หลายๆ ท่านอาจจะเริ่มสงสัยว่าแล้วเราจะหลีกเลี่ยงโรคนี้ได้อย่างไร ซึ่งจากข้อมูลสถิติขององค์การอนามัยโลกพบว่า จริงๆ แล้ว ปัจจัยที่ส่งเสริมหรือป้องกันโรคหลอดเลือดสมองนั้น ก็คือพฤติกรรมการกินอยู่ การใช้ชีวิต 5 ประการ ที่เราสามารถควบคุมได้ทั้งสิ้น ปัจจัย 5 ประการที่ควรลด ละ เลิก เพื่อห่างไกลโรคหลอดเลือดสมองได้แก่
1.เลิกเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ตั้งใจทำเพื่อคนที่เรารัก ตั้งเป้าหมายชัดเจนและสามารถเริ่มได้ทันที หากต้องการคำปรึกษาระหว่างกระบวนการเลิก โทร.1413 สายด่วนเลิกสุรา
2.เลิกบุหรี่ ไม่ว่าจะสูบเองหรือการอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีควันบุหรี่ก็ตาม อาศัยความตั้งใจและเป้าหมายที่ชัดเจน เช่นเดียวกันกับสุรา และควรหากิจกรรมเบี่ยงเบนความสนใจเพื่อไม่ให้กลับไปสูบอีก หากต้องการคำปรึกษา โทร.หาสายด่วนเลิกบุหรี่ 1600
3.เลิกคิดลบ เลิกนอนดึก เลิกเครียดเพราะความคิดและมุมมองก่อให้เกิดอารมณ์ที่ทั้งเป็นบวกหรือเป็นลบได้ อารมณ์ที่เป็นลบต่างๆ ทั้งเศร้า วิตกกังวล โกรธ ส่งผลต่อระบบการทำงานของอวัยวะสำคัญๆทั้งสิ้น เช่น เมื่อมีอารมณ์โกรธบ่อยๆ นานๆ ทำให้ความดันโลหิตสูง ปวดศีรษะ เสี่ยงเส้นเลือดสมองแตกได้ อารมณ์วิตกกังวลนานๆ ทำให้เป็นแผลในกระเพาะอาหารเป็นต้น
4.เลิกรับประทานอาหารรสจัด (หวานมัน เค็ม) อาหารขยะ อาหารแปรรูป เพราะอาหารกลุ่มดังกล่าว ทำให้ร่างกายต้องรับภาระมาก เช่น เค็มมาก ทำให้ไตทำงานหนักความดันโลหิตสูงนำไปสู่หลอดเลือดสมองเสื่อมเร็ว หวานๆ มันๆ พลังงานสูงเกินไปเก็บเป็นไขมันในช่องท้อง ตามกระแสเลือด ทำให้หลอดเลือดอักเสบ เสื่อมแข็งก่อนเวลาอันควร เป็นต้น อาหารกลุ่มที่เป็นประโยชน์และควรรับประทานทุกมื้อ ได้แก่ผัก ผลไม้สด
5.เลิกใช้ชีวิตนั่งๆ นอนๆ ติดหน้าจอหันมาขยับเนื้อขยับตัว ออกกำลังเพียง150 นาทีต่อสัปดาห์ (เดิน เร็ว วันละ 30 นาที สัปดาห์ละ 5 วันเป็นต้น) ก็ให้ประโยชน์สุขภาพ เผาไขมันส่วนเกินลดอ้วนลงพุง ทั้งนี้การออกกำลังกายมีหลากหลายประเภทและมีข้อควรระวังสำหรับบุคคลต่างๆ กัน โดยเฉพาะผู้ที่มีโรคประจำตัว ควรปรึกษาแพทย์เวชศาสตร์ฟื้นฟูเพื่อออกแบบโปรแกรมให้มีความปลอดภัยและตรงวัตถุประสงค์
หากเราตั้งใจปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตลด ละ เลิก ปัจจัย 5 ประการดังกล่าวไม่เพียงแต่จะห่างไกลอัมพฤกษ์อัมพาตเพียงอย่างเดียวแต่รวมไปถึงอีกหลายๆ โรคในกลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรังทั้งหมดที่เรียกย่อๆ กันว่า NCD (Non-communicable diseases) เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูงมะเร็ง อ้วนลงพุง เป็นต้น ซึ่งแน่นอนว่าการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมตั้งแต่ตอนที่ยังไม่มีอาการย่อมคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อที่จะไม่ต้องเสียใจในภายหลัง
บทความโดย ผศ.พญ.มนธนา บุญตระกูลพูนทวี
ภาควิชาเวชศาสตร์ฟื้นฟู คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
ราชวิทยาลัยเวชศาสตร์ฟื้นฟูแห่งประเทศไทย
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี