คำพูดของวีระตู เป็นสิ่งยืนยันว่าธรรมกายใช้เงินฟาดหัวพระสงฆ์ทั้งจากนอกและในประเทศให้เป็นโล่มนุษย์คุ้มกันตัวเองจากเอื้อมมือกฎหมาย วลีที่ว่า ‘ผู้มีศีลเสมอกัน ชั่วพอกันจึงคบกันได้’ น่าจะนำมาใช้กับพระวีระตูและธัมมชโย เพราะทั้งสองมีภูมิหลังคล้ายคลึงกัน
ในทศวรรษนี้ “พระวีระตู” แห่งสหภาพพม่ากับ “ธัมมชโย” ของระบอบธรรมกาย สองบุคคลในแวดวงพุทธศาสนาที่มีข้อครหา มีเรื่องอื้อฉาวและมีอิทธิพลมืดเหนือศาสนาและอาณาจักรมากที่สุดในสุวรรณภูมิไทย-พม่า และเมื่อสองผู้อื้อฉาวในพุทธศาสนาสมคบกันสร้างความวุ่นวาย สัญญาณอันตรายจึงเกิดขึ้นกับศาสนาและอาณาจักร
พระวีระตูขึ้นปก Time Magazine วารสารการเมืองระดับโลกในปี 2556 ด้วยพาดหัวตัวไม้ว่า “นี้คือโฉมหน้าของพระผู้ก่อการร้าย” สรรพนามพระผู้ก่อการร้ายได้มาจาก พฤติกรรมของพระวีระตูในปฏิบัติการต่อต้านทำลายมุสลิมที่ทำให้มีคนตายมาแล้วนับพันคน พระวีระตูและสาวกชาวพุทธหัวรุนแรงโจมตีชุมชนมุสลิมในรัฐยะไข่เมื่อปี 2546 เผามัสยิด ทำลายบ้านเรือนประชาชน ทำให้มีคนมุสลิมเสียชีวิต 32 คน
พระวีระตูถูกจับกุมและศาลสั่งจำคุก 25 ปี จนกระทั่งถึงปี 2553 เขาได้รับนิรโทษกรรมจากรัฐบาลทหารพม่า พร้อมข้อครหาว่า พรรคการเมืองของรัฐบาลทหารพม่าปล่อยตัวพระวีระตูมาใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองต่อต้านนางอองซาน ซู จี “รัฐบาลทหารใช้พระวีระตู เป็นเครื่องมือต่อต้านนางออง ซาน ซู จี เพราะรู้ว่านักการเมืองมุสลิมเป็นพันธมิตรกับพรรคเอ็นแอลดี” นายอองจอว์ อู นักวิเคราะห์การเมืองชาวพม่ากล่าว
หลังจากได้รับอิสรภาพพระวีระตูร่วมมือกับมวลชนจัดตั้งของรัฐบาลทหาร มีชื่อว่า “สมาคมสามัคคีแห่งชาติเพื่อการพัฒนา” (Union Solidary and Development Association) นำชาวพุทธหัวรุนแรงที่เป็นสาวกของตนกับมวลชนของพรรครัฐบาลทหารต่อต้านนางออง ซาน ซู จี และก่อความรุนแรงต่อชุมชนมุสลิมอย่างย่ามใจ เพราะได้รับการคุ้มครองจากพรรครัฐบาลทหารที่มีอำนาจเด็ดขาดอยู่ในมือ
ความเหิมเกริมที่มีพรรครัฐบาลหนุนหลังและมวลชนคลั่งชาติเคียงข้าง ทำให้พระวีระตู ปฏิบัติการต่อต้านทำลายมุสลิมโรฮิงญาอย่างบ้าคลั่ง ในปี 2555 พระวีระตูในนามขององค์กรคลั่งศาสนาที่ชื่อว่า “มาบาธา”เรียกร้องให้เนรเทศมุสลิมโรฮิงญาออกนอกประเทศ นำมวลชนหัวรุนแรงก่อจลาจลในรัฐยะไข่ ทำให้มีผู้เสียชีวิตหลายร้อยคน รัฐบาลทหารซึ่งใช้พระวีระตูเป็นเครื่องมือออกกฎหมายกดขี่มุสลิมตามข้อเรียกร้องของ องค์กรมาบาธา
เพราะพรรคการเมืองที่เป็นรัฐบาลหนุนหลังและให้การคุ้มครอง ทำให้พระวีระตู เป็นบุคคลอยู่เหนือกฎหมาย แม้แต่หลังจากพรรคเอ็นแอลดีชนะการเลือกตั้ง และเข้ามาบริหารประเทศเมื่อเดือนเม.ย. 2559 แล้วก็ตาม ปฏิบัติการต่อต้านกวาดล้างมุสลิมของพระวีระตูก็ยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง และเพิ่มความรุนแรงขึ้นจนองค์การสหประชาชาติ ออกแถลงการณ์ประณามเรียกร้องให้ยุติการทำลายล้างมุสลิมโรฮิงญาในประเทศพม่า แต่พระวีระตูและมาบาธา ที่มีพรรคการเมืองรัฐบาลทหารหนุนหลัง พระหัวรุนแรงจึงมีอิทธิพลเหนืออาณาจักรในพม่า รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของนางออง ซาน ซู จี ไม่สามารถแก้ปัญหาการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์เพื่อกวาดล้างมุสลิมในพม่าได้
แม้แต่ที่ปรึกษากฎหมายคนสำคัญของนางออง ซาน ซู จี ซึ่งเป็นมุสลิม ถูกสังหารอย่างอุกอาจคาสนามบิน รัฐบาลยังไม่สามารถนำผู้บงการฆ่ามาลงโทษได้ เมื่อวันที่ 3 มี.ค.2560 หลังจากรัฐมนตรีมหาดไทยพม่าแถลงอย่างเป็นทางการว่า พระวีระตูและองค์กรมาบาธาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการสังหารนายโก นี่ ทนายความมุสลิมที่ปรึกษากฎหมายพรรคเอ็นแอลดี พระวีระตูโพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊คว่า “อาตมาโล่งอก (ที่พ้นข้อครหา) มั่นใจว่าพุทธศาสนาในบ้านเราจะเจริญรุ่งเรืองต่อไป มิฉะนั้นพุทธศาสนาจะถูกทำลายเหมือนประเทศไทย”
พระวีระตู ใช้คำว่าพุทธศาสนาถูกทำลายในประเทศไทย เป็นการอ้างถึงคำพูดของตัวเองที่บอกกับสาวกระหว่างนำขบวนพระสงฆ์และสาวก ประท้วงรัฐบาลไทยในประเทศพม่า ที่ใช้มาตรา 44 เข้าควบคุมวัดพระธรรมกายเพื่อตามล่า “ธัมมชโย” มาดำเนินคดีในข้อหายักยอกทรัพย์ รับของโจร พระวีระตูประณามพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ว่า “เป็นผู้ทำลายพุทธศาสนา”
พระวีระตู ผู้มีความสัมพันธ์แนบแน่นกับสำนักจานบิน ปลุกระดมให้คนงานพม่าในประเทศไทยลุกขึ้นมาปกป้องธัมมชโย
ตั้งแต่วันแรกที่ดีเอสไอส่งกำลังไปตรวจค้นวัดพระธรรมกายโดยปลุกระดมว่า รัฐบาลไทยซึ่งประกอบด้วย ครม.ส่วนใหญ่ที่เป็นมุสลิม กำลังทายพุทธศาสนา และกล่าวว่า “วัดพระธรรมกายให้การช่วยเหลือเราตลอดมา เมื่อปีกลายธรรมกายสัญญาว่า
จะจัดตั้งสถานีวิทยุกระจายเสียงให้ในมัณฑะเลย์” คำพูดของวีระตู เป็นสิ่งยืนยันว่าธรรมกายใช้เงินฟาดหัวพระสงฆ์ ทั้งจากนอกและในประเทศให้เป็นโล่มนุษย์คุ้มกันตัวเองจากเอื้อมมือกฎหมาย
วลีที่ว่า “ผู้มีศีลเสมอกัน ชั่วพอกันจึงคบกันได้” น่าจะนำมาใช้กับพระวีระตูและธัมมชโย เพราะทั้งสองมีภูมิหลังคล้ายคลึงกัน
ธัมมชโยกับพวกเริ่มต้นเล่นแร่แปรธาตุกับทรัพย์สินชาวบ้าน ตั้งแต่ก่อตั้งมูลนิธิธรรมกายในปี 2525 มูลนิธิธรรมกายมีข้อครหา
ว่าสมคบกับนักการเมืองท้องถิ่นปล้นที่ดินชาวบ้านมาเป็นของวัดแล้วเล่นแร่แปรธาตุกลายเป็นของมูลนิธิ พฤติกรรมหลอกลวงบิดเบือนคำสอนพุทธศาสนา ค้าบุญค้าสวรรค์ ที่ลึกลับซับซ้อนอยู่ในแดนสนธยาจนกระทั่งถึงปี 2542 เรื่องราวจึงฉาวโฉ่ขึ้นเมื่อศาลรับฟ้องพระธัมมชโย ในข้อหายักยอกทรัพย์ 960 ล้านบาท
ระหว่างศาลพิจารณาคดี พฤติกรรมลวงโลกบิดเบือนคำสอนศาสนา ยักยอกทรัพย์ฉ้อโกงของธัมมชโยก็ถูกเปิดโปงสู่สาธารณะ แต่พอใกล้ถึงวันตัดสินคดีในปี 2547 อัยการซึ่งเป็นโจทย์ผู้ฟ้องธัมมชโยถอนฟ้องในนาทีสุดท้าย ทำให้ธัมมชโยพ้นคุกพ้นตะรางท่ามกลางข้อกังขา เพราะการถอนฟ้องเกิดขึ้นหลังจากนายกรัฐมนตรีที่เป็นหัวหน้าพรรคไทยรักไทย พร้อมภรรยาไปร่วมทำพิธีทางศาสนาในวัดพระธรรมกาย
หลุดพ้นคดีเพราะอิทธิพลพรรคการเมืองที่เป็นรัฐบาล ส่งผลให้ธัมมชโย กลายเป็นพยัคฆ์ติดปีก ที่มีนักการเมืองขี้ฉ้อพ่อค้าทุนสามานย์ ข้าราชการกังฉิน นักวิชาการเร่หากิน เฮโลกันมาร่วมหุ้นธุรกิจสีเทากับสำนักจานบินมากขึ้น ธุรกิจสีเทา อาทิ ฟอกเงิน ยักยอกทรัพย์ บุกรุกที่ป่าสงวน ฮุบที่สาธารณะมาทำรีสอร์ตในคราบของสำนักปฏิบัติธรรม ฯลฯ ธุรกิจสีเทาในอาณาจักรธรรมกายบนพื้นที่กว่า 2,000 ไร่ ได้รับการจัดตั้งอย่างมีแบบแผน โดยใช้มูลนิธิต่างๆ ในเครือข่ายวัดพระธรรมกาย ตั้งตัวเป็นกงสีใหญ่ มีหน้าที่เล่นแร่แปรธาตุเงินดำที่ฟอกจากวัด ไปเป็นการลงทุนในสถาบันการเงิน บริษัทประกันภัย เหมืองแร่ บริษัทก่อสร้าง ตลอดถึงอสังหาริมทรัพย์ และลงทุนในบริษัทสื่อสารโทรคมนาคม ตลอดถึงปั่นหุ้น ฯลฯ
สำนักจานบิน ที่พรรคการเมืองใหญ่ มีพ่อค้าทุนสามานย์ มีข้าราชการกังฉิน เป็นหุ้นส่วนในธุรกิจสีเทาว่ากันว่ามีทรัพย์สินมากมายมหาศาลกว่า ๔ ล้านล้านบาทบริษัทกงสีใหญ่ซึ่งควบคุมการบริหารจัดการองค์กรที่มีเครือข่ายโยงใยเหมือนหมึกยักษ์ตัวนี้ จึงใช้อิทธิพลและสรรพกำลังทุกวิถีทางปกป้องธัมมชโย ซึ่งเปรียบเหมือนลำตัวของหมึกยักษ์ ไม่ให้ถูกทำลายด้วยการดำเนินคดีในศาลยุติธรรม
ในพม่าพระวีระตู สร้างเรื่องเลวร้ายทำลายศาสนาอื่น ยืนหยัดท้าทายกฎหมายอยู่ได้เพราะมีพรรคการเมืองและมวลชนหัวรุนแรงหนุนหลัง เป้าหมายของพระวีระตูคือทำลายคนต่างศาสนา เพื่อให้คนศรัทธาสร้างตัวให้ยิ่งใหญ่ในโลกพุทธศาสนา ดังที่นักวิชาการชาวพม่าพูดว่า “พระวีระตู ทะเยอทะยานจะเป็นผู้นำพุทธศาสนาโลก เวลานี้เขาได้รับการนิยมยกย่องสูงจากพระสงฆ์ในศรีลังกา เพราะพระสงฆ์ศรีลังกาต่อต้านมุสลิมเหมือนเขา ส่วนในประเทศไทยเขาได้รับรางวัลผู้นำทางศาสนาดีเด่นจากวัดพระธรรมกายในวันมาฆบูชาปี 2559”
ธัมมชโย ได้รับการสนับสนุนจากพรรคการเมืองเช่นเดียวกับพระวีระตู แต่เหนือกว่าตรงที่นอกจากนักธุรกิจนักการเมืองทุนสามานย์ ยังมีข้าราชกังฉิน มีบริษัทข้ามชาติ มีกองกำลังมวลชน เป็นหุ้นส่วนในธุรกิจสีเทาของเขา ความทะเยอทะยานและเพ้อฝันของเจ้าสำนักจานบินจึงก้าวไกลไปถึงการเปลี่ยนแปลงการปกครองประเทศ ที่ทำให้หุ้นส่วนพรรคการเมืองมีอำนาจเบ็ดเสร็จเหนืออาณาจักร ส่วนบริษัทกงสีใหญ่ที่อยู่ในคราบของระบอบธรรมกาย จะมีอำนาจปกครองสูงสุดเหนือศาสนาจักร
วิเคราะห์จากภูมิหลังของสองบุคคลอื้อฉาวที่มีพฤติกรรมนอกรีตและมีพรรคการเมืองทุนสามานย์ มวลชนและกองกำลังหนุนหลังเหมือนกัน จึงสรุปได้ว่าพระวีระตู กับธัมมชโยในระบอบธรรมกาย ถ้าปล่อยไว้จะเป็นภัยต่อศาสนาและอันตรายต่ออาณาจักร จนยากที่จะแก้ไขได้
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี