กระต่ายถือเป็นสัตว์เลี้ยงที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในปัจจุบัน เนื่องจากเป็นสัตว์ตัวเล็กๆ มีความน่ารัก ใช้พื้นที่ในการเลี้ยงน้อย และไม่ต้องเอาใจใส่ดูแลมากเหมือนสุนัข แต่กระต่ายถือเป็นสัตว์เลี้ยงพิเศษที่มีความเฉพาะต่างจากการเลี้ยงสุนัขและแมว เนื่องจากกระต่ายเป็นสัตว์กินพืช ที่มีการหมักที่ลำไส้ส่วนท้าย และมีฟันที่สามารถงอกยาวได้ตลอดชีวิต จึงมีความจำเป็นที่ต้องได้รับอาหารที่เหมาะสมเพื่อให้ทางเดินอาหารมีสุขภาพดีและฟันได้รับการขัดสีตามปกติ อาหารที่เหมาะสมสำหรับกระต่ายควรมีลักษณะอย่างไรและควรเลือกอาหารชนิดใดให้เกิดตายบ้างวันนี้ผมมีข้อมูลดีๆ จาก สพ.ญ. ปัทรัตน์ อัศวเอกสุนทร โรงพยาบาลสัตว์เล็ก จุฬาลงก่อนมหาวิทยาลัย มาฝากครับ
@ อาหารกระต่ายควรมีลักษณะอย่างไร
อาหารที่กระต่ายควรได้รับในแต่ละวันนั้น ควรมีความหลากหลาย ซึ่งควรประกอบด้วยทุกชนิดประกอบกัน ได้แก่ หญ้าสด หญ้าแห้ง ผักสด และอาหารเม็ดสำเร็จรูปคุณภาพดี และน้ำ
กระต่ายควรได้รับหญ้าแบบไม่จำกัดปริมาณ โดยใส่ไว้ให้กินได้ตลอดเวลา หรือประมาณร้อยละ 70-80 ของปริมาณอาหารทั้งหมดที่ได้รับ ส่วนผักสด และอาหารเม็ดนั้น ไม่ควรเป็นอาหารหลักของกระต่าย ควรให้แบบจำกัดปริมาณ ซึ่งปริมาณอาหารอาจขึ้นอยู่กับความต้องการของกระต่ายตามช่วงอายุ เช่นกระต่ายเด็ก กระต่ายตั้งท้องและกระต่ายระยะให้นม กระต่ายอ้วน กระต่ายป่วย หรือกระต่ายอายุมาก
@ อาหารแต่ละประเภทมีความแตกต่างกันอย่างไร
หญ้าสด
หญ้าสดเป็นอาหารที่ให้ทั้ง เส้นไยอาหารหรือไฟเบอร์ โปรตีน วิตามิน และแร่ธาตุหญ้าสดเป็นอาหารที่มีประโยชน์ ราคาถูก หาได้โดยง่าย
หญ้าแห้ง
หญ้าแห้งที่วางขายกัน มีมากมายหลายชนิด เช่น หญ้าทิโมธี (timothy), แพร์รี่ (prairie), โบรม(brome), ออร์ชาร์ด (orchard), อัลฟาฟ่า (alfafa), โอ๊ต (oat), แพงโกล่า (pangola), บาร์เลย์ (barley)
โดยปริมาณไฟเบอร์ในหญ้าแห้งจะอยู่ที่ 30-35% (ส่วนปริมาณโปรตีนจะอยู่ที่ 6.3-16.7% ขึ้นกับชนิดของหญ้า) โดยหญ้าอัลฟาฟ่าและพืชตระกูลถั่วจะมีปริมาณโปรตีนประมาณ 16.5% แคลเซียมประมาณ 1.5% จึงเหมาะกับกระต่ายกำลังเจริญเติบโตหรือกระต่ายตั้งท้องและให้นม ไม่เหมาะกับกระต่ายอายุมากกว่า 8 เดือนและกระต่ายที่อายุมาก เพราะอาจเป็นสาเหตุโน้มนำให้เกิดโรคอ้วนและนิ่วในระบบขับถ่ายปัสสาวะได้
หญ้าที่เก็บไว้นานหรือเก็บในที่อุณหภูมิสูงอาจทำให้สูญเสียสารอาหาร เช่นวิตามินเอและดี
หญ้าแห้งที่ดีควรมีกลิ่นหอม ไม่เหม็นอับ การให้ควรวางใส่ชั้น ตาข่ายหรือตะกร้อเพื่อเพิ่มเวลาในการกินอาหารและลดความเบื่อของกระต่ายลง ไม่ควรนำฟางมาให้เป็นอาหารหลักของกระต่ายเพราะมีปริมาณสารอาหารที่ต่ำ
ผักสดและผลไม้
ในกรณีที่ไม่เคยให้ผักสดกับกระต่ายเลย ผู้เลี้ยงควรเริ่มให้แบบค่อยเป็นค่อยไปเพื่อให้จุลลินทรีย์ในทางเดินอาหารกระต่ายได้มีการปรับตัว ไม่ก่อให้เกิดการถ่ายเหลวหรือสมดุลของจุลินทรีย์ในทางเดินอาหารเสียหาย
ผักและผลไม้ควรล้างให้สะอาดก่อนนำมาให้กระต่ายกิน ผักที่สามารถให้ได้คือบร็อกโคลี กะหล่ำปลี ผักชีฝรั่ง แครอท บีทรูด ผักชี ผักกาด ใบขึ้นฉ่าย ผักกาดกวางตุ้ง คะน้า โหระพา เป็นต้น
ส่วนผักที่ไม่ควรให้กระต่ายกิน อะโวคาโด้ ต้นหอม หัวหอม
สำหรับผลไม้นั้น ควรให้เป็นครั้งคราว หรือให้เพื่อเป็นรางวัลเท่านั้น เนื่องจากมีปริมาณน้ำตาลและคาร์โบไฮเดรตสูง ควรให้แค่ประมาณครึ่งช้อนโต๊ะต่อน้ำหนักกระต่าย 1 กิโลกรัมเท่านั้น
อาหารเม็ด
อาหารเม็ดกระต่ายที่มีขายตามท้องตลาดจะมี 2 รูปแบบ คือแบบอาหารอัดเม็ดล้วน และแบบอาหารเม็ดผสม โดยมักจะผสมธัญพืช ซีเรียล ถั่ว ข้าวโพด บิสกิต หญ้าอัดเม็ดและลำต้นพืช ซึ่งการให้อาหารอัดเม็ดล้วนจะช่วยป้องกันการเลือกกินเม็ดอาหาร ซึ่งโน้มนำสู่โรคฟันและโรคอ้วนในกระต่ายได้มากกว่าการให้อาหารเม็ดแบบผสม
อาหารเม็ดที่เหมาะสมควรมีปริมาณไฟเบอร์มากกว่าร้อยละ 18 ปริมาณที่ควรให้คือ 25 กรัมต่อน้ำหนักกระต่าย1 กิโลกรัมต่อวัน
น้ำ
ควรมีการให้น้ำกระต่ายตลอดเวลา ภาชนะใส่น้ำควรเป็นขวดน้ำสำหรับให้กระต่ายเลียจากจุก ไม่ควรให้เป็นถ้วยหรือชามใส่น้ำ เนื่องจากจะทำความสะอาดได้ง่ายกว่า ลดปัญหาคางเปียก และการปนเปื้อนสิ่งสกปรกในน้ำได้
แต่หากจำเป็นหรือต้องการใช้แบบชาม ผู้เลี้ยงควรเลือกชามเซรามิกที่มีน้ำหนักมากกว่าชามพลาสติกเนื่องจากกระต่ายอาจคว่ำทำให้กรงเลอะและกระต่ายไม่ได้กินน้ำเพียงพอ
กระต่ายควรได้รับน้ำปริมาณ 150 มิลลิลิตรต่อน้ำหนักกระต่าย 1 กิโลกรัมต่อวัน ดังนั้นขวดน้ำควรมีปริมาณน้ำมากกว่าที่กระต่ายต้องการในแต่ละวันด้วย
เอกสารอ้างอิง
Michelle L.: Gastrointestinal Physiology and Nutrition, In Quesenberry KE, ed. Ferrets, Rabbit and Rodents Clinical Medicine and Surgery. St. Louis, MO: Elsevier Saunders 2012: 183-192
จะเห็นว่าการเลี้ยงกระต่ายนั้น สิ่งที่ควรเอาใจใส่ คือการเลือกให้อาหารที่เหมาะสมทั้งชนิดและปริมาณ ผู้เลี้ยงกระต่ายมือใหม่บางท่านเข้าใจผิดคิดว่า “การเลี้ยงกระต่าย ก็แค่ มีกรงใส่ มีของเล่นให้ เทอาหารเม็ดใส่ชามให้ตลอดเวลา และมีน้ำให้กินเพียงพอเท่านั้น” ซึ่งถือเป็นความเข้าใจผิดที่อันตรายมาก เพราะทำให้กระต่ายมีปัญหาเกี่ยวกับระบบการย่อยอาหาร รวมถึงการสบฟันที่ผิดปกติทำให้เกิดปัญหารุนแรงตามมาถึงตายได้
ดังนั้นหากท่านใดคิดจะเลี้ยงกระต่าย ซึ่งจัดเป็นสัตว์พิเศษ exotic pet ที่มีความแตกต่างจากสุนัขและแมวแล้ว ควรศึกษาธรรมชาติของเขา ไม่ว่าจะเป็นพฤติกรรม การอยู่อาศัย อาหาร และการดำรงชีวิตของกระต่ายอย่างละเอียดก่อนเลี้ยงนะครับ
หมอโอห์ม
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ นายสัตวแพทย์ ดร.ทิลดิสร์ รุ่งเรืองกิจไกร
ภาควิชากายวิภาคศาสตร์ และฝ่ายประชาสัมพันธ์และภาพลักษณ์องค์กร
คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี