วันจันทร์ ที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2568
คนใช้ถนน
ทั้งคนขับรถหรือคนเดิน ต้องรู้กฎจราจร มีวินัย และต้องทำให้ตัวเองมองเห็นอย่างง่ายดาย ต้องขับรถอย่างไม่ประมาท ไม่ดื่มแอลกอฮอล์ ไม่กินยาที่ทำให้ง่วง ไม่อดนอน ไม่ใช้โทรศัพท์ไม่ว่าจะเป็นไร้สาย ไม่ส่งข้อความทางโทรศัพท์เพราะจะทำให้การตอบสนองช้าลง 50% (เพิ่มความเสี่ยง 50 เท่า) ทุกคนในรถต้องรัดเข็มขัดนิรภัย ทุกๆ คนที่ขี่มอเตอร์ไซค์ต้องสวมหมวกนิรภัย ไม่ว่าจะเป็นผู้ขับหรือผู้โดยสาร
การตอบสนองหลังอุบัติเหตุ
ต้องสอนประชาชนทุกคนให้มีความรู้ทางด้านการช่วยเหลือ ปฐมพยาบาลเบื้องต้น การกู้ชีพ (การทำ CPR) การใช้เครื่อง AED ควรมีการสอน 1st AID, CPR การใช้ AED ตลอดเวลา อย่างแพร่หลาย
ในการนี้ ในที่ประชุมของคณะกรรมการประสานงาน บูรณาการ กรณีกู้ชีพฉุกเฉินที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ ที่มีท่านรองประธานท่านที่ 1 ของ สนช. คือ ท่านสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย เป็นประธาน และผมเป็นกรรมการด้วย ในการประชุมครั้งแรกของคณะกรรมการ ผมได้เสนอในที่ประชุมว่า ในระยะยาวอยากให้คนไทยทุกคนมีความรู้ทางด้านการปฐมพยาบาลเบื้องต้น การทำ CPR การใช้เครื่อง AED แต่เพื่อเป็นการเริ่มต้น อยากให้เริ่มที่ผู้ที่จะสอบใบขับขี่ก่อน เพราะผู้ที่ขับรถจะเป็นผู้ที่ขับและทำให้เกิดอุบัติเหตุ ไม่ชนเขาก็โดนชน (หรือถ้าชนเสาไฟฟ้าก็ต้องอาศัยประชาชนที่อยู่ ณ ที่เกิดเหตุ) ฉะนั้นถ้าชนเขา เราจะได้ช่วยปฐมพยาบาลคนโดนชนได้ ฯลฯ เรื่องนี้ท่านประธานได้มอบให้กรมการขนส่งทางบกไปดำเนินการและผมได้ทราบว่ากรมได้ดำเนินการแล้ว คือ เพิ่มการอบรมจาก 4 เป็น 5 ชม. (แต่ขณะนี้ยังไม่มีภาคปฏิบัติ) ขณะนี้มีหลายหน่วยงานที่สอนเรื่องนี้ แต่สอนอย่างไรก็ไม่มีทางหมดทั้งประเทศ ผมจึงได้เสนอให้ที่ประชุมโดยท่านประธานขอความร่วมมือไปยังกระทรวงศึกษาธิการ เจ้าหน้าที่ที่เข้าประชุมด้วย ตอบยินดีอยู่แล้ว แต่ถ้าท่านประธานทำจดหมายไปถึงรัฐมนตรีและรัฐมนตรีช่วยฯ จะได้รับความร่วมมือที่ดียิ่ง รวมทั้งงบประมาณสำหรับเรื่องนี้ด้วย ตอนแรกๆ คงต้องอาศัยสภากาชาดไทยหรือหน่วยงานทางด้านนี้ที่มีอยู่มากมาย เช่น สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ ศูนย์กู้ชีพนเรนทร ศูนย์เอราวัณ มูลนิธิต่างๆ ฯลฯ ไปแนะนำการเรียนการสอนให้ครู นักเรียนเสียก่อน
นอกจากนั้น คณะกรรมการ (ที่ สนช.) ยังได้ประชาสัมพันธ์ให้หน่วยงานต่างๆ รวมทั้งบริษัท ห้างร้านจัดให้มีเครื่อง AED ในที่ที่มีประชาชนอยู่มากๆ เช่น ในห้างร้านต่างๆ ที่สนามบินสุวรรณภูมิ (ผมเป็นคนเสนอให้รัฐมนตรีคมนาคมในสมัยนั้น ดร.ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ในการประชุมที่รัฐสภาให้สนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งเดิมไม่มี ให้มีการติดตั้งเครื่อง AED ซึ่งทราบว่าภายในไม่ช้าหลังจากนั้นได้มีการติดตั้งเครื่อง AED 50 เครื่องแรก
คณะกรรมการชุดนี้ของ สนช. ได้มีการรณรงค์ให้มีกล้องถ่ายวีดีโออยู่ในรถ จะได้บันทึกเหตุการณ์ตลอดเวลา และได้มอบรางวัลให้แก่ประชาชนที่ส่งคลิปที่ดีๆ (ทั้งที่ทำให้เห็นผู้ที่มีจิตอาสาทำความดี และผู้ที่กระทำผิดกฎจราจร) ในแต่ละเดือน ถ้ามีผู้ที่กระทำผิดจราจรจากกล้องหน้ารถ คณะกรรมการ จะส่งไปให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
สำหรับการตอบสนองหลังอุบัติเหตุ เราต้องทำให้ผู้เห็นเหตุการณ์มีความสามารถในการช่วยเหลือเบื้องต้น เช่น ดูว่าสภาพสถานที่ปลอดภัย ไปดูว่าผู้ได้รับอุบัติเหตุหายใจหรือไม่รู้สึกตัวหรือไม่ แล้วโทร. หรือให้คนอื่นโทร.ขอความช่วยเหลือ 1669 แล้วเริ่มทำ CPR ถ้าจำเป็น ฯลฯ
นอกจากนั้น เราควรมีโรงพยาบาลที่มีศักยภาพ ไม่ไกลจากที่เกิดเหตุ มีรถพยาบาลที่มีเครื่องมืออย่างเพียงพอ ซึ่งเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องของทางการแพทย์ พยาบาล และอาสาสมัครทั้งหลาย ทั้งนี้ต้องไปถึงที่เกิดเหตุอย่างเร็วที่สุด และไปส่งโรงพยาบาลที่มีศักยภาพอย่างเร็วที่สุด (ด้วยความปลอดภัย) คณะกรรมการได้จัดให้มีเลนรถพยาบาล แต่อีกหน่อยอาจต้องใช้มอเตอร์ไซค์เป็นรถพยาบาล หรือการใช้โดรนในการนำเครื่อง AED มาที่เกิดเหตุ ฯลฯ
นพ.พินิจ กุลละวณิชย์

ถอดบทเรียน'น้ำท่วมใต้' ต้องนำไปทำจริง ใครนิ่งต้องรับผิดชอบ-ไล่ออกโดยไม่ต้องสอบ
‘เสธ.ทบ.’ย้ำเป้าหมายกองทัพ เพื่อความปลอดภัยคนไทย ถล่ม‘กัมพูชา’สิ้นสภาพทางทหารไปอีกนาน
'ศาลกันทรลักษ์'เลื่อนนัดทุกคดี 8-9 ธ.ค.เหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา
สดุดีทหารกล้า! 'จ.ส.อ.ศตวรรษ สุจริต'พลีชีพปกป้องรักษาอธิปไตยของชาติ
ฮุน มานี ฟ้องโลก โพสต์ภาพชาวกัมพูชาหนีออกจากบ้าน หลังเหตุปะทะ

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี