่งต่อแล้วค่อยส่ง..ถ้าจะมาบอกว่า..หยวนๆ..ให้ใช้ใบส่งตัวที่เขียนไว้ตั้งแต่ตอนกลางวัน..อย่างน้อยก็ควรเขียนด้วยว่า..ณ ขณะนั้น..เวลา 5 ทุ่ม..ผู้ป่วยมีอาการอะไรบ้าง..เพื่อให้แพทย์ที่โรงพยาบาลปลายทางรู้ว่าเป็นอะไร..แต่กลับไม่มีเลย..ทำให้กรรมการแพทยสภาเห็นว่า..ต้องว่ากล่าวตักเตือนกัน”
ฟังจากที่ ศ.นพ.อมร ลีลารัศมี..พูด..ถ้าหาก“สมศักดิ์ เทพสุทิน”ไม่มีได้มีเสีย..หรือมีนอกมีใน..กรณีมติ“8 พฤษภาคม”ของแพทยสภาก็ควรจะจบไปแล้วตั้งแต่ต้น..ไม่ใช่ตั้งป้อมสู้เพื่อพิทักษ์“ทักษิณ ชินวัตร”..และช่วยเหลือแพทย์อีก 3 คนที่ถูกลงโทษให้พ้นผิด..ด้วยการวีโต้มติของแพทยสภา
มิหนำซ้ำ “สมศักดิ์ เทพสุทิน” ยังมีหน้า..หรือถ้าพูดตามภาษาชาวบ้าน..ยัง“หน้าด้านเสือก”แบบ“เสือกทุกเรื่อง”เช่น“นายใหญ่”..ว่าจะเข้าประชุมร่วมกับแพทยสภาในวันที่ 12 มิถุนายนวันนี้ด้วย
อย่างนี้คงต้องบอกว่า“สมศักดิ์ เทพสุทิน”ยอมตายถวายหัวเพื่อ“ทักษิณ ชินวัตร”อย่างสุดลิ่มทิ่มประตู !
รุ่งเรือง ปรีชากุล
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี