จากความเสี่ยงที่จะเกิดวิกฤติขาดแคลนพลังงานไฟฟ้าใน 14 จังหวัดภาคใต้โดยเฉพาะจังหวัดภาคใต้ตอนกลางและตอนล่าง ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของประเทศที่มีความต้องการพลังงานไฟฟ้าเพิ่มขึ้นมากจากการเติบโตอย่างรวดเร็วของการท่องเที่ยว จนเคยเกิดกระแสไฟฟ้าดับทั่วภาคใต้มาแล้วทำให้ที่ผ่านมารัฐบาลหลายยุคพยายามหาทางแก้ปัญหาจนมาถึงรัฐบาลปัจจุบันมีแนวคิดผลักดันโครงการสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินที่อำเภอเทพา จังหวัดสงขลา และที่จังหวัดกระบี่
แนวคิดสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานถ่านหินเพื่อแก้ปัญหาการขาดแคลนกระแสไฟฟ้าในจังหวัดท่องเที่ยวภาคใต้ ได้รับการชี้แจงจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ก็ด้วยเหตุผลว่า ในปัจจุบันเทคโนโลยีการผลิตกระแสไฟฟ้าด้วยถ่านหินมีความสะอาดปลอดภัยและมีระบอบป้องกันไม่ก่อให้เกิดมลพิษทางอากาศหรือทำลายสิ่งแวดล้อมแทบจะ 100% ซึ่งหลายประเทศที่มีความเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและเข้มงวดในเรื่องสิ่งแวดล้อมก็มีโรงไฟฟ้าพลังงานถ่านหิน อาทิ ญี่ปุ่น อีกทั้งถ่านหินเป็นเชื้อเพลิงที่มีต้นทุนถูกกว่าเชื้อเพลิงชนิดอื่นๆ มาก
อย่างไรก็ตาม โครงการที่จะสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินในสองจังหวัดภาคใต้ ถูกต่อต้านจากประชาชนบางส่วนในพื้นที่สองจังหวัด มาอย่างต่อเนื่องเพราะหวั่นเกรงว่า โรงไฟฟ้าถ่านหินจะก่อมลพิษและทำลายสภาพแวดล้อมอย่างที่เคยมีบทเรียนมาแล้วกรณีโรงไฟฟ้าถ่านหินอำเภอแม่เมาะ จังหวัดลำปางซึ่งมีประชาชนบริเวณรอบโรงไฟฟ้าจำนวนมากเจ็บป่วยและหลายรายเสียชีวิต
จากกระแสคัดค้านของประชาชนในพื้นที่ที่จะสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินในจังหวัดสงขลา และจังหวัดกระบี่ ทำให้อดีต สส.พรรคประชาธิปัตย์กลุ่มหนึ่งได้เข้ายื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ก่อนหน้านี้เพื่อขอให้ทบทวนโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหิน มาเป็นโรงไฟฟ้าจากพลังงานก๊าซธรรมชาติเหลว (แอลเอ็นจี) แทน
ทั้งนี้ตัวแทนจากพรรคประชาธิปัตย์ให้ เหตุผลว่า แอลเอ็นจีเป็นเชื้อเพลิงที่มีแหล่งผลิตที่หลากหลายไม่ขึ้นอยู่กับผู้ผลิตรายใดรายหนึ่ง หรือภูมิภาคใดภูมิภาคหนึ่ง และมีตลาดซื้อขายที่พัฒนาจึงทำให้ลดความเสี่ยงในการจัดหาและเป็นการกระจายความเสี่ยงในเรื่องแหล่งผลิต
นอกจากนี้จากราคาแอลเอ็นจีและราคาถ่านหินในปัจจุบัน ทำให้ต้นทุนการผลิตไฟฟ้าจากแอลเอ็นจีใกล้เคียงหรือต่ำกว่าต้นทุนการผลิตจากถ่านหิน รวมถึงเงินลงทุนในการสร้างโรงไฟฟ้าแอลเอ็นจีต่ำกว่าเงินลงทุนในการสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินถึงประมาณ 50% อีกทั้งการก่อสร้างโรงไฟฟ้าแอลเอ็นจีใช้ระยะเวลาในการขออนุญาตก่อสร้างเพียง 48 เดือน ถ้าเทียบกับระยะเวลาการขออนุญาตและก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินที่นานถึง 80 เดือน
อีกทั้งการสร้างโรงไฟฟ้าแอลเอ็นจี ที่จังหวัดสงขลา และจังหวัดกระบี่ จะเสริมสร้างความมั่นคงให้ประเทศจากปัจจุบันมีการนำเข้าแอลเอ็นจี ที่จังหวัดระนองเพียงจุดเดียว และการยกเลิกการสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินยังเป็นการแสดงจุดยืนที่ชัดเจน
ของไทยในสายตาโลกในความตั้งใจที่จะลดภาวะเรือนกระจกที่ทำให้โลกร้อน
ขณะเดียวกันนักวิชาการบางท่านเสนอว่ารัฐยังมีทางเลือกอื่นๆแทนการสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินซึ่งไม่มีหลักประกันที่ชัดเจนว่าจะไม่ก่อให้เกิดปัญหามลภาวะและสภาพแวดล้อม โดยยังมีพลังงานหมุนเวียนอีกหลายประเภทที่ควรนำมาใช้ อาทิ พลังงานจากลม แสงอาทิตย์ หรือก๊าซชีวมวล โดยรัฐควรที่หาแหล่งพลังงานหมุนเวียนที่หลากหลายผสมผสานเพื่อลดความเสี่ยงและเพิ่มทางเลือกในการสร้างความมั่นคงปลอดภัยด้านพลังงานไฟฟ้าในระยะยาว
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี