ระยะนี้มีหนุ่มสาวไฟแรงที่เคยเรียนดี ทำงานเก่ง มาปรึกษาหลายคนด้วยอาการเพลียใจ ไม่ค่อยมีแรง ไม่สดชื่น เหมือนที่เรียกว่าขาดไฟนั่นแหละ
พวกนี้เรียนจบปริญญา ทำงานในบริษัทใหญ่ๆ มีชื่อเสียง ทุกคนทำงานแข่งขันกับตัวเองและเพื่อนร่วมงาน
ประโยคที่เขาพูดคล้ายๆ กันก็คือ เขาไม่รู้ว่าทำไมเขาต้องมาทำงานหนักเช่นนี้ เงินเดือนแม้จะได้มากขึ้นแต่ก็ต้องเสียภาษีมากขึ้น ยิ่งทำมากแต่แลดูเหมือนได้เงินน้อยลง อนาคตก็ไม่เห็นจะร่ำรวย
ความเพลียเกิดจากความสับสนและความขัดแย้งในตัวเองว่าจะทำอะไรดี จะทำงานเก่าต่อไปหรือจะลาออกหางานใหม่ สมองฉลาดพอที่จะมีคำตอบว่าสิ่งใดดีกว่า แต่ตัวเองไม่พร้อมจะทำสิ่งนั้น ไม่กล้าลอง และไม่กล้าทิ้งงานเก่า
เขาจึงเกิดความขัดแย้ง (Conflict) ในใจตลอดมา
ความขัดแย้งที่มีอยู่ประจำทำให้ตัดสินใจยาก เกิดเป็นความเครียดสะสมมากขึ้น
เมื่อเกิดความเครียดเขาจะขาดสิ่งที่สำคัญ 3 อย่าง คือ
1.ขาดพลังงาน ทำให้รู้สึกเพลีย เหนื่อยง่าย และหน่ายชีวิต
2.ขาดความคิดสร้างสรรค์ คิดอะไรไม่ค่อยออกไม่อยากคิด
3.ขาดความรักตัวเองและเพื่อนมนุษย์ ทำให้ขาดความกระชุ่มกระชวย ขาดความกระตือรือร้น
นี่คือสาเหตุของความเพลียในทุกๆ เช้าที่ลืมตาขึ้นมา และเพลียมากขึ้นในช่วงเริ่มทำงานตอนกลางวันพอเลิกจากงานก็เพลีย กลับบ้าน กินข้าว ดูทีวี แล้วก็นอนด้วยความเพลียต่อไป
ผมสอนให้เขายอมรับตัวเองว่าขณะนี้เขาเป็นอะไรแค่ไหน สอนให้มองโลกในแง่ดีว่าต้องมีทางออกที่ดีๆ สอนให้มีอารมณ์ขัน อย่าไปจริงจังกับชีวิตมากนักจะยิ่งเครียดมากขึ้นและให้ปรับตัวเข้าหาสภาพความจริง ให้ออกกำลังกายมองโลกในแง่ดี รู้จักสร้างความหวัง และลดความคาดหวังที่มากๆ ลงเสียบ้าง
คนพวกนี้ผ่านชีวิตวัยเด็กที่ได้ทุกอย่างง่ายๆ และได้อย่างรวดเร็ว พอเป็นวัยรุ่นก็สนุกกับชีวิต พอมาพบปัญหาของชีวิตจริงเข้าก็ไม่อยากยอมรับ เริ่มมองเห็นทุกข์การจะปรับตัวให้รับความจริง รู้จักตั้งความหวังและยอมรับให้ได้ว่าแม้จะทำเต็มที่แล้วก็อาจไม่ได้ดังใจนึกเป็นสิ่งที่เขาต้องเข้าใจและทำใจยอมรับให้ได้
เขียนถึงตรงนี้แล้วนึกถึงบทกวีของสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ที่เคยประพันธ์เอาไว้ว่า
ยามเยาว์เห็นโลกล้วน แสนสนุก
เป็นหนุ่มสาวก็หลงสุข ค่ำเช้า
กลางคนเริ่มเห็นทุกข์ สุขคู่ กันนอ
ตกแก่จึงรู้เค้า ว่าล้วน อนิจจัง
มนุษย์เราก็เป็นเช่นนี้เอง ถ้ารู้ความจริงและยอมรับธรรมชาติของมนุษย์ได้ดังบทกวีข้างบนนี้จะไม่ทุกข์มากนักหรอกครับ ไม่ต้องรอให้ตกตอนแก่แล้วจึงค่อยรู้เค้าว่าทุกสิ่งล้วนไม่แน่นอนหรอก
ใครรู้และยอมรับได้เร็ว ก็ทุกข์น้อยลง หายเพลียได้ทันที
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี