เมื่อครั้งสามก๊ก โจโฉเคยกล่าววาทกรรมสำคัญเกี่ยวกับการเลี้ยงดูใช้สอยผู้คน และยังเป็นวาทกรรมที่ยังคงใช้อยู่จนถึงทุกวันนี้
โจโฉเปรียบเทียบการใช้คนว่า ต้องพิเคราะห์ดูให้จงดีว่า ผู้นั้นเป็นเสือหรือเป็นนกอินทรีกันแน่? และต้องเลี้ยงให้ถูก ใช้ให้เป็น หากเลี้ยงไม่ถูก ใช้ไม่เป็น ก็จะเสียข้าวปลาอาหารไปเปล่าๆ มิหนำซ้ำอาจจะเจ็บใจในภายหลังอีกด้วย
เพราะว่าแม้ทั้งเสือและนกอินทรี ต่างก็เป็นสัตว์เดรัจฉานด้วยกันและเป็นสัตว์ที่ล่าเหยื่อกินเนื้อสัตว์ด้วยกัน แต่เสือและนกอินทรีก็ไม่เหมือนกัน หากเลี้ยงเหมือนกันหรือใช้เหมือนกันก็อาจจะผิดพลาดได้
เป็นธรรมดาของเสือ เมื่ออิ่มแล้วก็จะไม่ออกล่า แล้วก็มักจะนอน ในขณะที่ถ้าหากไม่อิ่มก็จะออกล่าด้วยความขยันขันแข็ง และถ้าหากปล่อยให้หิวอดโซ บางทีเสือก็กินเนื้อคนได้ง่ายๆ
ดังนั้นในการเลี้ยงเสือจึงต้องไม่เลี้ยงให้หิว เพราะถ้าหิวแล้วจะทำอันตราย ในขณะเดียวกันก็ต้องไม่เลี้ยงให้อิ่ม เพราะถ้าอิ่มแล้วก็ใช้การงานไม่ได้
และก็เป็นธรรมดาของนกอินทรี ถ้าอิ่มแล้วก็จะบินร่อนถลาลมให้เป็นที่จำเริญตา แต่ถ้าหิวก็จะบินออกล่าเหยื่อไปไกล จับเหยื่อได้เท่าไหร่ก็จะกินจนหมด ดังนั้นการเลี้ยงนกอินทรีจึงต้องไม่ให้อิ่มและต้องไม่ให้หิวเช่นเดียวกัน
อันการใช้คนก็เป็นแบบเดียวกัน หากเลี้ยงเปะปะ ใช้เปะปะก็จะไม่ได้การ มิหนำซ้ำจะสร้างความเสียหายให้ชอกช้ำระกำใจอีกด้วย
และคนนั้นมีสันดานอยู่อย่างหนึ่งก็คือกินไม่รู้จักอิ่มยิ่งกินมากก็จะอยากมาก ก็จะมีความต้องการมาก ดังนั้นการจะปล่อยให้ใครกินอะไร ก็ต้องประมาณการให้จงดี เพราะพอกินได้ที่แล้วก็อาจจะกลายเป็นคนอีกคนหนึ่ง
และใครอย่าได้เข้าใจว่า พวกเศรษฐีมีเงินถุงเงินถังจะเป็นผู้ที่อิ่มหนำสำราญแล้วเสมอไป หรือไม่มีความต้องการที่จะแสวงหาอะไรเพิ่มเติมอีก เพราะแท้จริงแล้ว คนยิ่งเป็นเศรษฐีมีเงิน ยิ่งจะเป็นคนหิวโซ บางทีก็หิวโซยิ่งกว่าเปรต เพราะกินเท่าไหร่ก็ไม่รู้จักพอ ได้เท่าไหร่ก็ไม่รู้จักพอ ยิ่งได้มาก มีมาก ก็ยิ่งอยากมากขึ้นไปกว่าเดิม และเมื่อได้มากมีมากขึ้นแล้ว แทนที่จะอิ่ม จะพอ กลับยิ่งมีความต้องการมากขึ้นเท่ากับหรือมากกว่าที่มีอยู่แล้ว
เพราะกลับมองไปว่าที่มีอยู่นั้นเป็นเรื่องเล็ก เป็นของน้อย ยังไม่พอต่อความปรารถนาของตน จึงต้องแสวงหาเพิ่มขึ้น และต้องเบียดเบียนคนอื่นมากขึ้น จนกระทั่งในที่สุดก็เบียดเบียนชาติบ้านเมือง
คนพวกนี้ยิ่งมีความต้องการมากเท่าไหร่ก็ยิ่งแสวงหามากขึ้นเท่านั้น และวิธีแสวงหาของคนพวกนี้ ก็จะใช้วิธีดั้งเดิมของตนเอง คือการลงทุนหรือการซื้อ เป็นแต่ว่ากรรมวิธีในการลงทุนหรือการซื้อนั้น จัดอยู่ในชั้นสุดยอด คือลงทุนหนึ่ง มุ่งเอาล้าน ซื้อหนึ่ง มุ่งเอาล้าน จนกระทั่งทั้งบ้านทั้งเมืองนี้ ก็ยังไม่พอแก่ความต้องการ
คนพวกนี้นี่แหละที่เป็นอันตรายร้ายแรงต่อบ้านเมือง เป็นอันตรายต่อผู้คบหามากที่สุด เพราะมีกำลังซื้อมากมีกำลังจ้างมาก มีกำลังคนมาก และมีกำลังเล่ห์มาก จึงสามารถที่จะซื้อดะไปหมด แม้กระทั่งหมาเฝ้าประตู คนพวกนี้ก็ยังซื้อ ซื้อดะเข้าไปจนถึงห้องนอน ดังนั้นจึงเป็นเรื่องที่ต้องระมัดระวัง
ส่วนคนอีกจำพวกหนึ่งกลับมองเห็นว่าการมีมากมายเป็นภาระอันหนัก การแสวงหาเป็นเรื่องยุ่งยาก เป็นเรื่องสกปรก ดังนั้นจึงตั้งตนอยู่ในความพอ มีเท่าไหร่ก็พอเท่านั้น ได้เท่าไหร่ก็พอเท่านั้น กินเท่าไหร่ก็อิ่มเท่านั้น นอนเท่าไหร่ก็หลับเท่านั้น คนพวกนี้ยังมีอยู่มากในบ้านเมืองของเรา
แต่เป็นวิสัยที่ยามใดบ้านเมืองเป็นกลียุค ผู้คนก็จะมีความคิดเห็นเป็นการวิปลาส ที่ชั่วมั่วกลับเป็นดี ที่ดีกลับมองเห็นเป็นชั่ว จนกระทั่งครั้งหนึ่งปราชญ์ผู้มีชื่อเสียงของประเทศได้รจนาเรื่องนี้ไว้ในแบบเรียนแม่ ก.กา อันเป็นแบบเรียนภาษาไทยในยุคหนึ่งว่า
“ที่ซื่อถือพระเจ้า ว่าโง่เง่าเต่าปูปลา
ผู้เฒ่าเหล่าเมธา ว่าใบ้บ้าสาระยำ”
อาการที่เกิดขึ้นในบ้านเมืองของเราขณะนี้ ที่คนบางพวกเห็นกงจักรเป็นดอกบัว ไม่เห็นการโกงบ้านกินเมือง เห็นความสงบของบ้านเมืองเป็นการลิดรอนเสรีภาพ เห็นการบังคับใช้กฎหมายเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน นี่เป็นผลพวงของการเห็นผิดเป็นชอบ และเป็นต้นเหตุที่ทำให้เกิดปัญหาใหญ่หลวงในบ้านเมืองของเรา
และแท้จริงแล้วยังมีสิ่งซับซ้อนซ่อนเงื่อนที่ร้ายแรงอยู่อีกจำพวกหนึ่ง ซึ่งพวกนี้ยากที่จะรู้ได้ว่ามันเป็นเสือหรือเป็นนกอินทรี และถึงวันนี้ก็ไม่มีใครรู้ว่าเป็นอะไรกันแน่
จึงต้องขนานนามกันเสียใหม่ว่า ไอ้ตัวที่ไม่รู้อะไรนี่แหละเป็นตัวตาอยู่ ที่ไม่เคยรับผิดชอบอะไร ไม่เคยเดือดร้อนด้วยการแผ่นดิน และไม่ได้ถือใครเป็นพวก เพราะพร้อมที่จะเข้าด้วยเอาด้วยกับใครก็ได้ ขอให้ได้มีส่วนมีสิทธิ์ในการหาประโยชน์
คนพวกนี้รักษาเนื้อรักษาตัว ทำตัวให้ขาวผ่องหมดจด ยิ่งกว่าผ้าขาวที่กางกั้นเพดานพระบูชาเสียอีก แต่หาประโยชน์อันใดมิได้! นอกจากอาศัยความเป็นผ้าขาวแล้วกินทุกข้าง งาบทุกฝ่าย ได้ทุกทาง ขอให้กูเป็นได้ก็แล้วกัน!
บ้านเมืองวันนี้ที่เดินหน้าก็ยังไม่ได้ อยู่เฉยๆ ก็ลำบาก เหตุสำคัญก็เพราะผ้าขาวพวกนี้แหละ!
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี