ผลสำรวจความคิดเห็นนิด้าโพลล่าสุด เผยชัดเจนว่าประชาชนไว้วางใจกองทัพ ปกป้องผลประโยชน์ชาติจากสถานการณ์ไทย-กัมพูชา มากถึง 75%
แต่ไม่พอใจรัฐบาล-กระทรวงการต่างประเทศอย่างมาก
ยิ่งทำให้เห็นชัดเจนว่า ทางออกเดียวของประเทศไทย คือ รัฐบาลปัจจุบันต้องพ้นไป แล้วจะต้องได้รัฐบาลที่ผู้นำไม่ได้เป็นลูกน้องของตระกูลชินวัตรไม่มีครหาทับซ้อนผลประโยชน์กับฮุนเซน จึงจะเป็นหลักประกันความมั่นใจในการจัดการกับปัญหาต่อไป
1. กองทัพ แบกรัฐบาล
ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” เปิดเผยผลการสำรวจ เรื่อง “สถานการณ์ไทย-กัมพูชา ไปต่อแบบไหนดี” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 4-5 สิงหาคม 2568
เมื่อถามถึงความไว้วางใจต่อภาคส่วนต่างๆ ว่าจะสามารถปกป้องผลประโยชน์ของชาติได้ จากกรณีความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชา พบว่า
- กองทัพ ตัวอย่าง ร้อยละ 75.73 ระบุว่า ไว้วางใจมาก รองลงมา ร้อยละ 19.31 ระบุว่า ค่อนข้างไว้วางใจ
ร้อยละ 3.66 ระบุว่า ไม่ค่อยไว้วางใจ ร้อยละ 1.07 ระบุว่า ไม่ไว้วางใจเลย
หากรวมที่ไว้ใจกองทัพมาก และค่อนข้างไว้ใจจะสูงถึง 95% !!!!
- กระทรวงการต่างประเทศ ตัวอย่างร้อยละ 19.23 ระบุว่า ค่อนข้างไว้วางใจ ร้อยละ 4.89 ระบุว่า ไว้วางใจมาก
ร้อยละ 41.76 ระบุว่า ไม่ไว้วางใจเลย และร้อยละ 33.28 ระบุว่า ไม่ค่อยไว้วางใจ
ถ้ารวมที่ไม่ไว้ใจเลยและไม่ค่อยไว้ใจ สูงถึง 75% !!!!
- รัฐบาลไทย ตัวอย่างร้อยละ 11.45 ระบุว่า ค่อนข้างไว้วางใจ ร้อยละ 4.66 ระบุว่า ไว้วางใจมาก
ร้อยละ 54.58 ระบุว่า ไม่ไว้วางใจเลย และร้อยละ 29.01 ระบุว่า ไม่ค่อยไว้วางใจ
รวมที่ไม่ไว้ใจรัฐบาลเลยและไม่ค่อยไว้ใจ สูงถึง 84% !!!!
พูดง่ายๆ ว่า สถานการณ์ขณะนี้ กองทัพ เป็นฝ่ายแบกรัฐบาล ในการทำภารกิจความมั่นคงของประเทศ
พฤติกรรมของคนในรัฐบาลนั่นเอง ทำให้คนรู้สึกกังวลใจว่า อาจมี “ไส้ศึก” หรือ “หนอนบ่อนไส้”หรือ “ฝ่ายตรงข้ามกองทัพที่อยู่ในรัฐบาลไทย” หรือไม่?
คำถาม คือ แล้วจะมีรัฐบาลแบบนี้ อยู่เป็นภาระของประเทศชาติต่อไปทำไม?
2. คดีนายกฯอุ๊งอิ๊งค์ฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมร้ายแรง หรือคดีคลิปเสียงนายกฯอุ๊งอิ๊งค์กับฮุนเซน อยู่ในการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ
คาดว่า อย่างช้า จะมีคำวินิจฉัยชี้ขาดก่อนสิ้นเดือนสิงหาคมแน่นอน
เพราะยิ่งช้า ยิ่งสร้างความเสียหาย เสียโอกาส แก่ประเทศชาติส่วนรวม
และยิ่งรัฐบาลอยู่ไปแบบนี้ ในท่ามกลางความไม่ไว้ใจของประชาชน ดังที่ปรากฏตามโพลข้างต้น ยิ่งนำพาประเทศไปอยู่ในมุมอับของวิกฤตศรัทธา
3. หากนายกฯแพทองธารลาออก หรือถูกตัดสินให้พ้นตำแหน่งไป ก็จะต้องมีการเลือกนายกฯใหม่โดยเร็ว
ถ้านายกฯอุ๊งอิ๊งค์ไม่ชิงลาออกไปก่อนที่ศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัย คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ จะต้องถูกนำไปขยายผลคดีอื่นๆ ต่อไปอย่างแน่นอน
เพราะอุ๊งอิ๊งค์มีตำแหน่งเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทยด้วย (ต่างจากกรณีอดีตนายกฯเศรษฐา)
โอกาสที่นายกฯอุ๊งอิ๊งค์จะรอดจากคดีในศาลรัฐธรรมนูญตอนนี้ มีไม่ถึง 5% ด้วยซ้ำ
บัดนี้ ปมขัดแย้งเกิดความเสียหายต่อประเทศชาติคนไทย ทหารไทย เสียชีวิต
คนไทยต้องอพยพ เดือดร้อนนับแสนคนในปัจจุบัน
คดีของนายกอุ๊งอิ๊งค์นี้ เป็นเรื่องฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรม
ไม่ใช่คดีอาญาที่จะต้องพิสูจน์เจตนาและความเสียหายจากการกระทำโดยตรง
ยกตัวอย่าง ถ้ามีคลิปเสียงนายกฯประเทศใดก็ตาม ลองไปคุยกับผู้นำชาติคู่ปรปักษ์ว่าจะเอื้อประโยชน์ ต่อให้ยังไม่ได้กระทำจริง แต่เมื่อพูด แสดงออก แสดงท่าทีอ่อนข้อ หรือเข้าเป็นพวกกับฝ่ายปรปักษ์ แถมด้อยค่าแม่ทัพนายทหารชาติของตนเอง ต่อศัตรูผู้คุกคามอธิปไตยของชาติ ว่าเป็นฝ่ายตรงข้ามกับเรา มันก็ไม่เหมาะสมอย่างร้ายแรง
การพูด ท่าที การกระทำไม่เหมาะสมนั่นเอง คือความผิดทางจริยธรรมร้ายแรง เสื่อมเสียเกียรติภูมิของชาติ
การกระทำนั้น เกิดขึ้นสำเร็จไปแล้ว ตามคลิปเสียง
ไม่ว่าคลิปเสียงนั้น จะถูกแอบบันทึก แต่ความจริงคือ มีการกระทำเช่นนั้นเกิดขึ้นจริง
กรณีนี้ แพทองธารจึงมีโอกาสสูงที่จะต้องพ้นจากตำแหน่งนายกฯ
หากแต่ยังสามารถต่อสู้ในคดีอาญา ว่าไม่มีเจตนา
ถ้าแพทองธารตัดสินใจลาออก ก่อนศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัย อาจเป็นเหตุให้ศาลรัฐธรรมนูญจำหน่ายคดี เพราะไม่มีตำแหน่งให้วินิจฉัยให้พ้นจากตำแหน่งตามคำร้องแล้ว ผลที่ตามมาคือ จะไม่มีคำวินิจฉัยชี้ขาดของศาลรัฐธรรมนูญตีตราบันทึกในราชกิจจาฯ
แต่ถ้าไม่ลาออก แล้วถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยชี้ขาด ให้พ้นตำแหน่ง
คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญถือเป็นที่สุด มีผลผูกพันทุกองค์กร
ย่อมถูกใช้เป็นสารตั้งต้นประกอบการดำเนินคดี ขยายผลต่อไปยังพรรคเพื่อไทย
ในฐานะที่อุ๊งอิ๊งค์เป็นหัวหน้าพรรค และในการปรับตำแหน่งแต่งตั้งให้อุ๊งอิ๊งค์ได้เป็นรัฐมนตรีวัฒนธรรมก่อนศาลรัฐธรรมนูญสั่งหยุดการปฏิบัติหน้าที่ในฐานะนายกฯ พรรคเพื่อไทยก็ได้เห็นชอบให้อุ๊งอิ๊งค์ตั้งตัวเองเป็นรัฐมนตรีวัฒนธรรมเพิ่มอีกตำแหน่ง ก็เพื่อหลบเลี่ยงการที่หัวหน้าพรรคต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่อย่างเด็ดขาด โดยอ้างว่ายังมีอีกเก้าอี้ในฐานะรัฐมนตรีวัฒนธรรม ก็เพื่อผลประโยชน์ทางการเมือง เพื่อรักษาตำแหน่งและอำนาจของหัวหน้าพรรคเพื่อไทย หรือไม่
การกระทำเช่นนี้ อันอาจเป็นการกระทำเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองที่ไม่เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ หรือไม่?
หากนายกฯอุ๊งอิ๊งค์ฝืนอยู่ในตำแหน่ง แล้วถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยชี้ขาด ราคาที่พรรคเพื่อไทยต้องจ่าย คืออาจถูกล้างบางในลำดับต่อไป
พรรคส้ม ก็จึงส่งเสียงเชียร์ อย่าให้นายกฯอุ๊งอิ๊งค์ลาออก
4. ความจริง มองในมุมประเทศชาติส่วนรวม นายกฯอุ๊งอิ๊งค์ อยู่ในตำแหน่งต่อไป ก็เหมือนเป็นตัวถ่วงประเทศชาติ
ผลสำรวจนิด้าโพลล่าสุด ตอกย้ำความรู้สึกไม่ไว้วางใจของประชาชน
บ้านเมืองขณะนี้ มีวิกฤตปัญหารุมเร้า ต้องการผู้นำประเทศที่มีศักยภาพ และมีรัฐบาลที่มีเสถียรภาพ มีความเข้มแข็งกว่านี้ เข้ามานำพาบ้านเมือง
จะยังอยู่เป็นตัวถ่วงชาติบ้านเมืองไปทำไม? อยู่ก็ทำประโยชน์อะไรไม่ได้?
น่าสังเกตว่า.. ก่อนหน้านี้ ผลสำรวจ “นิด้าโพล”เรื่อง “การเมืองไทย ไปต่อแบบไหนดี” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 4-7 กรกฎาคม 2568 จึงออกมาชัดเจนว่า อันดับหนึ่ง ร้อยละ 42.37 ระบุว่า นายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร ควรประกาศลาออกจากตำแหน่ง เพื่อหานายกฯ คนใหม่
นอกจากนี้ ในกรณีที่นายกฯแพทองธารพ้นจากตำแหน่ง บุคคลที่ประชาชนจะสนับสนุนให้เป็นนายกฯคนต่อไป ตามรายชื่อผู้มีสิทธิเป็นนายกฯ ตามรัฐธรรมนูญ?
พบว่า อันดับหนึ่ง ร้อยละ 32.82 สนับสนุนพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา (องคมนตรี-แต่เป็นแคนดิเดตจากพรรครวมไทยสร้างชาติ)
รองลงมา ร้อยละ 27.94 ระบุว่า ไม่สนับสนุนใครเลยตามรายชื่อผู้มีสิทธิเป็นนายกฯ ตามรัฐธรรมนูญ
ร้อยละ 11.53 ระบุว่าเป็น นายอนุทิน ชาญวีรกูล (พรรคภูมิใจไทย)
ร้อยละ 10.92 ระบุว่าเป็น นายชัยเกษม นิติสิริ (พรรคเพื่อไทย) อยู่อันดับต่ำกว่านายอนุทิน
ทั้งหมดนี้ สะท้อนสถานการณ์วิกฤตของพรรคเพื่อไทย และทักษิณ
ตอกย้ำว่า ประชาชนไม่ไว้วางใจ และต้องการให้พ้นจากอำนาจรัฐไปมากกว่า 80% (ลาออก + ยุบสภา)
แถมหากเลือกนายกฯใหม่ คะแนนนิยมของคนในบัญชีพรรคเพื่อไทยก็มีแค่ 10% เท่านั้น
แต่จนบัดนี้ นายกฯอุ๊งอิ๊งค์ไม่ยอมลาออก อ้างบริสุทธิ์ใจ
โดยไม่แสดงออกให้เห็นถึงการนึกถึงประโยชน์ส่วนรวมของประเทศชาติ มากกว่าตัวเอง
อดีตผู้พิพากษา อดีตตุลาการผู้ใหญ่ เคยให้ความเห็นว่า “เรื่องนี้ ไม่ใช่ว่ายังไม่เกิดความเสียหาย ประเทศเสียหาย มีผู้นำที่ทำท่ายอมเขาหมด ขนาดเอาตัวเป็นพวกกับปรปักษ์ เอาทหารผู้ใหญ่เป็นฝ่ายตรงข้าม ทำตัวเป็นพวกเดียวกันกับผู้นำชาติที่เป็นปรปักษ์ และกำลังคุกคามประเทศไทย ถ้าบอกว่าเป็นการโกหกในการเจรจา ในภาษาการทูตเขาก็มีวิธีพูดที่ไม่ใช่โกหกตอแหล”
5. สุดท้าย นับเป็นโอกาสดี ถ้าอุ๊งอิ๊งค์ไม่ชิงลาออกจริงๆ
นับถอยหลัง ล้างบางพรรคเพื่อไทย!!!
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี