เมื่อสองวันก่อนได้อ่านบทความจากหนังสือพิมพ์รายวันภาษาไทยฉบับหนึ่ง ซึ่งนำเสนอเนื้อหาตอนหนึ่งว่า กลุ่มคนที่ค้าขายสินค้าอยู่ตามริมถนนโดยการยึดบาทวิถีเป็นที่ตั้งร้าน กำลังประสบปัญหาขายของไม่ได้ เนื่องจากรัฐบาลชุดปัจจุบันได้ออกนโยบายจัดระเบียบการค้าขายบนบาทวิถี หรือพูดให้ตรงประเด็นคือคำสั่งห้ามค้าขายสินค้าบนทางเท้าริมถนน
ผู้ค้าขายบางรายที่ให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ฉบับดังกล่าวบอกว่า ทุกวันนี้เกือบจะขายของไม่ได้ ทำให้ขาดรายได้ ซึ่งต่างจากอดีตที่เคยมีรายได้อย่างงดงามวันละเกือบหนึ่งหมื่นบาท (ย้ำว่าวันละเกือบหนึ่งหมื่นบาท) บางรายบอกด้วยว่าขายของบนทางเท้ามานานเกือบ 40 ปีแล้ว ส่วนผู้ค้าบางรายอ้างว่าผู้ค้าหลายรายต้องเลิกค้าขายไป เพราะขายของไม่ได้ แต่ที่น่าสนใจ อันที่จริงต้องบอกว่าน่าตกใจมากกว่าคือ ผู้ค้าขายบางรายบอกว่า เมื่อขายของไม่ได้ ก็จะต้องไปปล้นเขากินแล้ว ขอขีดเส้นใต้ตรงคำว่า “ต้องไปปล้นเขากินแล้ว”
ผู้เขียนเคยคุยกับผู้ค้าขายที่ใช้บาทวิถีเป็นที่ตั้งร้านค้าโดยพูดคุยในประเด็นการจัดระเบียบทางเท้าโดยคำสั่งของราชการ ผู้ค้ากลุ่มที่ผู้เขียนคุยด้วยหลายคนบอกว่า อันที่จริงก็รู้อยู่ว่าทำผิดกฎหมาย แต่ก็เห็นว่าคนอื่นๆ เขาก็ค้าขายบนทางเท้ากันอย่างเป็นล่ำเป็นสัน แล้วตำรวจและเจ้าหน้าที่เทศกิจก็ไม่ได้จับกุมและห้าม แต่ที่เลวร้ายกว่านั้นคือผู้ค้าที่ค้าขายบนทางเท้าในย่านธุรกิจสำคัญ เช่น สีลม ประตูน้ำ รามคำแหง ห้วยขวาง-รัชดาภิเษก อโศก สุขุมวิท พระโขนง ลาดพร้าว และในย่านชุมชนใหญ่อีกหลายแห่งบอกกับผู้เขียนว่า ต้องจ่ายค่าพื้นที่รายวันเป็นเงินหลายร้อยบาทให้กับคนกลุ่มหนึ่ง ซึ่งผู้ค้ารู้ดีว่าเงินที่จ่ายไปนั้นคือค่าคุ้มครอง แต่ถ้าไม่จ่าย ก็ไม่สามารถขายของบนทางเท้าได้ ทั้งๆ ที่ทางเท้าเป็นทางสาธารณะ แต่ก็ต้องจ่าย เพราะไม่ต้องการมีปัญหา
ดูจะเป็นเรื่องธรรมดาไปเสียแล้วกับภาพการซื้อขายของต่างๆ นานาสารพัดชนิดบนทางเท้าในประเทศไทยดังจะพบว่ามีการขายสินค้าตั้งแต่อาหารร้อนจำพวกปิ้ง-ย่าง-ผัด-เผา-ต้มและอบนึ่ง แล้วยังมีขนมนมเนยอีกสารพัดชนิดจนบรรยายไม่จบไม่สิ้น แล้วก็ยังมีการขายข้าวของเครื่องใช้บรรดามี ไล่เรื่อยมาตั้งแต่ของใช้บนศีรษะลงไปยันเล็บเท้า เสื้อผ้าแพรภัณฑ์ เครื่องประดับ เครื่องประทินผิว และอุปกรณ์ก่อสร้าง อุปกรณ์ทำความสะอาดบ้านเรือนและรถยนต์ รวมถึงร่างกายของคน และสัตว์เลี้ยง
ช่างน่าอัศจรรย์ใจและสุดแสนประหลาดเป็นที่สุดกับการที่เมืองไทยใช้ทางเท้าเป็นที่ทำมาค้าขายและจับจ่ายซื้อของต่างๆ นานาได้โดยอิสระเสรีเช่นนี้
มีคำถามที่น่าค้นหาคำตอบให้กระจ่างว่า ถ้าหากไม่อนุญาตให้ซื้อขายของกันบนทางเท้าอย่างเคร่งครัดจริงจังแล้ว ผู้ค้าขายจะต้องเปลี่ยนอาชีพไปเป็นโจรปล้นเขากินจริงๆ หรือ
ผู้เขียนเชื่อเอาเองว่าคนค้าขายของบนทางเท้าคงไม่มีนิสัยเป็นโจรเป็นขโมยอย่างแน่นอน แต่ที่ต้องพูดให้ฟังดูรุนแรงน่ากลัวเช่นนั้นก็เพราะเกิดมาจากความอัดอั้นตันใจที่ขายของได้ไม่ดีเหมือนในอดีต และในอีกมุมหนึ่งผู้เขียนก็เชื่อด้วยความบริสุทธิ์ใจว่าคนขายของบนทางเท้าทุกคนก็รักความเป็นระเบียบของบ้านของเมืองไม่น้อยไปกว่าเพื่อนร่วมสังคมรายอื่นๆ ดังนั้น หากรัฐบาลเอาจริงเอาจังและห้ามการขายของบนทางเท้าอย่างเด็ดขาด โดยไม่ปล่อยให้ใครละเมิดกฎหมาย ผู้ค้าขายบนทางเท้าก็ยินดีจะทำตามกฎหมาย แต่ขอย้ำว่า ผู้รักษากฎหมายต้องไม่เลือกปฏิบัติ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี