คืนแรกนั้นเจ้าเบนอดอยากมาจาก Sheffield เลยขอไปทาน Mandarin Kitchen ซึ่งดังเรื่องอาหารทะเล โดยเฉพาะ lobster noodles เบนสั่ง lobster noodles ปลาหิมะแบบ teri yaki (สำหรับผมหวานไปนิด) ผมสั่งเป็ดย่าง จะสั่งหมูกรอบให้ริสาที่ชอบมาก แต่ไม่มี ปรากฏว่าเป็ดย่างที่นี่สู้ที่ New Fortune Cookie ไม่ได้ สั่งผัดคะน้า และอาหารทะเลอีกอย่างจำไม่ได้ ทาน4 คนออกมา 145 ปอนด์ หรือ 5,800 บาท (ปอนด์ละ 40 บาท)จะว่าถูกก็ถูก แพงก็แพง คนละ 1,450 บาท โดยประมาณ แต่ยังแพงมากถ้าเทียบกับ New Fortune Cookie ที่เราไปทานตอนหลัง 5 คน ซึ่งมื้อนั้นมีราคาเพียง 80 ปอนด์เท่านั้น แต่ถ้าเทียบกับ steak ที่ทานที่ร้านชื่อดัง Hawksmoor แถวๆPicadilly Circus แล้วยังถูกกว่ามาก คือที่ Hawksmoor 4 คนแพงถึง 222 ปอนด์!? แต่ผมเองทาน set lunch มี 3 coursesเพียง 28 ปอนด์เท่านั้น จานแรกเป็นสลัดปลาแมคเคอเรล (mackerel) อร่อยมาก มีผักน่าทานด้วย จาน 2 เป็น steakจานที่ 3 เป็นขนม (แต่ผมไม่ได้ทาน เจ้าเบนฟัดเสียนี่) ซึ่งก็อร่อยและเพียงพอแล้ว เมื่อเทียบกับ porterhouse steak ที่มีราคา 100 กรัม 10 ปอนด์?! และต้องสั่งอย่างน้อย 800 กรัมแต่มีกระดูกชิ้นเบ้อเร่อติดมาด้วย
บ้านที่เราพักทำเลดีมากอย่างที่ได้เรียนให้ทราบในตอนที่แล้ว ในปีสุดท้าย (1970-1971) หลังที่ผมสอบผ่านเป็น member of the Royal College of Physicians ของสหราชอาณาจักรได้ในปี 1970โดยสอบผ่านราชวิทยาลัยอายุรแพทย์ของลอนดอนที่มีอายุเก่าแก่ที่สุด (ก่อตั้ง ค.ศ.1518) ในกลุ่มราชวิทยาลัยต่างๆ ของสหราชอาณาจักร คือ 502 ปี! ในสหราชอาณาจักรมีราชวิทยาลัยอายุรแพทย์ถึง 3 แห่ง คือ ลอนดอน ที่อยู่ในอังกฤษ และอีก 2 แห่งที่อยู่ใน Scotland คือ Royal College of Physicians andSurgeons of Glasgow (ก่อตั้ง ค.ศ.1599) และ Royal College of Physicians of Edinburgh (ก่อตั้ง ค.ศ.1681) ผมได้เคยมาเช่าห้องพักอยู่ที่ Inverness Terrace เหมือนกัน แต่อยู่ตรงข้ามกับที่พักคราวนี้ แต่สมัยโน้นเป็นห้องพักเดี่ยวแต่มีครัว มีอ่างอาบน้ำด้วย!?ไม่มี shower สมัยโน้นแค่นี้ก็ถือว่าสวรรค์แล้ว ช่วง 1970-1971 ก่อนกลับมาอยู่ที่จุฬาฯ ผมโชคดีได้อยู่กับ Sir Francis Avery-Jonesซึ่งเป็นบิดาของวงการแพทย์อังกฤษทางด้านระบบทางเดินอาหารที่โด่งดังมาก ที่โรงพยาบาล Central Middlesex สมัยโน้นบางครั้งเวลาเดินจะกลับบ้าน Sir Francis ขับรถ Roll Royce ผ่านผมยังกรุณารับผมขึ้นนั่งรถไปส่งด้วยและบางครั้งท่านยังชวนไปทานข้าวบ้าน และยังกรุณาเอา brandy ค.ศ.1800 กว่า ออกมาให้ดื่มคนละจอกเลย!! สุดยอด
บ้านพักที่เราเช่าคราวนี้หรูมาก ต้องไขกุญแจผ่านประตูบ้านจากถนนเข้าไปก่อน เดินขึ้นบันไดแคบๆ ไปหลายชั้นมาก จนเกือบเวียนหัว แต่ถ้าขึ้นลิฟต์ (ที่เล็กมาก เข้าได้ 4 คนพอดี แบบเบียดๆ กัน) ก็ขึ้นไปชั้น 2 ถึงห้องพักต้องไขกุญแจเข้าไปใน apartment ของเรา ซึ่งเป็นห้องโถงยาว ซ้ายมือของห้องโถงเป็นห้องนอนมี 2 เตียง มีห้องน้ำ ทั้งอาบแช่และฝักบัวในตัว(ผม เบน นอนห้องนี้) ห้องมีหน้าต่างมองออกไปเห็นข้างนอก ห้องถัดไปเป็นห้องซักเสื้อผ้ามีเครื่องซักผ้า ห้องถัดไปเป็นห้องนอนใหญ่ master bedroom(ให้ 2 สาว แหม่ม ริสา นอน) มีเตียงใหญ่มาก มีโต๊ะรับแขกมีห้องน้ำ ฯลฯผ่านห้องนี้ไปก็จะลงบันไดไปยังส่วนข้างล่าง ตรงหน้าบันไดข้างล่างจะเป็นห้องทำงาน มีโต๊ะทำงาน ซ้ายมือของห้องนี้จะเป็นห้องรับแขกที่หรูมากมีเก้าอี้โซฟา 3 ชุดนั่งได้ 6-7 คน เปิดหน้าต่างออกไปนอกชานมีโต๊ะนั่งดูถนนที่อยู่หน้าบ้านได้ ขวามือของ “ห้องทำงาน” ก็เป็นห้องทานอาหาร(แต่ไม่มีที่กั้น) มีโต๊ะอาหารและมีครัว ถัดจากโต๊ะอาหารก็เป็นห้องนั่งเล่นมีโซฟา มีทีวี.ให้ดู จากห้องนี้เปิดประตูออกไปเป็นนอกชาน มีโต๊ะเก้าอี้นั่งเล่นได้อีกด้วย ในครัวมีหม้อ กระทะ จาน ช้อน มีด เครื่องล้างจาน ฯลฯในครัวมีเครื่องทำครัวครบหมดทุกอย่าง ซ้ำยังมีชา กาแฟ เหลืออยู่บ้าง รวมทั้งมีเหล้าอยู่หลายขวดในห้องนั่งเล่น แต่ละขวดไม่เต็มขวด คงจะเป็นผู้เช่าก่อนๆ ดื่มไม่หมดเลยทิ้งไว้ แต่เราก็ไม่ได้แตะเลย ผมเพียงแต่ซื้อเบียร์ 6 ขวดมาดื่มกับเบนเท่านั้น เบนอายุ 18 ปี ที่นี่กฎหมายให้ดื่มได้
ที่พักเราอยู่ใกล้ Hyde Park หรือจริงๆ แล้วอาจเรียกว่า Kensington Park จะถูกต้องกว่า เดินไปไม่ถึงนาทีก็ถึง park แล้ว ตรงนี้จะมีถนนทางเดินใน park ที่กว้างมาก สามารถเดินจาก park ที่อยู่ติด Bayswater Road ผ่าน Kensington Palace ที่ Princess Diana เคยประทับอยู่ ทะลุ park ไปถึงถนนใหญ่ที่ผ่านหน้า ก.พ. หน้า Albert Hall ด้วย
ผมชอบเดินมาก เดินใน park โดยเฉพาะ และชอบเดินที่อังกฤษ (หรือที่ญี่ปุ่น)มากๆ เพราะอากาศเย็นมาก สบาย เดินหรือวิ่งไม่เหนื่อย (ดื่มแอลกอฮอล์ก็ไม่เมา – แต่ดื่มอย่างผมไม่เมาอยู่แล้ว เพราะดื่มเบียร์คราวละไม่เกิน 1 pint (568.26 ซีซี) หรือบางครั้งครึ่ง pint เท่านั้น) เวลาไปดื่มใน pub (ย่อมาจาก public house จะมีเบียร์ถังหลากหลายชนิดมาก คนจะสั่งเป็น “half a pint of...” หรือ “a pint of...”ทั้งนั้น ผมชอบดื่มเบียร์ bitter มาก อร่อยดี แต่ก็ไม่เกิน1 pint อย่างที่บอก
นพ.พินิจ กุลละวณิชย์
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี