ฝีหนองรอบทอนซิล (Peritonsillar abscess) ในชีวิตของเรา หลายคนอาจเคยมีอาการเจ็บคอจากทอนซิลอักเสบ (tonsillitis) ที่ปกติแล้วต่อมทอนซิล (tonsils) มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ซึ่งจัดอยู่ในกลุ่มของเนื้อเยื่อประเภทต่อมน้ำเหลือง โดยมีหน้าที่หลักคือการจับและทำลายเชื้อโรคที่เข้าสู่ร่างกายผ่านทางเดินอาหารและมีหน้าที่รองคือการสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย
ต่อมทอนซิลที่เราสังเกตเห็นและเป็นสาเหตุการเจ็บคอจะพบอยู่ที่ด้านข้างของช่องปากทั้งสองข้างของโคนลิ้น (palatine tonsil) นอกจากนี้ยังพบได้บริเวณโคนลิ้น(lingual tonsil), ช่องหลังโพรงจมูก (adenoid tonsil)และตำแหน่งหลังรูเปิดของท่อยูสเตเชี่ยน (tubal tonsil)
โรคทอนซิลอักเสบเป็นภาวะการอักเสบของต่อมทอนซิลจะมีอาการและอาการแสดงคือต่อมทอนซิลมีขนาดใหญ่บวมแดงทั้งสองข้างร่วมกับมีอาการเจ็บคอมีไข้ กลืนลำบาก มักเกิดจากการติดเชื้อไวรัสเป็นส่วนใหญ่ถึงร้อยละ 70-80 และแบคทีเรีย การรักษาทอนซิลอักเสบเฉียบพลันนั้น แพทย์จะให้การรักษาตามอาการ เมื่อคิดถึงติดเชื้อจากไวรัส เช่น ให้ยาลดไข้ ยาบรรเทาอาการเจ็บคอ ให้สารน้ำชดเชย แต่ถ้าสงสัยคิดว่าเชื้อต้นเหตุเกิดจากเชื้อแบคทีเรียก็จะให้ยาปฏิชีวนะในกลุ่มเพนนิซิลินซึ่งในปัจจุบันยังได้ผลดี แต่ในผู้ป่วยที่มีการอักเสบบ่อยจะมีการดื้อยา ซึ่งอาจต้องปรับเป็นยาในกลุ่มอื่นหรือให้ยาที่แรงขึ้น ผู้ป่วยบางรายที่มีอาการรุนแรงเจ็บคอมากจนกินน้ำหรือทานอาหารไม่ได้ มีไข้สูง แพทย์ผู้รักษาอาจแนะนำให้นอนโรงพยาบาลเพื่อให้น้ำเกลือชดเชยและยาปฏิชีวนะทางหลอดเลือดดำ
สาเหตุของฝีหนองรอบทอนซิล เกิดจากการรักษาทอนซิลอักเสบที่ไม่เหมาะสมหรือไม่ตอบสนองต่อการรักษา เกิดการกระจายของเชื้อไปบริเวณช่องว่างรอบ
ทอนซิล (peritonsillar space) จนเกิดเป็นฝีหนองรอบทอนซิล (peritonsillar abscess)
อาการและอาการแสดง ผู้ป่วยจะมีอาการไข้สูงเจ็บคอมากโดยมักจะเป็นข้างเดียว มีการบวมแดงอักเสบของต่อมทอนซิลข้างนั้นมากจนบางทีลิ้นไก่ถูกดันไปด้านตรงข้าม มีอ้าปากลำบาก มีกลืนลำบากและมีเสียงเปลี่ยน
ผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นได้ถ้าไม่รักษาอย่างทันท่วงทีอาจลุกลามไปยังโพรงช่องคอใกล้เคียงจนกดเบียดอุดกั้นทางเดินหายใจ หนองแตกเข้าสู่ช่องปอดและหัวใจได้ นอกจากนี้เชื้อแบคทีเรียอาจเข้าสู่กระแสเลือดเกิดติดเชื้อรุนแรงจนทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตได้
การวินิจฉัยทำได้จากการซักประวัติและตรวจร่างกายดังรายละเอียดข้างต้น อาจมีการส่งภาพถ่ายทางรังสี เช่น เอกซเรย์คอมพิวเตอร์ ( CT scan ) ในผู้ป่วยที่อาการแสดงไม่ชัดเจนหรือสงสัยมีภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ
การรักษาทำได้ด้วยการผ่าตัดเจาะหรือกรีดหนองออกจากช่องว่างรอบทอนซิล ให้ยาปฏิชีวนะ สารน้ำชดเชย ให้ยาตามอาการ เช่น ยาลดไข้ ยาบรรเทาอาการเจ็บคอ
ส่วนใหญ่ผู้ป่วยไม่จำเป็นต้องนอนรักษาในโรงพยาบาล ผู้ป่วยที่มีภาวะฝีหนองรอบทอนซิลซ้ำ (recurrent peritonsillar abscess) หลังจากรักษา จนหายดีประมาณ 1 เดือนแพทย์แนะนำให้ผู้ป่วยมาผ่าตัดต่อมทอนซิลออกเพราะถ้าไม่ผ่าตัดผู้ป่วยมีโอกาสเป็นโรคนี้ซ้ำได้อีก
บทความโดย
นพ.จักรกฤษ์ วรกุลพาณิชย์ ราชวิทยาลัยโสต ศอ นาสิกแพทย์ แห่งประเทศไทย
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี