วัคซีนส่วนใหญ่เป็นวัคซีนที่ควรได้รับในวัยเด็กตั้งแต่แรกเกิด ระยะทารก เด็กเล็ก เด็กโต และวัยรุ่น เช่น วัคซีนป้องกันโรคตับอักเสบเอและบี บาดทะยัก คอตีบ ไอกรน หัด หัดเยอรมัน คางทูม ไข้สมองอักเสบ อีสุกอีใส ท้องร่วงจากไวรัสโรต้า เยื่อหุ้มสมองอักเสบจากแบคทีเรียฮิป ปอดอักเสบ จากแบคทีเรียนิวโมคอคคัส มะเร็งปากมดลูกจากไวรัสเอชพีวี โรคมือ เท้า ปาก จากไวรัสอีวี 71 และวัณโรค เป็นต้น
#เหตุผลในการให้วัคซีนในผู้ใหญ่และผู้สูงอายุและวัคซีนที่ควรได้รับ
เหตุผลในการให้วัคซีน : เพื่อป้องกันโรคอุบัติใหม่ที่เป็นโรคระบาด
วัคซีนที่ควรได้รับ : วัคซีนโควิด-19 สำหรับผู้ไม่เคยได้รับวัคซีนมาก่อน
เหตุผลในการให้วัคซีน : เพื่อป้องกันโรคที่เชื้อกลายพันธุ์ต่อเนื่องจึงควรได้รับวัคซีนทุกปี
วัคซีนที่ควรได้รับ : วัคซีนไข้หวัดใหญ่ และโควิด-19*
*รับวัคซีนตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุขในบุคคลกลุ่ม 608 ได้แก่ บุคคลที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปี ขึ้นไป บุคคลที่มีโรคเรื้อรัง ได้แก่ โรคทางเดินหายใจเรื้อรัง โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคไตวายเรื้อรัง โรคหลอดเลือดสมองโรคอ้วน โรคมะเร็ง โรคเบาหวาน และหญิงตั้งครรภ์
เหตุผลในการให้วัคซีน : เพื่อป้องกันโรคที่เคยได้รับวัคซีนในวัยเด็ก แต่ภูมิต้านทานถดถอยลงเรื่อยๆ ตามอายุ จึงควรได้รับการกระตุ้นทุก 10 ปี
วัคซีนที่ควรได้รับ : วัคซีนบาดทะยัก คอตีบ ไอกรน (รวมอยู่ในเข็มเดียวกัน)
เหตุผลในการให้วัคซีน : เพื่อป้องกันโรคที่เพิ่งมีวัคซีนใช้มาไม่นานและขึ้นทะเบียนให้ใช้ได้สำหรับผู้ใหญ่และผู้สูงอายุ
วัคซีนที่ควรได้รับ : วัคซีนปอดอักเสบ งูสวัด และไข้เลือดออก
เหตุผลในการให้วัคซีน : เพื่อป้องกันโรคที่ไม่เคยได้รับวัคซีนมาก่อนในวัยเด็ก และเป็นโรคที่พบได้บ่อยในผู้ใหญ่และผู้สูงอายุ
วัคซีนที่ควรได้รับ : วัคซีนไวรัสตับอักเสบเอ ไวรัสตับอักเสบบี และมะเร็งปากมดลูก
เหตุผลในการให้วัคซีน : เพื่อป้องกันโรคที่ไม่เคยได้รับวัคซีนมาก่อนในวัยเด็กสำหรับโรคที่พบได้ไม่บ่อยในผู้ใหญ่และผู้สูงอายุ
วัคซีนที่ควรได้รับ : วัคซีนหัด หัดเยอรมัน และคางทูม (รวมอยู่ในเข็มเดียวกัน) อีสุกอีใส ไข้สมองอักเสบ
เหตุผลในการให้วัคซีน : เพื่อการท่องเที่ยวในประเทศที่มีโรคระบาดบางโรค
วัคซีนที่ควรได้รับ : วัคซีนไข้เหลือง
#วัคซีนป้องกันโรคได้อย่างไร
เมื่อวัคซีนเข้าสู่ร่างกาย สารชีววัตถุนั้นจะกระตุ้นภูมิคุ้มกัน (ภูมิต้านทานโรค) ใน 2 ระบบ คือ ระบบแอนติบอดี และระบบเซลล์เพื่อป้องกันการเป็นโรค แม้ในบางกรณีอาจไม่ป้องกันการเป็นโรคแต่จะช่วยป้องกันโรคแทรกซ้อนและลดความรุนแรงของโรคที่ทำให้ป่วยหนักจนต้องเข้าโรงพยาบาล เข้าไอซียู หรือเสียชีวิต
#แอนติบอดี คือสารภูมิคุ้มกันหรือสารภูมิต้านทานโรคที่ร่างกายสร้างขึ้นอย่างเจาะจงต่อเชื้อโรคแต่ละชนิด เมื่อเชื้อไวรัสเช่นเชื้อไข้หวัดใหญ่ หรือเชื้อแบคทีเรีย เช่น เชื้อนิวโมคอคคัส เข้าสู่ร่างกาย จะถูกดักจับและทำลายโดยแอนติบอดีที่ถูกกระตุ้นให้เกิดขึ้นภายหลังการได้วัคซีน ระดับแอนติบอดีจะขึ้นสูงในช่วงแรกและลดระดับลงเรื่อยๆ ทำให้ความสามารถในการคุ้มกันโรคลดน้อยลงตามลำดับ จึงจัดเป็นภูมิต้านทานโรคระยะสั้น
วัคซีนแต่ละชนิดจะป้องกันได้เฉพาะโรคที่วัคซีนถูกออกแบบมา เช่นการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ไม่ป้องกันโรคหวัด และไม่ป้องกันโรคโควิด-19
#ภูมิคุ้มกันระบบเซลล์จะถูกกระตุ้นด้วยเช่นกันหลังได้รับวัคซีน ด้วยการสร้างเซลล์ความจำซึ่งจะมีชีวิตอยู่นานและถูกสร้างทดแทนขึ้นเรื่อยๆ เซลล์เหล่านี้จะทำหน้าที่ตรวจจับเชื้อโรคที่เซลล์นั้นถูกโปรแกรมให้จดจำ เมื่อตรวจพบจะส่งสัญญาณให้ร่างกายสร้างแอนติบอดีขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ระบบดังกล่าวนี้จึงจัดเป็นภูมิต้านทานโรคระยะยาว ซึ่งวัคซีนบางชนิดเมื่อให้เพียง 1 ครั้ง (ครบตามจำนวนเข็มที่กำหนด) จะป้องกันโรคนั้นๆ ได้ตลอดชีวิต
นอกจากเซลล์ความจำ ภูมิคุ้มกันระบบเซลล์ยังมีเซลล์ที่ทำหน้าที่จับกินและทำลายเชื้อโรค เป็นกองกำลังที่ทำงานร่วมกับระบบแอนติบอดี ซึ่งวัคซีนก็ทำหน้าที่กระตุ้นการทำงานของระบบเซลล์กวาดล้างทำลายเชื้อโรคเหล่านี้ด้วย
นอกจากการคุ้มครองป้องกันโรคให้กับบุคคลที่ได้รับวัคซีน หากในหมู่ประชากรได้รับวัคซีนต่อโรคแต่ละโรคในอัตราสูง เช่นร้อยละ 92-94 ของวัคซีนโรคหัด หรือร้อยละ 67-75 ของวัคซีนโควิด-19 จะสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ (herd immunity) ซึ่งช่วยลดอัตราการเกิดโรคในชุมชน ปกป้องผู้มีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดโรครุนแรงเช่นปกป้องเด็กทารก ปกป้องผู้สูงอายุ ป้องกันการเกิดโรคระบาดจากโรคที่สงบแล้วอย่างเช่นโรคหัดและโรคคอตีบ ซึ่งอาจเกิดการระบาดได้ในชุมชนที่มีอัตราการฉีดวัคซีนต่ำ ช่วยคุ้มครองบุคคลที่ยังไม่ได้รับวัคซีน และในบางกรณีสามารถขจัดโรคนั้นให้หมดไปจากประเทศหรือจากโลกได้ เช่นการมีเป้าหมายในการขจัดโรคโปลิโอ หรือโรคตับอักเสบบีให้หมดไป เป็นต้น
#วัคซีนมีคุณอนันต์ ช่วยป้องกันโรคร้าย ลดความทุกข์ทรมานและความพิการจากโรค รวมทั้งเพิ่มโอกาสการมีอายุที่ยืนยาว ผลข้างเคียงที่พบมักไม่รุนแรงและหายได้เอง มีส่วนน้อยมากที่เกิดผลข้างเคียงรุนแรง
บทความโดย ผศ.นพ.พิสนธิ์ จงตระกูล
กรรมการแพทยสภา
ประธานคณะทำงานสร้างความเข้มแข็งประชาชนด้านการใช้ยาอย่างสมเหตุผล (สยส.)
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี