ทางด้านปัญหาและผลกระทบและการดำเนินการ ในกรุงเทพมหานครที่เป็นที่วิตกของประชาชนในขณะนี้ ได้รับรายละเอียดจาก นพ.พิชญา นาควัชระ รองปลัดกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า“กทม. เองได้กำหนดมาตรการระยะสั้น คือ ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ใช้เครื่องวัดค่า PM2.5 ของ กทม. ทั้งหมด 34 จุด ตรวจวัดค่าและแจ้งสำนักงานเขตที่มีค่าสูงดำเนินการจัดการทันทีที่ผ่านมาได้ดำเนินการเฉพาะหน้าหลายอย่าง อาทิ ใช้การฉีดละอองน้ำขึ้นอากาศ ทำความสะอาดทางเดินเท้าเพื่อลดฝุ่น นำหน้ากาก N95 แจกจ่ายแก่ประชาชน เป็นการสร้างสัญลักษณ์กระตุ้นให้ประชาชนรับรู้ ให้ประชาชนตระหนักถึงการป้องกัน และร่วมมือไม่สร้างฝุ่นมากขึ้น รวมถึงการกวดขันและตรวจคุณภาพของรถโดยสารประจำทางที่ปล่อยควันดำ และการแก้ไขปัญหาจราจรติดขัด โดยจะร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รณรงค์ไม่เผาขยะและส่งเสริมเตาเผาศพที่ถูกสุขลักษณะ การควบคุมการก่อสร้าง และระยะยาวจะมีการสร้างพื้นที่สีเขียวให้มากขึ้น และส่งเสริมให้สร้างสวนแนวตั้งในพื้นที่จำกัด และการบังคับใช้กฎหมายการใช้รถยนต์ เป็นต้น ในขณะที่ นพ.สุนทร สุนทรชาติ รองผู้อำนวยการสำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร ประกาศกิจกรรมบิ๊กคลีนนิ่งเดย์ ในวันอาทิตย์ที่ 20 มกราคมนี้ ตั้งแต่เวลา 07.00 น.ในพื้นที่ กทม. โดยรอบ เพื่อให้ประชาชนมีส่วนร่วมช่วยลดปริมาณฝุ่นในท้องถนน
ระหว่าง การเสวนา “ปัญหาสุขภาพและแนวทางแก้ไขที่ยั่งยืน” มีประเด็นที่เป็นข้อน่าสังเกตจากท่านวิทยากร ดังนี้
ศ.นพ.เกียรติ รักษ์รุ่งธรรม ผู้แทนราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทย
ประชาชนสามารถตรวจสอบได้จากแอพพลิเคชั่นที่สามารถช่วยตรวจสอบปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็กแบบเรียลไทม์ ควรรู้และปรับตัวให้เหมาะสม เช่น ปริมาณฝุ่นในพื้นที่ ระยะเวลาที่อยู่ และสภาพร่างกาย หากเราต้องอยู่ในพื้นที่เสี่ยงสีแดง คนธรรมดาสุขภาพปกติไม่มีโรค กลุ่มนี้ไม่ต้องกังวลมาก แต่ถ้าเป็นกลุ่มเสี่ยง คือ เด็กเล็กผู้สูงอายุและผู้ป่วยภูมิแพ้ หอบหืด ทางเดินหายใจ ฯลฯ ควรหลีกเลี่ยงการอยู่ในพื้นที่ฝุ่นละอองมากเป็นเวลานานๆ
หากมีความจำเป็นต้องไปอยู่ในพื้นที่สีแดงหรือสีส้มระยะหนึ่ง โดยเฉพาะคนที่ต้องทำงานกลางแจ้ง เช่น ตำรวจจราจร คนงานก่อสร้างควรมีหน้ากากป้องกันระหว่างทำงาน สังเกตอาการตัวเอง แก้ไขเบื้องต้นด้วยการใช้น้ำสะอาดล้างหน้าเพื่อลดปริมาณฝุ่นที่เข้าตา เมื่อไหร่ต้องหาหมอ สังเกตอาการของตนเอง ตาแดง หอบหืดกำเริบ
รศ.นพ.ฉันชาย สิทธิพันธุ์ อุปนายกสมาคมอุรเวชช์แห่งประเทศไทย
ขอแก้ไขความเข้าใจเรื่องหนัากากป้องกัน อุปกรณ์ป้องกัน คือ ไม่ให้ฝุ่นจิ๋ว PM2.5 เข้าสู่ร่างกายส่วนล่าง ที่มีความไวต่อการเกิดโรค ซึ่งสามารถเดินทางในร่างกายถึงถุงลมที่จะกระจายฝุ่นนี้สู่ส่วนต่างๆ ของร่างกาย ทำให้เกิดอันตรายได้ทั้งในแง่เฉียบพลัน และระยะยาว เช่น โรคมะเร็ง เด็กไม่เจริญตามวัย เป็นต้นการเอาผ้าชุบน้ำไม่มีประโยชน์ การใช้ทิชชูซ้อนในหน้ากากอนามัยช่วยกรองได้ดีขึ้น แต่ไม่มีหลักฐานเชิงประจักษ์ในขณะนี้ว่าจะสามารถกรองได้เทียบเท่า N95 จะต้องมีการทดสอบคุณภาพของหน้ากากที่ถูกต้อง
คุณช่อผกา วิริยานนท์ ผู้ร่วมก่อตั้งเครือข่ายต้นไม้ในเมือง
การทำลายสิ่งแวดล้อมในทุกมิติเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดฝุ่นละอองขนาดเล็กที่เป็นพิษ ต้นไม้ใหญ่ในเมืองจะเป็นทางออกระยะยาวทางหนึ่งได้ จะเป็นเครื่องฟอกอากาศขนาดใหญ่ มีงานวิจัยในอเมริกายืนยันว่าต้นไม้ใหญ่ในเมืองช่วยลดการตายและการเจ็บป่วยจากมลพิษทางอากาศได้ สำหรับประเทศไทยควรเริ่มจากการหยุดตัดต้นไม้อย่างผิดวิธี เพื่อให้กิ่งก้านได้แตกยอดใบอ่อน อบรมให้ความรู้ด้านรุกขกรรมเพื่อตัดแต่งต้นไม้ให้ถูกวิธี ดูแลระบบราก มีมาตรการปลูกเพิ่ม เพิ่มการลงโทษทางกฎหมาย และขอให้รัฐบาลสั่งการทุกหน่วยงานมาบูรณาการจัดทำแผนบริหารจัดการต้นไม้ในเมืองของชาติ เพื่อจัดสรรงบประมาณและดำเนินการโดยด่วน โดยการปลูกต้นไม้ต้องมีปริมาณที่สัมพันธ์กับปริมาณประชากรในพื้นที่ และเน้นการปลูกต้นไม้ใหญ่เพราะไม้พุ่มใน กทม.มีมากพอแล้ว
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี