วันจันทร์ ที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2568
เมื่อธันวาคม ค.ศ.2018 ได้มี “Global Status Report on Road Safety 2018” ขององค์การอนามัยโลกออกมาในนั้นท่านเลขาธิการองค์การอนามัยโลกกล่าวว่า อัตราการเสียชีวิตบนท้องถนนของชาวโลกยังสูงขึ้นเรื่อยๆ จากข้อมูลในปี ค.ศ.2016มีชาวโลกตายจากอุบัติเหตุบนท้องถนนถึงปีละ 1.35 ล้านคน หรือวันละ 3,700 คน หรือเท่ากับเครื่องบินลำใหญ่ๆ ตก 10 ลำและผู้โดยสารเสียชีวิตหมดทุกคน และเป็นอย่างนี้ทุกวันทุกเดือน ทุกปี สาเหตุมาจากประชากรเพิ่มขึ้นในเมืองอย่างรวดเร็ว มีระบบการดูแลความปลอดภัยที่ไม่ได้มาตรฐาน ไม่มีการบังคับใช้กฎหมายเท่าที่ควร ผู้ขับขี่ยานพาหนะเหนื่อยหรือมีอะไรมาเบี่ยงเบนความสนใจ เช่น การใช้โทรศัพท์ไม่ว่าจะไร้สายหรือไม่ หรือกินยา หรือดื่มแอลกอฮอล์ การขับรถเร็ว ไม่รัดเข็มขัดนิรภัย ไม่สวมหมวกกันน็อก ฯลฯ การเสียชีวิตบนท้องถนน เป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับหนึ่งของชาวโลกในช่วงอายุ 5-29 ปี จากการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goal, SDGs) เป้าหมายที่ 3.6 ประเทศต่างๆ ในโลกตกลงร่วมกันว่าเราจะลดอัตราการเสียชีวิตลงครึ่งหนึ่งภายในปี 2020 ซึ่งขณะนี้การที่จะถึงเป้าหมายนี้เป็นไปได้ยาก
พอดีที่ประเทศไทยมีรายงานสถานการณ์ความปลอดภัยบนท้องถนนของประเทศไทย ปี 2561 โดย สสส. สอจร. SF ผมจึงขอเอาข้อมูลที่สำคัญมาเรียนให้พวกเราได้รับทราบ
สำหรับผม สาเหตุการตายบนท้องถนนมาจากคนทั้งนั้นไม่ว่าจะกรณีใด คือ คนไม่มีวินัย ไม่เคารพกฎหมายบ้านเมืองเช่น ขับรถเร็ว ดื่มแอลกอฮอล์แล้วขับรถ ไม่ต้องถึง “เมาไม่ขับ” ไม่สวมหมวกกันน็อก ไม่รัดเข็มขัดนิรภัย ขับรถเร็วกว่ากฎหมายกำหนด หรือแม้แต่ในบางช่วงของถนนที่กฎหมายให้ขับในความเร็วต่างๆแต่ถ้าจำเป็น ควรขับรถช้ากว่าที่กฎหมายกำหนด เช่น เขตชุมชน โรงเรียน ช่วงที่มีคนเดินข้ามถนนมาก มีสัตว์ต่างๆ อยู่ข้างถนน ฯลฯผู้ขับขี่ยานพาหนะควรขับช้าลงเพื่อเตรียมป้องกันภัยต่างๆการมีเด็กเล็กนั่งโดยไม่มีรัดเข็มขัดสำหรับเด็กเล็กโดยเฉพาะ (child restraint) ซึ่งที่ต่างประเทศมีกฎหมายบังคับ แต่ประเทศไทยยังไม่มี ซึ่งควรจะมีได้แล้ว
ส่วนสาเหตุของการเสียชีวิตบนท้องถนนอื่นๆ ผมก็ยังว่ามาจากคนอยู่ดี เช่น มาตรฐานรถ ถนน ทางข้ามม้าลาย ฯลฯ ไม่ดี ก็เพราะคนทั้งนั้น ที่ไม่มีการวางแผน มีนโยบายระดับประเทศ ไม่ได้คิดถึงคนเดินถนน ทางข้ามม้าลาย หรือสะพานลอยข้ามถนน อย่างดีพอสมควร รถยนต์ รถต่างๆ ควรมีมาตรฐานความปลอดภัยแบบเดียวกันทั่วโลก ถนนต้องได้มาตรฐาน การออกกฎเกี่ยวกับความเร็วในชุมชนควรให้ขึ้นกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นผู้พิจารณาตามความเหมาะสม ฯลฯ
จากข้อมูลของไทยคราวนี้ มีการประเมินว่า ช่วงปี พ.ศ.2554-2556ความสูญเสียจากอุบัติเหตุทางถนนของไทยทั้งในแง่ของชีวิตและทรัพย์สิน คิดเป็นมูลค่าของอุบัติเหตุเฉลี่ยต่อปีเท่ากับ 545,435 ล้านบาท คิดเป็น 6% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) โดยมีคนไทยเสียชีวิตบนท้องถนนวันละ 56 ราย (ผมว่ามากกว่านี้) หรือทุกๆ 27 นาที จะมีคนตายจากอุบัติเหตุทางถนนอย่างน้อย 1 ราย
จากการรวบรวมข้อมูลอุบัติเหตุจราจรหลายฐานข้อมูล (POLIS, E-claim และมรณบัตร) โดยคณะอนุกรรมการด้านบริหารจัดการข้อมูลและการติดตามประเมินผล ศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนหรือข้อมูลผู้เสียชีวิต 3 ฐานในปี พ.ศ.2561พบว่าประเทศไทยมีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนทั้งสิ้น 19,585 ราย(ผมคิดว่ายังอาจต่ำไปด้วยซ้ำ แต่ขอใช้ตัวเลขนี้ก่อน) คิดเป็นอัตราการเสียชีวิต 29.95 รายต่อแสนประชากร ถ้าเทียบกับปี 2559 พบว่ามีอัตราการเสียชีวิตลดลง 4.5 รายต่อแสนประชากร (ปี พ.ศ.2559 มีอัตราการเสียชีวิตต่อแสนประชากร คือ 34.4 ราย)
ข้อมูลของประเทศไทยพบว่า กลุ่มอายุที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุดได้แก่ 20-24 ปี (14%) และถ้ารวมกลุ่มอายุ 15-19 ปี (10%) และกลุ่มอายุ 25-29 ปี (9%) เข้าไปได้ กลุ่มอายุ 15-29 ปี จะเป็นกลุ่มที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุดโดยมีสัดส่วนสูงถึง 33% จึงเห็นได้ว่าอุบัติเหตุทางถนนเป็นหนึ่งในสาเหตุการเสียชีวิตที่คร่าชีวิตคนไทยกลุ่มวัยรุ่น นักเรียน นักศึกษา มากที่สุด ต่างจากการเจ็บป่วยอื่น ที่กลุ่มเสี่ยงส่วนใหญ่เป็นผู้ใหญ่หรือผู้สูงอายุ
เมื่อแยกผู้เสียชีวิตตามประเภทการเดินทางพบว่ากลุ่มที่เกิดการเสียชีวิตสูงสุดได้แก่ ผู้ใช้รถจักรยานยนต์ โดยมีสัดส่วนสูงถึง 70.2% ตามด้วยรถยนต์นั่งส่วนบุคคล (13.9%) และคนเดินเท้า (10.3%) รถกระบะ รถตู้ (2.3%) จักรยาน (1.4%) รถบรรทุกหนัก (1%) รถสามล้อ (0.4%) รถบัส (0.5%) ตามลำดับ สถิติขององค์การอนามัยโลกพบว่ากลุ่มผู้ใช้จักรยานยนต์ รถจักรยาน คนเดินเท้า มีสัดส่วนที่จะเกิดอุบัติเหตุเฉลี่ย 54% ในขณะที่ประเทศไทยมีสัดส่วนสูงถึง 81% (ที่มา : รายงานสถานการณ์ความปลอดภัยทางถนนของประเทศไทย ปี 2561, แผนงานสนับสนุนการป้องกันอุบัติเหตุจราจรในระดับจังหวัด)
นพ.พินิจ กุลละวณิชย์

ไฟเขียวขยายวงเงินทดรองราชการในอำนาจ ผู้ว่า บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ จังหวัดละร้อยล้านบาท
พบกระสุน BM-21 กัมพูชา ยิงเข้าพื้นที่ตาพระยา จ.สระแก้ว
กองบัญชาการกองทัพไทย แฉ เขมร เปิดศึกรอบใหม่ เบี่ยงเบนประเด็น ทุ่นระเบิด
ฮีโร่ตัวจริง! ผกก.ไม่ลังเล ‘จอดรถช่วยชายบาดเจ็บหนัก’ กลางถนนในยามวิกาล
เปิ้ล นาคร ลั่นจัดเพื่อจบ บอกเริ่มก่อนเองนะ พร้อมให้กำลังใจทหารชายแดน

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี