วันเสาร์ ที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
กระต่ายถือเป็นสัตว์เลี้ยงที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในปัจจุบัน เนื่องจากเป็นสัตว์ตัวเล็กๆ มีความน่ารัก ใช้พื้นที่ในการเลี้ยงน้อย และไม่ต้องเอาใจใส่ดูแลมากเหมือนสุนัข แต่กระต่ายถือเป็นสัตว์เลี้ยงพิเศษที่มีความเฉพาะต่างจากการเลี้ยงสุนัขและแมว เนื่องจากกระต่ายเป็นสัตว์กินพืช ที่มีการหมักที่ลำไส้ส่วนท้าย และมีฟันที่สามารถงอกยาวได้ตลอดชีวิต จึงมีความจำเป็นที่ต้องได้รับอาหารที่เหมาะสมเพื่อให้ทางเดินอาหารมีสุขภาพดีและฟันได้รับการขัดสีตามปกติ อาหารที่เหมาะสมสำหรับกระต่ายควรมีลักษณะอย่างไรและควรเลือกอาหารชนิดใดให้เกิดตายบ้างวันนี้ผมมีข้อมูลดีๆ จาก สพ.ญ. ปัทรัตน์ อัศวเอกสุนทร โรงพยาบาลสัตว์เล็ก จุฬาลงก่อนมหาวิทยาลัย มาฝากครับ
@ อาหารกระต่ายควรมีลักษณะอย่างไร
อาหารที่กระต่ายควรได้รับในแต่ละวันนั้น ควรมีความหลากหลาย ซึ่งควรประกอบด้วยทุกชนิดประกอบกัน ได้แก่ หญ้าสด หญ้าแห้ง ผักสด และอาหารเม็ดสำเร็จรูปคุณภาพดี และน้ำ
กระต่ายควรได้รับหญ้าแบบไม่จำกัดปริมาณ โดยใส่ไว้ให้กินได้ตลอดเวลา หรือประมาณร้อยละ 70-80 ของปริมาณอาหารทั้งหมดที่ได้รับ ส่วนผักสด และอาหารเม็ดนั้น ไม่ควรเป็นอาหารหลักของกระต่าย ควรให้แบบจำกัดปริมาณ ซึ่งปริมาณอาหารอาจขึ้นอยู่กับความต้องการของกระต่ายตามช่วงอายุ เช่นกระต่ายเด็ก กระต่ายตั้งท้องและกระต่ายระยะให้นม กระต่ายอ้วน กระต่ายป่วย หรือกระต่ายอายุมาก
@ อาหารแต่ละประเภทมีความแตกต่างกันอย่างไร
หญ้าสด
หญ้าสดเป็นอาหารที่ให้ทั้ง เส้นไยอาหารหรือไฟเบอร์ โปรตีน วิตามิน และแร่ธาตุหญ้าสดเป็นอาหารที่มีประโยชน์ ราคาถูก หาได้โดยง่าย
หญ้าแห้ง
หญ้าแห้งที่วางขายกัน มีมากมายหลายชนิด เช่น หญ้าทิโมธี (timothy), แพร์รี่ (prairie), โบรม(brome), ออร์ชาร์ด (orchard), อัลฟาฟ่า (alfafa), โอ๊ต (oat), แพงโกล่า (pangola), บาร์เลย์ (barley)
โดยปริมาณไฟเบอร์ในหญ้าแห้งจะอยู่ที่ 30-35% (ส่วนปริมาณโปรตีนจะอยู่ที่ 6.3-16.7% ขึ้นกับชนิดของหญ้า) โดยหญ้าอัลฟาฟ่าและพืชตระกูลถั่วจะมีปริมาณโปรตีนประมาณ 16.5% แคลเซียมประมาณ 1.5% จึงเหมาะกับกระต่ายกำลังเจริญเติบโตหรือกระต่ายตั้งท้องและให้นม ไม่เหมาะกับกระต่ายอายุมากกว่า 8 เดือนและกระต่ายที่อายุมาก เพราะอาจเป็นสาเหตุโน้มนำให้เกิดโรคอ้วนและนิ่วในระบบขับถ่ายปัสสาวะได้
หญ้าที่เก็บไว้นานหรือเก็บในที่อุณหภูมิสูงอาจทำให้สูญเสียสารอาหาร เช่นวิตามินเอและดี
หญ้าแห้งที่ดีควรมีกลิ่นหอม ไม่เหม็นอับ การให้ควรวางใส่ชั้น ตาข่ายหรือตะกร้อเพื่อเพิ่มเวลาในการกินอาหารและลดความเบื่อของกระต่ายลง ไม่ควรนำฟางมาให้เป็นอาหารหลักของกระต่ายเพราะมีปริมาณสารอาหารที่ต่ำ
ผักสดและผลไม้
ในกรณีที่ไม่เคยให้ผักสดกับกระต่ายเลย ผู้เลี้ยงควรเริ่มให้แบบค่อยเป็นค่อยไปเพื่อให้จุลลินทรีย์ในทางเดินอาหารกระต่ายได้มีการปรับตัว ไม่ก่อให้เกิดการถ่ายเหลวหรือสมดุลของจุลินทรีย์ในทางเดินอาหารเสียหาย
ผักและผลไม้ควรล้างให้สะอาดก่อนนำมาให้กระต่ายกิน ผักที่สามารถให้ได้คือบร็อกโคลี กะหล่ำปลี ผักชีฝรั่ง แครอท บีทรูด ผักชี ผักกาด ใบขึ้นฉ่าย ผักกาดกวางตุ้ง คะน้า โหระพา เป็นต้น
ส่วนผักที่ไม่ควรให้กระต่ายกิน อะโวคาโด้ ต้นหอม หัวหอม
สำหรับผลไม้นั้น ควรให้เป็นครั้งคราว หรือให้เพื่อเป็นรางวัลเท่านั้น เนื่องจากมีปริมาณน้ำตาลและคาร์โบไฮเดรตสูง ควรให้แค่ประมาณครึ่งช้อนโต๊ะต่อน้ำหนักกระต่าย 1 กิโลกรัมเท่านั้น
อาหารเม็ด
อาหารเม็ดกระต่ายที่มีขายตามท้องตลาดจะมี 2 รูปแบบ คือแบบอาหารอัดเม็ดล้วน และแบบอาหารเม็ดผสม โดยมักจะผสมธัญพืช ซีเรียล ถั่ว ข้าวโพด บิสกิต หญ้าอัดเม็ดและลำต้นพืช ซึ่งการให้อาหารอัดเม็ดล้วนจะช่วยป้องกันการเลือกกินเม็ดอาหาร ซึ่งโน้มนำสู่โรคฟันและโรคอ้วนในกระต่ายได้มากกว่าการให้อาหารเม็ดแบบผสม
อาหารเม็ดที่เหมาะสมควรมีปริมาณไฟเบอร์มากกว่าร้อยละ 18 ปริมาณที่ควรให้คือ 25 กรัมต่อน้ำหนักกระต่าย1 กิโลกรัมต่อวัน
น้ำ
ควรมีการให้น้ำกระต่ายตลอดเวลา ภาชนะใส่น้ำควรเป็นขวดน้ำสำหรับให้กระต่ายเลียจากจุก ไม่ควรให้เป็นถ้วยหรือชามใส่น้ำ เนื่องจากจะทำความสะอาดได้ง่ายกว่า ลดปัญหาคางเปียก และการปนเปื้อนสิ่งสกปรกในน้ำได้
แต่หากจำเป็นหรือต้องการใช้แบบชาม ผู้เลี้ยงควรเลือกชามเซรามิกที่มีน้ำหนักมากกว่าชามพลาสติกเนื่องจากกระต่ายอาจคว่ำทำให้กรงเลอะและกระต่ายไม่ได้กินน้ำเพียงพอ
กระต่ายควรได้รับน้ำปริมาณ 150 มิลลิลิตรต่อน้ำหนักกระต่าย 1 กิโลกรัมต่อวัน ดังนั้นขวดน้ำควรมีปริมาณน้ำมากกว่าที่กระต่ายต้องการในแต่ละวันด้วย
เอกสารอ้างอิง
Michelle L.: Gastrointestinal Physiology and Nutrition, In Quesenberry KE, ed. Ferrets, Rabbit and Rodents Clinical Medicine and Surgery. St. Louis, MO: Elsevier Saunders 2012: 183-192
จะเห็นว่าการเลี้ยงกระต่ายนั้น สิ่งที่ควรเอาใจใส่ คือการเลือกให้อาหารที่เหมาะสมทั้งชนิดและปริมาณ ผู้เลี้ยงกระต่ายมือใหม่บางท่านเข้าใจผิดคิดว่า “การเลี้ยงกระต่าย ก็แค่ มีกรงใส่ มีของเล่นให้ เทอาหารเม็ดใส่ชามให้ตลอดเวลา และมีน้ำให้กินเพียงพอเท่านั้น” ซึ่งถือเป็นความเข้าใจผิดที่อันตรายมาก เพราะทำให้กระต่ายมีปัญหาเกี่ยวกับระบบการย่อยอาหาร รวมถึงการสบฟันที่ผิดปกติทำให้เกิดปัญหารุนแรงตามมาถึงตายได้
ดังนั้นหากท่านใดคิดจะเลี้ยงกระต่าย ซึ่งจัดเป็นสัตว์พิเศษ exotic pet ที่มีความแตกต่างจากสุนัขและแมวแล้ว ควรศึกษาธรรมชาติของเขา ไม่ว่าจะเป็นพฤติกรรม การอยู่อาศัย อาหาร และการดำรงชีวิตของกระต่ายอย่างละเอียดก่อนเลี้ยงนะครับ
หมอโอห์ม
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ นายสัตวแพทย์ ดร.ทิลดิสร์ รุ่งเรืองกิจไกร
ภาควิชากายวิภาคศาสตร์ และฝ่ายประชาสัมพันธ์และภาพลักษณ์องค์กร
คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

'ธรรมนัส' ลุยนครปฐม สั่งอนุมัติงบ 20 ล้าน สร้างประตูระบายน้ำ รพ.ห้วยพลู
กรมการแพทย์แผนไทยฯ เผย ฝรั่งเศส สนใจ 'ยาเสริมสมรรถภาพทางเพศ' ไทย
‘เสื้อแดง’ รวมพลังให้กำลังใจ ‘ทักษิณ’ เตรียมมอบไดอารี่รักให้ ‘อิ๊งค์’ 17 พ.ย.นี้
'ทรัมป์'ต่อสายคุยผู้นำไทย-กัมพูชา หวังยุติความขัดแย้งของทั้ง2ประเทศ
หนุ่มวัย 33 คลั่งยานรก ก่อเหตุยิงผู้ใหญ่บ้าน-อส.เจ็บสาหัส 2 ราย

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี