การตรวจคัดกรองโรคคืออะไร? ทำไมถึงต้องตรวจ?
การตรวจคัดกรอง (screening) คือ การตรวจหาโรคทั้งๆ ที่ยังไม่มีอาการ แต่มีความเสี่ยงทางการแพทย์ด้วยสาเหตุอย่างใดอย่างหนึ่ง เช่น อายุถึงเกณฑ์ที่มีโอกาสเป็นโรคมาก หรือมีบิดามารดาที่เป็นโรคที่ทำให้เรามีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคด้วย
ทำไมถึงต้องตรวจ เพราะการตรวจคัดกรองหาโรคทั้งๆ ที่ไม่มีอาการนั้นโดยทั่วๆ ไปมักตรวจไม่พบโรคอะไร แต่ถ้าพบมักเป็นน้อยมาก ทำให้สามารถรักษาให้หายขาดได้
แล้วมีโรคอะไรบ้างที่ต้องตรวจคัดกรองในประเทศไทย? เท่าที่แพทย์ทำกันมากๆ มีอยู่ 3 โรค คือ เต้านม ปากมดลูก และลำไส้ใหญ่ เพราะเป็นโรคที่สามารถตรวจค้นพบได้ในระยะก่อนเป็นมะเร็ง หรือเป็นมะเร็งในระยะแรก
ขอยกตัวอย่างการตรวจคัดกรองหาโรคมะเร็งในลำไส้ใหญ่ การเกิดมะเร็งของลำไส้ใหญ่ ประมาณ 25% มีส่วนจากพันธุกรรม มากหรือน้อย อีก 75% ไม่มีพันธุกรรมมาเกี่ยวข้อง แต่มีปัจจัยเสี่ยงจากพฤติกรรมต่างๆ เช่น การกินเนื้อแปรรูปมากไป(เนื้อแปรรูป คือ ไส้กรอก เบคอน แฮม กุนเชียง ซาลามิ ฯลฯ) และเนื้อแดง (WHO 2015/Oct.) เนื้อแดงคือ เนื้อที่มีสีแดง เช่น เนื้อวัว เนื้อหมู เนื้อแกะ เนื้อแพะ ฯลฯ ส่วนเนื้อขาว คือ เนื้อไก่ เนื้อไก่งวง ไม่สัมพันธ์กับการเกิดมะเร็งของลำไส้ใหญ่
การปิ้ง ย่าง หรือกินของที่หุงแล้วไหม้ การสูบบุหรี่ การที่มีสภาวะอ้วน การที่กินพืช ผัก น้อย กินเนื้อสัตว์มาก ฯลฯ ก็มีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็งของลำไส้ใหญ่
ทั้งนี้สามารถลดความเสี่ยงของการเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ด้วยการหลีกเลี่ยงปัจจัยต่างๆ ดังที่ได้กล่าวไว้แล้ว ส่วนพวกที่มีพันธุกรรม คือ พวกที่มีพ่อแม่เป็นโรคนี้ ทางวงการแพทย์แนะว่า ถ้ามีญาติสายตรงเป็น (บิดา มารดา พี่น้อง ลูก) โรคมะเร็งของลำไส้ใหญ่ตอนอายุ 50 ปีเราควรไปตรวจคัดกรองหามะเร็งของลำไส้ใหญ่อย่างน้อย 10 ปีก่อนการเกิดมะเร็งของญาติ เช่น ถ้าคุณพ่อเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ เมื่ออายุ 50 ปี เราควรไปตรวจตอนอายุ 40 ปี หรือก่อนถ้าเรามีอาการ ทางที่ดีที่สุด ถ้าจำไม่ได้ ควรรีบไปปรึกษาแพทย์ทันทีที่ทราบว่าญาติเราเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ แล้วแพทย์จะบอกเราเองว่าควรจะมาเมื่อไหร่ เพื่อการตรวจคัดกรอง และผู้ที่มีพันธุกรรมยังควรหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ด้วย
ทำไมตรวจคัดกรองจึงจะช่วย?
เพราะมะเร็งของลำไส้ใหญ่ค่อยเป็นค่อยไป ก่อนที่จะเป็นมะเร็ง จะเกิดติ่งเนื้อขึ้นมาที่ไม่ใช่มะเร็ง ที่แพทย์เรียกว่า adenomatous polyp หรือ adenoma adenoma เป็นเนื้องอกชนิดหนึ่งที่ยังไม่ใช่มะเร็ง จะค่อยๆ เกิด ค่อยๆ โตไปเรื่อยๆ ช้าๆ อาจจะใช้เวลา 10-20 ปี ก่อนที่จะกลายเป็นมะเร็ง โดยมากถ้าโตเกิน 10 มม. จะมีความเสี่ยงมากยิ่งขึ้น
ฉะนั้นในการตรวจคัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่ ถ้าเราตรวจพบติ่งเนื้อ และตัดออก ก็จบ เป็นการ “ฆ่า” ตัดตอน แต่ถ้าเราไม่รู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ อ้างว่ายังไม่มีอาการ ทำไมถึงต้องไปตรวจ ถ้ารอจนมีอาการอาจสายไป อาการของมะเร็งลำไส้ใหญ่ คือ ปวดท้อง อาจปวดแบบบิดๆ เลือดออก คือ ถ่ายเป็นเลือดสีแดง หรือแดงดำ หรือดำ หรือมีการอุดตันของลำไส้ (จะปวดท้องมาก) หรือลำไส้ทะลุ จะปวดท้องรุนแรงมากๆ ฯลฯ แต่ถ้ารอจนมีอาการ การพยากรณ์โรคจะไม่ดี
แล้วเมื่อไหร่ จึงควรตรวจคัดกรองหามะเร็งลำไส้ใหญ่ จากสถิติพบว่ามะเร็งลำไส้ใหญ่มักเกิดในผู้ที่มีอายุเกิน 50 ปี วงการแพทย์ทั่วโลกจึงแนะแนวทางเวชปฏิบัติให้มีการตรวจคัดกรองเมื่ออายุ 50 ปีในประเทศไทย สปสช.จะยินดีจ่ายค่าตรวจให้ แต่ถ้ามีอาการเมื่อไหร่ถึงแม้อายุยังไม่ถึง 50 ปี ควรไปตรวจทันที มีแนวโน้มว่าในอนาคตตัวเลข 50 ปีนี้อาจถูกเปลี่ยนเป็น 45 ฯลฯ ประมาณ 12%ของมะเร็งลำไส้ใหญ่เกิดขึ้นในผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 50 ปี แต่เราคงต้องมีตัวเลขที่ทำให้การตรวจคัดกรองมีผลที่คุ้มค่าทั้งทางด้านเศรษฐกิจและสุขภาพ ถ้าเราอยากไปตรวจตอนอายุ 40 ปี และจ่ายเงินเอง คงไม่มีใครว่า
การตรวจคัดกรองมีวิธีอะไรบ้าง ที่ทำกันแบบคุ้มค่าระดับประเทศคือ การตรวจอุจจาระหาเม็ดเลือดแดง ถ้าพบต้องไปส่องกล้องต่อ วิธีนี้ต้องทำทุกปี หรือการสวนแป้งแบเรี่ยมเข้าผ่านรูทวาร แล้วถ่ายภาพรังสี วิธีนี้ต้องทำทุก 5 ปี หรือการส่องกล้องเฉพาะส่วนปลายของลำไส้ sigmoidoscopy ซึ่งต้องทำทุก 5 ปี หลักการมีอยู่ว่า ส่วนใหญ่มะเร็งของลำไส้ใหญ่อยู่ที่ส่วนนี้ ถ้าไม่มีก็หวังว่าจะไม่มีมะเร็งอยู่เหนือกว่านี้ หรือการทำ virtual CT scan
แต่วิธีดีที่สุดคือ การส่องกล้องผ่านรูทวาร เพื่อดูทั้งหมดของลำไส้ใหญ่ (เมตรเศษๆ) วิธีนี้จะสามารถทำให้แพทย์เห็นภาพอย่างชัดเจน ถ้าการเตรียมตัวถ่ายท้องให้เกลี้ยงมีการทำมาอย่างดี วิธีนี้ผู้เชี่ยวชาญบอกว่าถ้าไม่พบอะไรทำทุก 10 ปี แต่แพทย์มักแนะให้ทำทุก 5 ปี ถ้าพบติ่งเนื้อก็ตัดออกในคราวเดียวกันนี้ และส่งไปตรวจทางพยาธิวิทยาเพื่อให้แน่ใจว่าไม่ใช่มะเร็ง ถ้าพบติ่งเนื้อแพทย์อาจแนะนำให้มาตรวจอีกภายใน 1-2 ปี
ผมเสียดายมาก เวลาได้ยินว่าใครเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ถ้าผู้นั้นมีอายุมากกว่า 50 ปี เพราะควรไปตรวจคัดกรองตอนอายุ 50 ปี ส่วนมะเร็งที่เกิดก่อนอายุ 50 ปี ต้องเป็นหน้าที่ของแพทย์ที่ต้องศึกษาตลอดเวลา ที่จะปรับเปลี่ยนเกณฑ์ตามอายุลง/ขึ้น หรือไม่ ในอนาคต
ฉะนั้นท่านที่มีอายุ 50 ปี ในปัจจุบันนี้ควรไปพบแพทย์ขอตรวจคัดกรองหามะเร็งของลำไส้ใหญ่ครับ รวมทั้งผู้ที่มีญาติเป็นมะเร็งโรคนี้ด้วยครับ
นพ.พินิจ กุลละวณิชย์
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี