เช้าตรู่มากๆ ของวันพฤหัสบดีที่ 21 มกราคม 2021 ตามเวลาในประเทศไทย “โจ ไบเดน” เข้ารับการสาบานตน ณ อาคารรัฐสภา หรือ US Capitol ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เพื่อดำรงตำแหน่งเป็นประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาคนที่ 46 อย่างเป็นทางการ หลังเสียงร้องเพลงชาติสหรัฐฯ ของ “เลดี้ กาก้า” และการแสดงสุดพิเศษจาก “เจนิเฟอร์โลเปซ” ท่ามกลางแขกรับเชิญกิตติมศักดิ์ภายใต้มาตรการด้านสาธารณสุข และความปลอดภัยภายในงาน และการถ่ายทอดสดที่ออกอากาศไปทั่วโลก
“สหรัฐฯ มีสิ่งที่ต้องซ่อมแซม ฟื้นฟู เยียวยา และสร้างขึ้นใหม่อีกมากมายด้วยยอดผู้เสียชีวิตกว่า 4 แสนคนในสัปดาห์นี้บอกกับเราว่า นี่เป็นการเผชิญหน้ากับไวรัสที่ร้ายแรงที่สุดในรอบศตวรรษ ซึ่งคร่าชีวิตชาวอเมริกันมากกว่าการสูญเสียในสงครามโลกครั้งที่ 2 เสียอีก ดังนั้น เพื่อเอาชนะความท้าทายเหล่านี้ เพื่อฟื้นฟูจิตวิญญาณและอนาคตของอเมริกา เราจึงต้องการมากกว่าคำพูด เราต้องการสิ่งสำคัญในระบอบประชาธิปไตย นั่นคือความสามัคคี”
นี่คือสาส์นตอนหนึ่งจากการปราศรัยของไบเดน ซึ่งแน่นอนว่า เขาพยายามสื่อสารไปยังชาวอเมริกันทุกคน เพราะเป็นที่ทราบกันดีว่า ก่อนหน้านี้สหรัฐอเมริกาเกิดความขัดแย้งทางการเมืองอย่างรุนแรงขึ้น จากเหตุการณ์บุกรัฐสภาเมื่อวันที่ 6 มกราคม ที่ผ่านมา ของกลุ่มผู้สนับสนุนอดีตประธานาธิบดี “โดนัลด์ ทรัมป์” ซึ่งไม่ยอมรับในผลการเลือกตั้งที่เกิดขึ้น และกล่าวหาว่าตนเองถูกปล้นตำแหน่งผู้นำสูงสุดไปด้วยการโกงของพรรคการเมืองฝ่ายตรงกันข้าม (เดโมแครต)จนทำให้มีคนกลุ่มใหญ่ต้องการหยุดกระบวนการรับรองชัยชนะของไบเดนจากการเลือกตั้งประธานาธิบดี จนทำให้มีการสูญเสียเกิดขึ้นจากการปะทะกันระหว่างเจ้าหน้าที่กับฝ่ายผู้ชุมนุมที่ก่อการจลาจลขึ้น และนำไปสู่การยื่นถอดถอนทรัมป์จากสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ในข้อหาสนับสนุนให้ประชาชนก่อความไม่สงบขึ้นในประเทศ เพื่อปิดผนึกการกลับมาสู่ตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ อีกครั้งของเขาในอีก 4 ปีข้างหน้า ตามที่นักวิเคราะห์ทางการเมืองทั่วโลกได้คาดการณ์กัน และเป็นการรับผิดชอบต่อความเสียหายในความกระด้างกระเดื่องต่อระบอบประชาธิปไตยในสหรัฐฯ จนทำให้มีความวุ่นวายเกิดขึ้น
เชื่อแน่ว่า ประธานาธิบดีสหรัฐคนใหม่ย่อมต้องกังวลเกี่ยวกับกลุ่มผู้สนับสนุนนายโดนัลล์ ทรัมป์ ว่าอาจจะเป็นอุปสรรคต่อการดำเนินนโยบายต่างๆ ของตนเองต่อจากนี้ และทราบดีว่า ถ้าความขัดแย้งทางการเมืองของคนในประเทศยังคงคุกรุ่นเช่นนี้อยู่ การจัดการกับการระบาดของไวรัส และผลกระทบทางเศรษฐกิจ ที่ว่ายากแล้ว จะยิ่งทวีคูณมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม สำหรับการดำเนินการในเรื่องนโยบายต่างประเทศ ทั้งในด้านเศรษฐกิจ และความมั่นคง ไม่ว่าจะกับจีน หรือแม้แต่กับรัสเซีย อิหร่าน และเกาหลีเหนือ ซึ่งเชื่อว่า จะมีความเข้มข้นมากยิ่งขึ้นในยุคสมัยของไบเดน ที่ตอนหาเสียงเลือกตั้งนั้น เหมือนจะประกาศกลายๆ ว่า จะทำให้อเมริกาผงาดขึ้นเป็น “ตำรวจโลก” อีกครั้ง เพื่อการตรวจสอบความเป็นประชาธิปไตยในหลายประเทศ ด้วยการผนึกรวมประเทศพันธมิตรให้กลับมากลมเกลียวกัน ด้วยความผ่อนคลายท่าทีอันแข็งกร้าวในทางการค้า ซึ่ง “โดนัลด์ ทรัมป์” มองว่าเป็นความเสียเปรียบ และยอมไม่ได้จึงทำให้อเมริกาต้องแยกตัวออกมาจากพันธสัญญาความร่วมมือต่างๆ ในนามของพันธมิตรทางประชาธิปไตยก่อนหน้านี้
นี่เองที่ทำให้ด้านหนึ่งสำหรับนโยบายในประเทศ ไบเดนจึงต้องเรียกร้องให้ชาวอเมริกันรวมใจเป็นหนึ่งเดียวกัน หรืออย่างน้อยที่สุดต้องไม่ก่อจลาจลด้วยความขัดแย้ง หรือความเชื่อทางการเมือง เพื่อพาอเมริกากลับไปเป็นอเมริกาที่เคารพกรอบกติกาในระบอบประชาธิปไตยที่พวกเขาเชื่อมั่น และให้เกียรติในความเป็นผู้นำที่มาจากการเลือกตั้งสำหรับการบริหารประเทศอย่างเต็มที่ในวาระ 4 ปีแม้จะมีความศรัทธาทางการเมืองที่แตกต่างกันก็ตาม ส่วนอีกด้านหนึ่งต้องไปผสานความร่วมมือกับประเทศที่เป็นพันธมิตรทางประชาธิปไตย ผ่านข้อตกลงด้านต่างๆ และองค์กรระดับสากล ซึ่งอเมริกาในยุคสมัยของทรัมป์ได้สร้างรอยร้าวเอาไว้ ซึ่งล่าสุด ตามที่ไบเดนได้ประกาศเอาไว้ ผ่านนโยบายด้านสิ่งแวดล้อม คือการพาอเมริกากลับเข้าไปร่วมข้อตกลงปารีสเกี่ยวกับการร่วมกันจัดการกับปัญหาสภาวะโลกร้อน ซึ่งอดีตประธานาธิบดีคนก่อนไม่ได้ให้ความสำคัญในเรื่องนี้ และถอนตัวออกมา อีกเรื่องที่น่าจะขยับในเร็ววันก็คือ การผสานความร่วมมือกับ WHO ในเรื่องของการดำเนินการด้านสาธารณสุขโลก หลังจากก่อนหน้านี้ทรัมป์ได้โจมตี WHO ว่าปกป้องจีนในเรื่องการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และประกาศเลิกให้การสนับสนุนด้านเงินทุนและความร่วมมือ
เหล่านี้คือ “ความมั่นคง” ที่ไบเดนต้องสร้างขึ้นในยุคของเขา หลังจากที่ American First ซึ่งเป็นวิสัยทัศน์ของทรัมป์ ได้โดดเดี่ยวอเมริกา และแบ่งแยกชาวอเมริกันเพื่อการปกครอง และแน่นอนว่า นโยบายกีดกันผู้อพยพที่อดีตประธานาธิบดีใช้คำสั่งในการดำเนินการ (Executive Order) อาทิ ห้ามชาวมุสลิมบางประเทศเดินทางเข้าอเมริกา การสร้างกำแพงกั้นพรมแดนที่ติดต่อกับประเทศเม็กซิโก และที่ยังอยู่ในการชะลอคำสั่งของศาล คือการยกเลิกการให้สิทธิพำนักและทำงานของผู้อพยพเข้าเมืองมาตั้งแต่ยังเป็นผู้เยาว์ แต่ไม่มีประวัติอาชญากรรม จะได้รับการผ่อนคลายมากขึ้นในสมัยของไบเดน เมื่อสัญลักษณ์ทางการเมืองหนึ่งที่ประธานาธิบดีคนนี้พยายามสื่อสารมาตลอดการเลือกตั้ง คือ ความเสมอภาคของมนุษย์ ผ่านเชื้อสายและเพศสภาพของรองประธานาธิบดี คณะรัฐมนตรี และบุคคลแวดล้อมที่เขาได้คัดเลือกเข้ามาร่วมทำงานด้วย
กระนั้น สิ่งที่นักวิเคราะห์ทางการเมืองระดับประเทศกังวล ก็คือ ความเข้มข้นของนโยบายด้านความมั่นคง ที่ทางอเมริกาน่าจะดำเนินการทางการเมืองระหว่างประเทศในแบบที่มีชั้นเชิงมากขึ้นกว่าในยุคสมัยของทรัมป์ ซึ่งหลายคนมองว่า เดาทางง่าย ไม่มีลูกล่อลูกชน และไม่ค่อยเข้าไปก้าวก่ายในการเมืองระดับประเทศของชาติอื่นๆ ต่างจากประธานาธิบดีหลายๆ ท่านในอดีตที่ผ่านมาซึ่งการเมืองระหว่างประเทศในแบบลับ ลวง พราง เช่นนั้นน่าจะกลับมาภายใต้รัฐมนตรีต่างประเทศ หน่วยความมั่นคง และนักการทูต ที่ไบเดน และทีมงานของเขาคัดสรร ซึ่งทำให้ความปลอดภัยด้านความมั่นคง และทางเศรษฐกิจ จะได้รับการแลกเปลี่ยนและต่อรองหนักขึ้นจากทุกความเคลื่อนไหวทางการเมืองและเศรษฐกิจในหลากหลายรูปแบบ พันธมิตรคู่ค้า และคู่แข่ง จะสลับสับเปลี่ยนหมุนเวียนอยู่ตามผลประโยชน์ที่อเมริกาต้องการในแต่ละช่วงเวลา นี่เองที่ทำให้การมาของไบเดน กลายเป็นช่วงเวลาที่ไม่ง่ายของหลายประเทศ โดยเฉพาะ จีน และรัสเซียที่ยังคงรักษาพื้นที่แห่งการประนีประนอมกับทางรัฐบาลสหรัฐฯ อยู่ท่ามกลางความไม่พอใจต่อกัน ที่ทุกฝ่ายต่างพยายามเก็บงำไว้ แต่ไม่มิด
กลับมาที่ประเทศไทย หลายคนนั่งชมพิธีสาบานตนของ “โจ ไบเดน” พร้อมความสะใจที่ได้ไล่ทรัมป์ไปเสียทีหลายคนตั้งคำถามถึงสื่อหลัก และสื่อออนไลน์เจ้าใหญ่ ว่าทำไมแบนทรัมป์แต่เปรียบไบเดนดั่งเทวดามาจุติ และหลายคนกังวลถึงนโยบายทางประชาธิปไตย ที่อาจเข้ามาก้าวก่ายการบริหารบ้านเมืองของรัฐบาล และนี่ก็คือโลกในยุคของ Globalizations ซึ่งทุกอย่างจะเชื่อมโยงถึงกัน และเป็นเหตุผลที่ทำให้มันมากระทบกับเรา
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี