ผมเคยเดินเข้าไปในร้านขายหนังสือ มีแฟนคอลัมน์คนหนึ่งเข้ามาทักทาย บอกว่าอยากให้เขียนเรื่องความตายบ้าง ทำไมเธอกลัวความตายมากก็ไม่ทราบ ทั้งๆ ที่รู้ว่าใครๆ ก็ต้องตาย
คนบางคนไม่ชอบพูดถึงเรื่องตายเลย เพราะบอกว่าไม่ดี ไม่เป็นมงคล
แต่รู้ไหมว่ามนุษย์นึกถึงความตายเสมอ ทั้งที่ตั้งใจนึกและไม่ตั้งใจนึก
มนุษย์มีสัญชาตญาณที่สำคัญอยู่ 2 อย่าง คือ
1. สัญชาตญาณของการมีชีวิตอยู่ (Live Instinct) ทำให้อยากเพลิดเพลิน อยากมีชีวิตอยู่ เจริญก้าวหน้า และสนุกสนานต่อไป
2. สัญชาตญาณของความตาย (Death Instinct) ปรารถนาจะเห็นความตายทั้งตัวเขาและตัวเราในรูปแบบและความรุนแรงแตกต่างกัน
เช่น เวลาเรารักคนรักของเรา เราอยากให้เขาเจริญก้าวหน้า มีความสุข เราก็พลอยเป็นสุขไปด้วย เรายอมเหนื่อยยาก อดทนเพื่อคนรักได้ ซื้อของให้เขา แบ่งปันเงินทองให้เขาได้ นั่นแสดงว่าสัญชาตญาณของการมีชีวิตอยู่ทำงานมากขึ้น
แต่ถ้าเราเห็นหรือรู้ว่าคนรักของเรานอกใจไปมีคนอื่นตอนนั้นสัญชาตญาณการมีชีวิตอยู่จะลดลงทันที และจะมีสัญชาตญาณของความตายสูงขึ้นกะทันหัน ทำให้เราลงมือฆ่าเขาหรือฆ่าตัวเองได้
ส่วนคนที่บอกว่า กลัวความตายมากๆ นั้น น่าจะมาจาก
1. มีสัญชาตญาณของความกลัวตายสูง ทำให้นึกถึงความตายเรื่อยๆ สาเหตุอาจเป็นเพราะมีจิตใต้สำนึกที่รู้สึกว่าตัวเองต่ำต้อยและไม่อยากมีชีวิตอยู่ ทำให้น้อยใจ อิจฉา โกรธคนอื่น แต่ก็ยังมีคุณธรรมอยู่ที่ไม่อยากทำร้ายตัวเองหรือคนอื่นที่ทำให้แค้นใจ
ทุกครั้งที่นึกถึงความตายของตัวเองหรือคนอื่น จึง “กลัว” ว่าจะลงมือทำอย่างนั้นจริงๆ
ความรู้สึกรวมๆ จึงปรากฏออกมาว่า “กลัวความตาย”อาจรวมถึงพวกที่รู้สึก “กลัวผี” มากๆ ด้วย
2. เป็นเพราะไม่รู้ว่าตายแล้วไปไหน จึงเกิดความกังวลและกลัวอนาคต
แต่ถ้าหากศึกษาธรรมะมากพอ จะรู้ว่าชีวิตของคนเราเป็นวัฏสงสาร มีการเวียนว่ายตายเกิด เมื่อตายไปแล้วก็ต้องไปเกิดใหม่ในสภาพที่แตกต่างจากเดิม ตามกรรมที่ได้กระทำไว้ในชาตินี้
3. อาจเป็นโรคกลัว (Phobia) คือกลัวมากเกินกว่าเหตุโดยหาเหตุผลอธิบายไม่ได้ ซึ่งต้องการการวิเคราะห์เพื่อแก้ไขสาเหตุต่อไป อาจจะทำให้ความกลัวลดน้อยลง
พวกที่กลัวผีมากๆ เกินปกติ อาจเป็น อย่างหนึ่งก็ได้
4. เป็นโรคกังวล คิดซ้ำๆ คิดถึงตัวเองในแง่ไม่ดีมองโลกในแง่ไม่ดี จึงนึกถึงความตายบ่อยมาก บางคนชอบปรุงแต่งอารมณ์ส่วนที่ไม่ดีมากเกินไป จึงกลัวความตายมากเกินปกติ
การแก้ไขลดความกลัวตาย ในทางจิตเวชก็ต้องแก้ที่สาเหตุดังกล่าวแล้ว
หรือถ้าจะลดความว้าวุ่นใจไม่ให้คิดมาก ก็อาจจะฝึกสมาธิ (นั่ง หรือ เดิน หรือวิ่งสมาธิก็ได้ ตามแต่จะประยุกต์เอา) หัดคิดถึงคนอื่นให้มากกว่าตนเอง ให้ทำงานให้มากขึ้น ออกกำลังกายให้สม่ำเสมอ คิดว่าชีวิตทุกวันนี้เราจะทำดีเพื่อคนอื่นได้อย่างไรบ้าง ซึ่งเท่ากับเป็นการทำกรรมดีไปด้วย ก็จะทำให้ความคิดฟุ้งซ่านและความกลัวความตายลดน้อยลง
ลองทำตามคำแนะนำนี้ดูซิ ถ้าไม่หายจริงๆก็อาจจะต้องปรึกษาผู้รู้หรือจิตแพทย์ต่อไปครับ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี