ปีนี้เป็นปีที่ครบ 50 ปีของการก่อตั้งศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย กล่าวคือ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวงได้เสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดอาคารศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2512
แต่การบริการโลหิตของสภากาชาดไทยได้เริ่มกิจการอย่างเป็นทางการเพื่อสนองตอบต่อข้อเสนอของสภากาชาดสากลและรับผิดชอบด้านการบริการโลหิตของประเทศ ตั้งแต่ 18 มกราคม 2495 (1952) หรือ 67 ปีมาแล้ว โดยในปี พ.ศ. 2496 หม่อมเจ้าปิยะรังสิต รังสิต และพระประยูรญาติ ได้บริจาคเงินสร้างตึกที่ทำการบริจาคโลหิต ชื่อว่า “ตึกรังสิตนุสรณ์” เพื่อใช้เป็นที่ทำการแผนกบริการโลหิตโดยพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ บรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯและเสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดตึก เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2496(1953) และพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจุมภฏพงษ์ บริพัตร กรมหมื่นนครสวรรค์ศักดิพินิตทรงเป็นผู้บริจาคโลหิตหมายเลข 1
สำหรับอาคารศูนย์บริการโลหิต ปัจจุบันที่มีชื่อ “อาคารเฉลิมพระเกียรติพระบรมราชินีนาถ (60 พรรษา)” ได้เปิดทำการมาตั้งแต่ พ.ศ. 2548 และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามราชกุมารี (ทรงดำรงพระอิสริยยศในสมัยนั้น) ได้เสด็จพระราชดำเนินทรงเป็นประธานในพิธีเปิดอาคารในปี พ.ศ. 2552
หน้าที่หลักๆ ของศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย คือ จัดหาโลหิต ส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์โลหิต ไว้สำหรับประชาชนทั่วประเทศ โดยมีสาขาบริการโลหิต ในกทม. คือ รพ.ภูมิพลฯ รพ.สมเด็จพระปิ่นเกล้า, สถาบันพยาธิวิทยา, กรมแพทย์ทหารบก, รพ.ตำรวจ, รพ.รามาฯ และรพ.วชิระ นอกจากนั้นศูนย์บริการโลหิตยังมีภาคบริการโลหิตอีก 11 ภาค และจังหวัดภูเก็ต
ข้อมูลที่น่าสนใจ จากผลจากปี พ.ศ. 2561 คือ มีผู้บริจาคโลหิตทั้งหมด 393,980 ราย เป็นหญิง 224,409 คน (56.07%) ชาย 169,571 คน (43.93%) เป็นหมู่โลหิต O จำนวน 150,106 คน (38.1%) B จำนวน 128,615 คน (32.65%) A จำนวน 84,956 คน (21.56%) และ AB จำนวน 30,303 คน (7.69%) มีช่วงอายุ 21-30 ปี บริจาค 119,992 คน (30.46%), 31-40 ปี 116,958 คน (29.69%), 41-50 ปี 84,996 คน (21.57%), 51-60 ปี 37,288 คน (9.46%), น้อยกว่า 20 ปี 32,185 คน (8.17%) และมากกว่า 60 ปี 2,561 คน (0.65%)
ที่น่าสนใจมาก คือ มีผู้บริจาคโลหิต 1 ครั้ง (ในปี 2561) ถึง 218,143 คน (หรือ 55.37% โดย 71,242 คน เป็นผู้บริจาครายใหม่), 2 ครั้ง 87,403 คน (22.18%), 3 ครั้ง 54,174 คน (13.75%), 4 ครั้ง 30,916 คน (7.85%), มากกว่า 4 ครั้ง 3,344 คน (0.85%)
มีการบริจาคภายในสถานที่ทั้งปี 2561 362,611 หน่วย จากหน่วยเคลื่อนที่ 334,534 หน่วย จากสาขา 15,057 หน่วย (จ.นนทบุรี จ.ปทุมธานี และจ.สมุทรปราการ) รวม 712,202 หน่วย ภายในสถานที่ เดือนที่มีผู้บริจาคมากที่สุด คือ ตุลาคม (49,949 หน่วย), เมษายน (34,818 หน่วย), ธันวาคม (30,995 หน่วย), สิงหาคม (30,801 หน่วย), กรกฎาคม (30,006 หน่วย) ต่ำสุดคือ พฤศจิกายน (22,561 หน่วย)
ในปี พ.ศ. 2561 ได้รับการบริจาคโลหิตที่ศูนย์บริการโลหิตและหน่วยเคลื่อนที่ รวมทั้งหมด คือ 712,202 หน่วย ในปี พ.ศ. 2560 ได้รับ 702,333 หรือเพิ่มขึ้น 9,869 หน่วย (1.41%) ถ้ามองย้อนหลัง ไปอีก 3 ปี จะเห็นได้ว่า ในปี พ.ศ. 2559-2558-2557 มีผู้บริจาคต่อปี คือ 661,187, 666,686 และ 636,789 หน่วย/ปี จากปี 2557 (636,789 หน่วย) ได้เพิ่มเป็น 712,202 หน่วย ในปี พ.ศ. 2561 คือ เพิ่มขึ้น 75,413 หน่วย ในระยะเวลา 5 ปี
สำหรับผู้บริจาคโลหิตหมู่พิเศษ (Rh- Negative) ในช่วงระยะเวลา 2557–2561 มีผู้บริจาค 4,471คน (438 คนใหม่), 6,028 คน (362 คนใหม่), 6,031 คน (347 คนใหม่), 6,255 คน (317 คนใหม่), 6,334 คน (275 คนใหม่) 6,059 คน เป็นผู้บริจาคประจำ
ในปี พ.ศ. 2561 มีการได้รับบริจาคโลหิต 712,202 หน่วย แต่มีการขอเบิก 1,291,468 หน่วย และ จ่ายได้จริงเพียง 674,160 หน่วย ยังขาดอยู่อีกถึง 617,308 หน่วย
นพ.พินิจ กุลละวณิชย์
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี