การทุจริตงบประมาณโครงการบูรณปฏิสังขรณ์วัด หรือ คดีทุจริตเงินทอนวัด เป็นเรื่องจริงที่ชั่วร้ายที่สุด
1. นายประยงค์ ปรียาจิตต์ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ในฐานะเลขานุการศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) ยืนยันว่า ขณะนี้มีเรื่องร้องเรียนกรณีทุจริตเงินทอนวัด เข้ามายังหน่วยงานตรวจสอบ เช่น กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ป.ป.ป.) สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) และป.ป.ท. รวม 498 เรื่อง
ผลการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า คดีมีมูลความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐ 173 เรื่อง
การตรวจสอบกรณีทุจริตเหล่านี้ ทำให้ ป.ป.ป.เข้าตรวจค้นสถานที่เป้าหมาย 14 จุด ใน 7 จังหวัด เมื่อวันที่ 21 กันยายนที่ผ่านมา ทั้งในกรุงเทพฯ นนทบุรี ขอนแก่น ระนอง สิงห์บุรี นครปฐม และสมุทรสาคร
ปรากฏว่า เป็นบ้านของอดีตข้าราชการสำนักงานพระพุทธศาสนา (พศ.) ระดับ “อดีต ผอ.พศ.” ถึง 2 คน
2. งบประมาณโครงการบูรณปฏิสังขรณ์วัด เป็นเงินแผ่นดิน จัดสรรจากงบประมาณที่มาจากภาษีอากรของคนทั้งประเทศ (ทุกศาสนา) เมื่อรัฐบาลจัดสรรให้ พศ.นำไปบำรุงวัด ย่อมเป็นเรื่องกุศล เป็นความดีงามแก่ประเทศชาติและประชาชนส่วนรวมที่ได้ร่วมกันทำบุญ แต่กลับปรากฏว่า มีคนใจบาปหยาบช้า ทุจริตโกงกิน โดยแบ่งเงินส่วนใหญ่เข้ากระเป๋าส่วนตัว ไม่ได้ตกไปให้วัดอย่างแท้จริง
ผ่านกระบวนการที่เรียกว่า “เงินทอน”
กล่าวคือ ข้าราชการไปติดต่อทางวัด ว่าถ้าจะได้รับเงินอุดหนุนต้องทำตามนี้ คือ จะต้องทอนกลับมาให้เจ้าหน้าที่ ตั้งแต่ 70-80% ของวงเงินโครงการ
ยกตัวอย่าง โอนเงินภาษีไปให้วัด 10 ล้านบาท จะต้องทอนเงินกลับมาให้เจ้าหน้าที่ทุจริต 8 ล้านบาท แล้วเจ้าหน้าที่ทุจริตก็ผ่องถ่ายเงินไปให้เครือข่าย คนใกล้ชิด แปรสภาพทรัพย์สินอันได้มาจากการทุจริตไปเป็นรายการต่างๆ อาทิ บ้าน รถเก๋ง รถไถ ทรัพย์สินมีค่า ทองคำแท่ง เครื่องประดับ อัญมณี ฯลฯ
เจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องกับขบวนการโกงเงินทอนวัดนี้ ก็คือ ระดับหัวแถวของ พศ. ต่อเนื่องกันมาหลายยุค หลายปี จนอาจกล่าวได้ว่า โกงเป็นกิจวัตร
สังคมไทยไม่มีโอกาสล่วงรู้เลย จนกระทั่ง พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ เข้ามาเป็น ผอ.พศ. ทำให้การโกงที่เคยไร้รอยต่อ เคยสืบทอดสืบต่อๆ กันมา เกิดขาดผึง ถูกตรวจสอบสะสางอย่างจริงจัง
3. แน่นอน เมื่อมีการทุจริตเงินแผ่นดิน คนที่จะต้องรับผิดชอบก็คือข้าราชการ เจ้าหน้าที่รัฐผู้มีหน้าที่ดูแลใช้จ่ายเงินแผ่นดินให้เป็นไปตามกฎหมาย
แต่กรณีนี้ ทางฝ่ายวัด ไม่ว่าจะเป็นพระหรือฆราวาส ทั้งไวยาวัจกรของวัด หรือคนใกล้ชิดเจ้าอาวาส หรือตัวเจ้าอาวาส จะมีส่วนร่วมกับการกระทำผิด โดยรู้เห็นเป็นใจ หรือร่วมกินแบ่งเข้าพกเข้าห่อ หรือสนับสนุนการกระทำความผิดหรือไม่?
ต้องเป็นเรื่องของข้อเท็จจริงแต่ละกรณี
ขณะนี้ ทราบว่า มีพระสงฆ์ถูกแจ้งข้อหา 4 รูป
มาตรา 147 ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตน หรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต หรือโดยทุจริตยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์สินนั้นเสีย ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่สองพันบาทถึงสี่หมื่นบาท
มาตรา 157 ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ โดยทุจริต ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ หนึ่งปีถึงสิบปี หรือปรับตั้งแต่สองพันบาทถึงสองหมื่นบาทหรือ ทั้งจำทั้งปรับ
ในส่วนของพระสงฆ์ หากเข้าองค์ประกอบความผิดทางอาญาฐานร่วมกันทุจริต ไม่ว่าจะเป็นเซ็นชื่อเปิดบัญชีเพื่อรับเงินงบประมาณ รับโอนเงินงบประมาณเข้าบัญชีส่วนตัวหรือบัญชีของวัดแล้วเบิกถอนเงินให้ฝ่ายเจ้าหน้าที่ออกไปจากวัด ทั้งๆ ที่ มันเป็นเงินอุดหนุนเข้าวัด
โดยพระบางรูป ถึงขนาดว่า เปิดบัญชีร่วมกับเจ้าหน้าที่รัฐ
แบบนี้ จะอ้างว่าไม่รู้เห็นได้หรือไม่?
หากจะอ้างว่ากระทำลงไปเพราะถูกเจ้าหน้าที่รัฐหลอกให้หลงเชื่อ หรือกระทำไปโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ว่าเป็นการทุจริตงบประมาณของรัฐ ก็คงจะต้องนำหลักฐานมายืนยัน หรือให้การที่เป็นประโยชน์แก่ทางการ เพราะวันนี้ รู้แล้วว่ามันคือการทุจริตโกงกิน จะไปปกป้องคนโกง ยิ่งจะถูกดำเนินคดีอีกหลายข้อหา
น่าสนใจว่า จะมีพระวัดใหญ่ๆ ดังๆ ที่ใกล้ชิดกับพระที่มีอิทธิพลในวงการสงฆ์ หรือไม่?
4. ในเฟซบุ๊ค หลวงปู่พุทธะอิสระ (Buddha Isara) แฉข้อมูลเชิงลึกไว้อย่าง
น่าสนใจ
ขออนุญาตนำข้อมูลบางตอนมาเผยแพร่ แต่ขอสงวนชื่อผู้เกี่ยวข้องเอาไว้ในชั้นนี้ก่อน
“...โดยเฉพาะนาย... อดีต ผ.อ.พศ.... ที่ถูก ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดเรื่องทุจริตเงินทอนวัด ซึ่งตามประวัติของนาย... ก่อนจะมาเป็นข้าราชการในสังกัดสำนักพุทธฯ ก็มีอาชีพเป็นแค่ครูประชาบาล แต่ด้วยอำนาจ บารมีของพระผู้ใหญ่ ระดับกรรมการมหาเถรสมาคมฝากฝังผลักดันจนกลายมาเป็นลูกหม้อของนาย... อดีต ผอ. สำนักพุทธฯ
และด้วยพฤติกรรมที่มีลิ้นกระดาษทราย น้ำลายแชลค ที่ต้องท่องจำจนติดปากว่าใช้ครับหลวงพี่ ดีครับท่าน สมควรชอบแล้วครับพระเดชพระคุณ จากครูประชาบาลที่ครอบครัวที่มีฐานะระดับปากกัดตีนถีบ ก็กลายมาเป็นระดับเศรษฐี ซึ่งมีคฤหาสน์ ราคา 30 ล้านอัพ ไม่ต่ำกว่า 3 หลัง
มีเงินลงทุนในตลาดหุ้นในระดับ 10 ล้านบาท
มีโฉนดที่ดินราคาหลายสิบล้านบาทไม่ต่ำกว่า 10 แปลง
มีทองคำแท่งซุกซ่อนเอาไว้ทั้งในบ้านตนและคนใกล้ชิดมูลค่าไม่ต่ำกว่า 50-60 ล้านบาท
มีเงินสดที่เก็บไว้ในเซฟโดยไม่ฝากธนาคารในบ้านทุกหลังอีกไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท
มีรถยนต์ไฮคลาสไม่ต่ำกว่า 5 คัน
มีอสังหาริมทรัพย์ที่ไปลงทุนซื้อเอาไว้ที่สหรัฐ โดยการแนะนำของนาย...ลูกพี่เก่าอีกหลายสิบล้านบาท แถมยังเลี้ยงกิ๊กเอาไว้อีกไม่ต่ำกว่า 3 คน ซึ่งก็มีทั้งคนในสำนักพุทธฯเอง และคนนอก ซึ่งแต่ละคนก็เป็นผู้ถือทรัพย์สินของนาย... เอาไว้จำนวนมากทั้งนั้น
หาก ป.ป.ป. ต้องการจักตรวจสอบเส้นทางทรัพย์สินของอดีต ผ.อ. สำนักพุทธฯ ผู้นี้จริงๆ ควรจะต้องสืบค้นหาความสัมพันธ์กับบุคคลต่าง ๆว่า นาย...มีความสนิทสนมอยู่กับใครบ้าง ไม่เว้นแม้แต่พระผู้ใหญ่บางรูป เพราะได้ยินมาว่ามีการโยกย้ายทรัพย์สินจำนวนหนึ่งไปฝากเอาไว้กับพระผู้ใหญ่ที่สนิทชิดเชื้อกันดี และเป็นพระผู้ใหญ่ที่มีแผลเน่าในอยู่ด้วย เรียกว่า ไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่ หากพระเดชพระคุณอมทรัพย์ของกระผม กระผมก็จะลากไส้เน่าของพระเดชพระคุณออกมาประจาน
พุทธะอิสระจึงอยากจะบอกเจ้าหน้าที่ ป.ป.ป. ว่า อย่าหลงประเด็นตรวจค้นเพียงแค่หมู่ญาติของนาย... เท่านั้น แม้แต่พระผู้ใหญ่ที่นาย...ใกล้ชิดสนิทสนมด้วยก็ต้องตรวจค้น ไม่เช่นนั้นเงินทอนวัดที่เป็นภาษีของประชาชนก็จะถูกเสือเหลืองบางคนสมคบซุกซ่อน
หากรัฐบาล คสช. ต้องการจะพิสูจน์ความจริงใจในเรื่อง ปราบปรามการทุจริต ก็มิควรละเลยใครที่รู้เห็นเป็นใจในการทำชั่วให้ลอยนวล”
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี