5) เก่งเวลา ใช้เวลาให้เป็นประโยชน์ ไม่ฆ่าเวลา เช่น ดูทีวี. ออกกำลังกายไป ระหว่างออกกำลังกาย ฟังคลิปต่างๆ ความรู้ทั่วๆ ไป โลกร้อน หุ้น พระเทศน์ ความรู้อื่นๆ ลูกศิษย์ผมที่จุฬาฯผมจะบอกให้ไปเดิน-วิ่ง ที่สวนลุมพินี ทุกเย็น 30 นาทีทุกวัน ถ้าไม่ติดพันกับผู้ป่วย กลับมาระหว่างที่รอให้เหงื่อแห้ง อย่าอยู่เฉยๆ อ่าน Bangkok Post ผมให้ซื้อวันอังคารเท่านั้นพอ เพราะวันอังคารในส่วนของ Life Section หน้า 4 มีเรื่องของการแพทย์/สาธารณสุขที่สำคัญระดับโลก ซึ่งบางทีเป็น guideline (แนวทางเวชปฏิบัติ)ล่าสุดที่ลงในวารสารแพทย์ที่ดัง เช่น New England Journal of Medicine, Lancet etc. ควรอ่านเพราะจะได้ทั้งภาษา (ภาษาก็เหมือนบารมีต้องค่อยๆ สะสม จะทำเพียง 2 วันเดือนสองเดือนไม่ได้ ต้องทำตลอดเวลา ตลอดชีวิต) และความรู้ทางด้านการแพทย์/สาธารณสุข อ่านเพียง 15-20 นาที พอเหงื่อแห้งก็ไปอาบน้ำ กินข้าว ลุยงานต่อ ฯลฯ เวลาเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ทุกคนมีเวลาเท่ากัน 24 ชม.ต่อวัน ผู้ที่บริหารจัดการเวลาได้ดี จะมีโอกาสประสบความสำเร็จในชีวิตมากกว่าผู้ที่ใช้เวลาไม่เป็น
6) เก่ง “ขาย” คือ พูด เขียน อธิบาย เสนอโครงการเก่งจนหัวหน้า รัฐมนตรี นายกรัฐมนตรี อนุมัติโครงการ แต่การที่จะ “ขาย” ของเก่ง ต้องรู้จริง ต้องรู้ทุกแง่ทุกมุม ต้องอ่านมาก และสิ่งที่พูด เขียน ต้องเป็นความจริง ไม่ใช่พูดเก่ง แต่พูดอะไรก็ไม่รู้ หรือสิ่งที่พูดไม่เป็นความจริง ลูกศิษย์ผมต้อง “ขาย” เก่ง อาจารย์จะได้ให้คะแนนดีๆ เวลาสอบ
ผมเคยยกตัวอย่างเล่นๆ ว่าคนขายไวน์ในประเทศไทย “ขาย” ของไม่เก่ง เพราะถ้าเก่งจะทำขวดไวน์ขนาด 100 ซีซีขาย เพราะถ้าดื่มวันละ 1-2 หน่วยเป็นการดื่มไม่เกินแนวทางปฏิบัติของสหราชอาณาจักร (ไม่ให้ดื่มเกิน 2 หน่วย/วันของแอลกอฮอล์ ไม่ว่าชายหรือหญิง และ 1 หน่วย คือ 25 ซีซีของวิสกี้ หรือประมาณ 80 ซีซีของไวน์ หรือประมาณ 200 ซีซีของเบียร์) ที่ควรทำขวดเล็กเพราะถ้าเปิดขวดธรรมดา ขนาด 750 ซีซี แล้วดื่ม 1 หน่วย (1 ขวดมีประมาณ 9 หน่วย) ไวน์ที่เหลือจะเสีย ถ้าดื่มไม่หมดภายใน 2-3 วัน
ฉะนั้นถ้ามีขวดเล็กอาจมีคนในประเทศดื่มเพิ่มจากปกติอีกวันละ 100,000 ขวดเล็ก (ผมเองไม่เคยดื่มไวน์ที่บ้านเลย เพราะเปิดแล้วจะดื่มไม่หมด) ถ้าขายขวดละ 100 บาท จะมีรายได้เพิ่มอีกวันละ 10 ล้านบาท หรือปีละ 3,650 ล้านบาท ด้วยเหตุนี้ผมจึงพูดกับศิษย์เสมอว่าคนไทยที่ขายไวน์ “ขาย” ของไม่เก่ง
7) สุดท้าย ไม่ว่าจะเก่งแค่ไหน ใหญ่โตแค่ไหน ต้องเก่งฟังด้วย ถ้าเราไม่ยอมฟัง ไม่หัดฟังคน อีกหน่อยก็ไม่มีใครอยากคุยกับเรา ไม่อยากให้ข้อมูลเรา เราก็จะไม่มีข้อมูลที่เป็นประโยชน์ ฉะนั้นต้องหัดฟังให้เก่งด้วย แต่ประเด็นมีอยู่ว่า เวลาฟังจากที่ประชุม 30 คน ต้องจับประเด็นเป็น สรุปเป็นด้วย และต้องกล้าตัดสินใจ อย่างมีเหตุผล ต้องมีความสามารถในการแยกหัวใจออกจากสมอง สรุปง่ายๆ คือตัดสินใจด้วยเหตุผล ถึงแม้คนที่พูดเราไม่ชอบก็ตาม ฯลฯ
เรื่องความรอบรู้ จะต้องอ่านมากๆ ชอบอ่าน อ่านอย่างละเอียด จับประเด็นเป็น สรุป ย่อความได้ดี การอ่านจะได้ทั้งภาษาและความรู้ ยิ่งอ่านมากก็จะได้ข้อคิดมาก รอบรู้ รวมทั้งควรมีเพื่อนๆ หลายๆ อาชีพ ชอบคุย อยากรู้ อยากเห็น ฯลฯ และควรมีการไปท่องเที่ยวทั้งในประเทศตนเองและต่างประเทศให้มาก และเขียนไดอารี่ หรือลงหนังสือพิมพ์ไว้
เรื่องการดูแลสุขภาพนั้น ผมเขียนบ่อยแล้ว แต่พอสรุปได้ว่าอยู่ที่การรับประทานอาหาร การออกกำลังกายเพื่อสุขภาพ (คำว่าเพื่อสุขภาพนั้นมีความสำคัญมาก) ไม่สูบบุหรี่ ไม่ดื่มแอลกอฮอล์เลยหรือดื่มไม่เกิน 2 หน่วย (1 หน่วยของ UK หรือสหราชอาณาจักร คือ 25 ซีซี ของวิสกี้ หรือไวน์ประมาณ 80 ซีซี หรือเบียร์ประมาณ 200 ซีซี) มีเพศสัมพันธ์ที่ปลอดภัย ไม่ใช้ยา/สารเสพติด เดินสายกลางในชีวิต ตรวจสุขภาพอย่างน้อยเมื่อเริ่มทำงาน เพราะน้ำตาล ไขมันในเลือด ความดันโลหิตอาจสูงได้ โดยยังไม่มีอาการ และต้องตรวจคัดกรองหาโรคตามเกณฑ์ที่แพทย์วางไว้เช่น หามะเร็งเต้านม มะเร็งปากมดลูก มะเร็งลำไส้ใหญ่ ฯลฯ การตรวจคัดกรอง คือ การตรวจหาโรคในผู้ที่ยังไม่มีอาการ แต่มีความเสี่ยง เช่น อายุถึงวัยที่มีความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็ง ฯลฯ และระวังอุบัติเหตุบนถนนและการหกล้ม เพราะในประเทศไทยเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับที่ 2 รองจากโรคมะเร็ง
ฉะนั้นถ้าเป็นไปตามปรัชญาของผม คือ เราเป็นคนที่ดี เก่ง รอบรู้สุขภาพดี เราก็จะพัฒนาตนเองเสมอ อยากเรียนรู้ พัฒนาตลอดชีวิตปรับตัวเองให้ทันสมัย เช่น ตอนนี้อะไรก็ digital ทั้งนั้น onlineทั้งนั้น ต้องใช้เทคโนโลยีเป็น ฉะนั้นถ้ามีคุณสมบัติตามที่ผมต้องการ คนไทยก็พร้อมที่จะเป็นคนไทย 4.0 หรือ 5.0 หรือ 6.0 เพราะเราจะปรับเปลี่ยนตัวเราเองตลอด อยากพัฒนาตลอดเวลา
ถ้าเป็นเช่นนี้ ประเทศไทย เราจะมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน ตามเจตนารมณ์ของยุทธศาสตร์ชาติแน
นพ.พินิจ กุลละวณิชย์
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี