ต้องยอมรับกันว่า ในปัจจุบันนี้มีการใช้สารเคมีภายในบ้านกันอย่างแพร่หลาย หลายตัวเป็นสารเคมีที่อันตรายต่อสุขภาพของสมาชิกในบ้าน ซึ่งอาจมาในรูปของ สารฆ่าแมลง กรด ด่าง ยาเบื่อหนู หรือแม้แต่น้ำยาทำความสะอาดบ้าน ซึ่งหากเข้าสู่ร่างกายไม่ว่าจะเป็นโดยการกิน การสูดดม และการสัมผัสแล้ว ส่วนใหญ่จะเป็นอันตรายต่อสิ่งมีชีวิตทั้งสิ้น ดังนั้น จึงมีความจำเป็นที่จะต้องระมัดระวังในการใช้งานเป็นพิเศษ แต่ความประมาทหรืออุบัติเหตุก็จะเป็นเหตุให้สัตว์เลี้ยงของเรา (รวมถึงตัวเรา) ได้รับสารพิษเหล่านั้นได้ การนำสัตว์เลี้ยงไปรับการรักษาโดยเร็วที่สุด จึงเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งการปฐมพยาบาลโดยเจ้าของเอง ก่อนหรือระหว่างเดินทางไปพบสัตวแพทย์จึงเป็นสิ่งจำเป็นมาก เพราะเป็นการช่วยลดความรุนแรง ลดการเจ็บปวด ลดการเสียหายของอวัยวะ และลดโอกาสที่การเสียชีวิตของสัตว์เลี้ยงได้ครับ
หลักการปฐมพยาบาลสัตว์ เมื่อสัตว์ได้รับสารเคมี แบ่งตามช่องทางการรับสารเคมีเหล่านั้นได้ 4 ช่องทางดังต่อไปนี้
1. กรณีได้รับสารเคมีโดยการกิน
เมื่อสัตว์เผลอกินสารเคมีเหล่านั้น จะโดยตั้งใจหรือไม่ก็ตาม การช่วยให้สัตว์อาเจียนเอาสารพิษที่กินไปออกมาเป็นวิธีหนึ่งที่เจ้าของสามารถทำได้ เมื่อ “สัตว์ยังมีสติ” ยังตื่นตัวและให้ความร่วมมือกับเจ้าของเท่านั้น และที่สำคัญควร“ทำภายใน 1 ชั่วโมง” หลังจากที่สัตว์กินสารเคมีเข้าไป
วิธีการกระตุ้นให้สัตว์อาเจียนที่กล่าวนั้น สามารถทำได้หลายวิธีได้แก่...
1.1 ล้วงคอให้อาเจียน เป็นวิธีที่ทำให้อาเจียนได้ง่าย แต่ไม่แนะนำให้ใช้กับสัตว์ที่ไม่คุ้นเคย เพราะมีความเสี่ยงในการถูกสัตว์เลี้ยงกัดได้
1.2 ป้อนด้วยน้ำเชื่อมเข้มข้น ซึ่งจะไปกระตุ้นการอาเจียนได้ โดยในแมว ใช้น้ำเชื่อมปริมาณ 5 ซีซี หรือประมาณ 1 ช้อนชา ส่วนในสุนัข ใช้น้ำเชื่อมปริมาณ 5 ซีซี หรือ 1 ช้อนชาต่อสุนัขน้ำหนักตัว 5 กิโลกรัม
1.3 ป้อนด้วยน้ำยาไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ ที่มีความเข้มข้น 3% (3% Hydrogen peroxide) ก็คือตัวที่เราใช้ล้างแผลนั่นเอง ปริมาณ 1 ช้อนโต๊ะ หรือ 20 ซีซี ต่อ สุนัขหรือแมว น้ำหนัก 10 กิโลกรัม
ทั้งนี้ การป้อนน้ำเชื่อม หรือ ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ ที่มีความเข้มข้น 3% นั้น หากสัตว์เลี้ยงยังไม่อาเจียนภายใน 20 นาทีหลังได้รับการกระตุ้นไปแล้ว สามารถกระตุ้นซ้ำได้อีก 1 ครั้งครับ
การกระตุ้นให้สัตว์อาเจียนนั้น มีข้อจำกัดในกรณี...
1. สัตว์อยู่ในภาวะสลบ ชัก ดุร้าย ไม่มีสติ หรืออ่อนแอมากเพราะมีโอกาสอย่างสูงที่ทำให้เกิดการสำลักแล้วเศษอาหารเข้าทางเดินหายใจได้
2. หากกินสารเคมีเข้าไปแล้วนานเกินกว่า 1 ชั่วโมง ทำไม่ได้ เนื่องจากสารเคมีนั้นๆ จะถูกดูดซึมเข้ากระแสเลือดไปแล้ว
3. หากสารเคมีที่สัตว์กินเข้าไปเป็นสารประเภทกรด ด่าง สารหอมระเหยที่เป็นผลิตภัณฑ์จากปิโตรเลียม หรือสารที่มีฤทธิ์กัดกร่อน ให้ลดการออกฤทธิ์ต่อทางเดินอาหารโดยการป้อนด้วยไข่ดิบ หรือนม เพื่อลดการระคายเคือง และรีบพาสัตว์ไปพบสัตวแพทย์โดยเร็วที่สุด
2. กรณีได้รับสารเคมีโดยการสูดดม
แก้ไขเบื้องต้น โดยการให้รีบพาสัตว์เลี้ยงไปยังพื้นที่ที่มีอากาศบริสุทธิ์ อากาศถ่ายเทสะดวก และปราศจากสารเคมีเหล่านั้น จากนั้นให้รีบพาส่งสัตวแพทย์ให้เร็วที่สุด
3. กรณีได้รับสารเคมีโดยการสัมผัสถูกผิวหนัง
เจ้าของควรใส่ถุงมือ และให้ล้างตัวสัตว์ที่บริเวณที่สัมผัสสารเคมีด้วยน้ำสะอาด ร่วมกับการใช้สบู่ อย่างน้อย 15 นาที แล้วสังเกตอาการและนำส่งสัตวแพทย์โดยเร็ว
4. กรณีได้รับสารเคมีเข้าดวงตา
ให้ทำการล้างตาของสัตว์ด้วยน้ำเกลือล้างแผลอย่างต่อเนื่องในปริมาณมาก จนคิดว่าสารเคมีน่าจะถูกชะออกไปจนหมดแล้ว จากนั้นให้รีบนำส่งสัตวแพทย์โดยด่วนที่สุด
หวังว่าการปฐมพยาบาลนี้ คงช่วยให้เราสามารถลดอันตรายที่อาจเกิดขึ้นกับน้องหมาและน้องแมวของเราจากกรณีได้รับสารเคมีนะครับ
หมอโอห์ม
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ นายสัตวแพทย์ ดร.ทิลดิสร์ รุ่งเรืองกิจไกร
ภาควิชากายวิภาคศาสตร์ ฝ่ายประชาสัมพันธ์และภาพลักษณ์องค์กร
คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี