ต้องบอกเลยครับว่า จากที่ทางเราเฝ้าดูท่านด้วยความชื่นชมมาโดยตลอด นี่ก็เป็นอีกการปาฐกถาในเรื่องที่ยาก ซับซ้อน และมีความสำคัญยิ่งต่อประเทศชาติของเรา แล้ว ดร.วิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยก็เป็นหนึ่งในไม่กี่คนในประเทศที่สามารถถ่ายทอดออกมาได้อย่างดีเลิศ
ผมขอนำทุกท่านไปทำความเข้าใจกับ Thailand 4.0 อย่างละเอียดกันตลอดบทความ 3 ตอนนี้เลยครับ
_______________________________________
ถ้าเราเทียบวัย 15 ปี ของโพสต์ทูเดย์ก็เสมือน “วัยรุ่น” ซึ่งเป็นวัยที่กล้าคิดกล้าพูดสะท้อนจากการนำเสนอข่าวในแง่มุมต่างๆ อย่างเป็นตัวของตัวเองจึงทำให้โดนใจและก็ได้รับความนิยมจากกลุ่มผู้อ่านที่หลากหลาย
“Thailand 4.0” คืออะไร
ในส่วนแรก 1.จะพูดถึงโลกในยุค 4.0 ที่เรากำลังเผชิญแนวคิดเรื่อง 4.0 ไม่ใช่เป็นแนวคิดสำหรับประเทศไทยเท่านั้นแต่เป็นการเปลี่ยนแปลงที่กำลังเกิดขึ้นทั่วโลก
ในส่วนที่ 2.จะพูดถึงความท้าทายของเศรษฐกิจไทยในปัจจุบัน โดยเฉพาะประเด็นที่อาจจะทำให้เราได้รับผลกระทบจากโลก 4.0 หรือทำให้เราไม่สามารถสร้างประโยชน์จากโอกาสที่จะมาพร้อมกับโลก 4.0 ได้อย่างเต็มที่ และในส่วนสุดท้าย 3.จะพูดถึงความสำคัญของการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจของประเทศไทยเพื่อเข้าสู่โลกในยุค 4.0
ที่ผ่านมาหลายท่านอาจจะมีข้อสงสัยว่า “Thailand 4.0” คืออะไรหรือ “ยุค 4.0” ที่เราพูดกันมีที่มาจากไหน ผมคิดว่า “โลกยุค 4.0” ที่เราพูดกันคือ “4th Industrial Revolution” หรือ “การปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4” ในประวัติศาสตร์เศรษฐกิจโลกซึ่งเป็นปรากฏการณ์สำคัญที่กำลังเกิดขึ้นทั้งโลก และเราเริ่มเห็นผลกระทบที่ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ Professor Klaus Schwab ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งและเป็นประธานของ World Economic Forum ได้เคยกล่าวไว้ว่า “เรากำลังอยู่ในช่วงการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 ที่ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีอย่างก้าวกระโดดจะเปลี่ยนวิถีชีวิตรูปแบบการทำงานระบบเศรษฐกิจตลอดจนความสัมพันธ์ของคนในสังคม”
ไม่ว่าจะมองไปทางไหนจะเห็นว่ารอบโลกที่เราอยู่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมมากถ้าท่านลองจินตนาการดูมองย้อนหลังไปเมื่อสิบปีที่แล้วเราจะเชื่อหรือไม่ว่าในวันนี้ 10 ปีผ่านมา
เราจะสามารถโทรศัพท์ทางไกลข้ามประเทศได้โดยไม่เสียเงินและก็สามารถประชุมทั่วโลกแบบเห็นหน้ากันได้โดยไม่เสียเงินเช่นกันในวันนี้ย้อนกลับไปเมื่อ10 ปีที่แล้วเราแทบไม่เชื่อว่า
เราจะใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมง ในแต่ละวันกับ smartphone ที่เราสามารถทำงานได้หลายอย่างพร้อมกันได้เช่นเดียวกับคงไม่เชื่อว่า
เราจะเห็นหุ่นยนต์ช่วยผ่าตัดที่ทำให้แผลเล็กลดผลข้างเคียงและผู้ป่วยกลับมาใช้ชีวิตตามปกติอย่างรวดเร็วเราคงไม่คิดว่า
บริษัทที่ไม่ได้เป็นเจ้าของโรงแรมเลย เช่น Airbnb จะกลายเป็นผู้ให้บริการจองห้องพักที่มีจำนวนห้องพักในเครือข่ายมากที่สุดในโลก
เมื่อสักครู่เราคงได้ยินท่านรมว. (ดร.พิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม) พูดถึงหลายคำเมื่อ 10 ปีที่แล้วเราไม่ได้ยินคำว่า Social media, Sharing economy, AI, Internet of Things, Cloud computing, FinTech, PropTech หรือ AgriTech ที่กำลังจะกลายเป็นรากฐานสำคัญสำหรับอนาคตและเชื่อว่าเราจะได้ยินคำเหล่านี้เพิ่มมากขึ้น
ในอนาคตข้างหน้าความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีอย่างก้าวกระโดดนี้ในด้านหนึ่งจะสร้างโอกาสในการทำงาน และช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของเราทุกคนให้ดีขึ้น แต่อีกด้านจะมีนัยต่อวิธีการทำงานและทำให้ตำแหน่งงานจำนวนไม่น้อยต้องหายไป จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่เราจะต้องปรับตัวอย่างเท่าทันทั้งในวันนี้และในอนาคต
เมื่อ 10 กว่าปีก่อนยอดขายหนังสือพิมพ์ในไทยเคยขายได้วันละ 2.2 ล้านฉบับ ปัจจุบันลดลงเหลือแค่ 1.2 ล้านฉบับต่อวัน ไม่ใช่เพราะคนไม่อ่านข่าวแต่เพราะเปลี่ยนไปอ่านข่าว Online มากขึ้นถ้าหากนับเฉพาะเว็บไซต์ข่าว 10 อันดับแรกมีคนอ่านถึง 4.5 ล้านคนต่อวัน
นอกจากนี้ นิตยสารที่เราเคยเห็นวางกันเต็มแผงหนังสือปัจจุบันจำนวนไม่น้อยก็ทยอยปิดตัวไปหลายฉบับ แม้แต่นิตยสารในระดับตำนานหลายเล่มที่คนรุ่นผมเติบโตมาด้วยกันก็ยังต้องประกาศปิดตัว หรือแม้แต่TV Digital ที่เคยเป็นของใหม่สำหรับประเทศไทยเพียงไม่ถึง 3 ปีแค่นั้นเอง วันนี้รูปแบบธุรกิจของ TV Digital ก็อาจจะตกรุ่นได้อย่างรวดเร็ว ความจำเป็นที่ต้องเปลี่ยนแปลงรูปแบบธุรกิจหรือยอดขายที่ลดลงเรื่อยๆ จากพัฒนาการทางเทคโนโลยีทำให้เกิดผลต่อเนื่องหลายอย่างอย่างแรกคือเรื่องของการจ้างงานหลายคนต้องปรับตัวไปทำงานรูปแบบใหม่หรืออาชีพใหม่เพื่อความอยู่รอด
สำนักงานสถิติแห่งชาติพบว่า ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมาระหว่างปี 2556-2559 แรงงานในธุรกิจสิ่งพิมพ์ลดลงมากกว่าร้อยละ 40 เมื่อไม่นานนี้มีงานศึกษาชิ้นหนึ่งของ World Economic Forum ประเมินว่าในอนาคตข้างหน้าของคนรุ่นใหม่จะไม่มีใครที่จะสามารถทำงานอาชีพเดียวได้จนเกษียณในชีวิตการทำงานของแต่ละคนจะทำงาน 7 อย่าง และ 5 ใน 7 อย่างยังไม่รู้ว่าจะเป็นงานประเภทอะไร
นี่เป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงที่กำลังเกิดขึ้น เมื่อมองไปข้างหน้าเราจะยิ่งเห็นการเปลี่ยนแปลงมากขึ้นและเร็วขึ้น เหมือนอย่างที่ท่านรมว.พูดถึงเมื่อสักครู่นักเศรษฐศาสตร์บางท่านเปรียบเทียบว่าการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นในอนาคตจะมีอัตราเร่งแบบ exponential หรือก้าวกระโดดไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงในลักษณะ linear หรือเป็นเส้นตรงเหมือนในอดีต
นอกจากนี้ โลกที่เราเผชิญอยู่ในปัจจุบันมีความซับซ้อนมากขึ้นเชื่อมโยงกันทั้งมิติทางเศรษฐกิจการเมืองและสังคมอย่างไร้พรมแดน ความซับซ้อนที่เกิดขึ้นส่วนหนึ่งก็เป็นผลมาจากพัฒนาการทางเทคโนโลยีที่ส่งผลให้เกิดห่วงโซ่การผลิตรูปแบบใหม่ๆ ที่กระบวนการผลิตกระจายอยู่ทั่วโลกมีคนบริษัทและประเทศที่เกี่ยวข้องจำนวนมากกว่าที่จะผลิตสินค้าขั้นปลายได้หนึ่งชิ้นหรือเทคโนโลยีทางการเงินที่ทำให้ตลาดเงินตลาดทุนซับซ้อนขึ้น เหตุการณ์ในซีกโลกหนึ่งสามารถกระทบกับราคาหุ้นในอีกซีกโลกหนึ่งด้วยเวลาเพียงเสี้ยววินาที
การก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งของท่านประธานาธิบดีทรัมป์ของสหรัฐอเมริกาที่ประกาศนโยบาย “อเมริกามาก่อน” ก็ได้ส่งผลกระทบไปทั่วโลกในหลายมิติ หลายฝ่ายกังวลว่าจะเกิดการกีดกันทางการค้าและไม่มีใครคาดเดาได้ถูกว่าจะเกิดผลที่แท้จริงอย่างไร ธุรกิจอเมริกาจะได้หรือจะเสียเพราะว่าในปัจจุบัน ธุรกิจอเมริกาก็ต้องอาศัยห่วงโซ่การผลิตที่ซับซ้อนและกระจายอยู่ทั่วโลก งานที่ท่านประธานาธิบดีทรัมป์คาดว่าจะย้ายกลับไปสหรัฐอเมริกาก็อาจจะไม่ได้นำมาสู่การจ้างงานที่เพิ่มขึ้นแต่ใช้หุ่นยนต์แทนที่จะจ้างคนอเมริกันทำงาน แต่นโยบายเช่นนี้จะทำให้ปัญหาภูมิรัฐศาสตร์รุนแรงขึ้นในหลายภูมิภาค และจะส่งผลกระทบต่อเนื่องทำให้ตลาดการเงินโลกผันผวนสูงและการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกเปราะบางมากขึ้น
ทิศทางการเปลี่ยนแปลงของบริบทโลกไปสู่ยุค 4.0 ที่เทคโนโลยีจะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตและศักยภาพชีวิตของพวกเรารวมทั้งสร้างโอกาสใหม่ๆนั้น จะเกิดขึ้นพร้อมกับโลกที่มีความผันผวนสูงมีความไม่แน่นอนสูงมีความซับซ้อนสูงและยากที่จะคาดเดาลักษณะเช่นนี้เป็น “สภาวะของโลก” ที่พวกเราทุกคนล้วนเป็น “เพื่อนร่วมเดินทาง” ที่ต้องเผชิญหน้ากับการเปลี่ยนแปลงนี้ไปพร้อมๆ กันอย่างที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
ในส่วนถัดไปผมจะขอใช้เวลาสักเล็กน้อยทบทวนสภาวะเศรษฐกิจไทยในปัจจุบัน พร้อมกับความท้าทายที่เป็นปัญหาเชิงโครงสร้างที่ต้องได้รับการแก้ไขเพื่อให้เราเท่าทันไม่ตกขบวนรถไฟ 4.0 และสามารถเดินทางไปถึงสถานีเป้าหมายได้อย่างมั่นใจด้วย
ท่ามกลางบริบทโลกที่กำลังเปลี่ยนผ่านไปสู่ยุค 4.0 ผนวกกับสภาวะตลาดการเงินตลาดทุนโลกที่ผันผวน รวมทั้งมีเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดหลายอย่างเกิดขึ้นทั้งในและต่างประเทศ ในปีที่ผ่านมาเศรษฐกิจไทยก็ยังสามารถเติบโตได้ต่อเนื่อง และคาดว่าในปีนี้จะสามารถเติบโตได้ในระดับที่ใกล้เคียงกัน สะท้อนว่าเศรษฐกิจไทยสามารถทนทานและรองรับความผันผวนได้ดีในระดับหนึ่ง ส่วนหนึ่งคงเป็นว่า เพราะหลังวิกฤติต้มยำกุ้งปี 2540 ภาครัฐและภาคเอกชนดำเนินงานด้วยความระมัดระวังทำให้เสถียรภาพด้านเศรษฐกิจมหภาคของประเทศทั้งในมิติด้านเงินเฟ้อและด้านต่างประเทศอยู่ในเกณฑ์ที่ดีอัตราการว่างงานต่ำระดับหนี้ของภาครัฐยังอยู่ในเกณฑ์ที่บริหารจัดการได้ ลักษณะเหล่านี้เป็นกันชนสำคัญที่ช่วยประคับประคองเศรษฐกิจไทยในช่วงที่ผ่านมา
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี