ท่านผู้อ่านคงจะเคยหงุดหงิดกับข้อมูลข่าวสารในโลกออนไลน์ โดยเฉพาะการสร้างคอนเท้นท์ในลักษณะสร้างเรื่องหวือหวา ปั่นกระแส ปั่นแต่งเรื่องราว กระตุ้นอารมณ์ความรู้สึกของผู้คน ฯลฯ เพื่อเพิ่มยอดการไลค์ แชร์ ยอดการเข้ามามีส่วนร่วมในคอนเท้นท์นั้นๆ
บ่อยครั้ง มีเนื้อหาที่แปลก แหวกแนว แหกขนบธรรมเนียม หรือขัดศีลธรรมอันดี
รุนแรง ก้าวร้าว หยาบคาย หรือกระทั่งลามก ยั่วยวน
มีทั้งลบหลู่ดูหมิ่นความเชื่อศรัทธาของผู้อื่น
ด้อยค่าสถาบันสำคัญในสังคม เพื่อสร้างอารมณ์ร่วม เพื่อกระตุ้นยอดการมีส่วนร่วม
บ่อยครั้ง นำเสนอข้อมูลแบบผิดๆ เพี้ยนๆ โดยเจตนา เพื่อให้เกิดอารมณ์ร่วมหวือหวา โนสนโนแคร์
ช่วงหลัง มีกระทั่งสร้างสถานการณ์ขึ้นมาเอง ตัดต่อเสียง ภาพ เพื่อเกิดความตื่นตระหนก แตกตื่น แชร์กันไปเรื่อยๆ
เกิดอินฟลูฯ จำนวนมาก ที่มีผู้ติดตามมากมาย มีเงินทองมากมาย
รวยเร็ว รวยไว จากการทำคอนเท้นท์ในลักษณะเช่นนี้ ที่ไม่มีสาระเป็นประโยชน์แก่สังคมเลย
1. การกวาดล้างในเมืองจีน
คุณชาคริต Shakrit Chanrungsakul ได้เล่าถึงกรณีศึกษาในประเทศจีนระบุว่า
“..จีนเริ่มกวาดล้างออนไลน์เซเลบริตี้มาตั้งแต่เดือนธันวาคมที่ผ่านมา ถึงตอนนี้หลายพันคนไปแล้ว ...
หลายรายมีพฤติกรรม “สร้างเรื่องขึ้นมาให้เป็นไวรัล”
เช่น เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา มีเซเลบจีนคนนึงเป็นดีไซเนอร์ที่ไปเที่ยวปารีส แล้วมีคลิปที่เธอไปทานกาแฟที่คาเฟ่แห่งนึง พอรู้ว่าเป็นคนจีนเธอก็ได้รับสมุดการบ้านของเด็กป.1 ที่มาเที่ยวกับที่บ้านแล้วลืมไว้ที่คาเฟ่นี้ ในคลิปมีภาพที่ทางร้านมาถามว่าจะพอเอากลับไปให้เด็กเจ้าของสมุดนี้ได้มั้ย? เธอจึงถือเป็นภารกิจยิ่งใหญ่เอาสมุดการบ้านกลับมาคืนเด็กที่เมืองจีน ...
เซเลบคนนี้ใช้ Followers ของเธอที่มีอยู่ราว 30 ล้านคนให้เป็นประโยชน์ในการช่วยกันสร้าง Hashtags จนกลายเป็นแคมเปญในหลายแพลตฟอร์ม
หลายต่อหลายคลิปผ่านไป ตั้งแต่ปารีสกลับมาเมืองจีน และไปยังเมืองของเด็กคนนี้
เธอนำส่งสมุดการบ้านสำเร็จจากการช่วยกันป่าวประกาศของ Followers...
แต่เมื่อภารกิจสำเร็จแล้วก็มีบางคนไปแจ้งตำรวจให้สืบสวน ...
ตำรวจจีนพบว่าน่าสงสัยในการ Fabricated หรือปั้นแต่ง Content นี้ขึ้นมาเองเลยเรียกตัวไปสอบ ...
ไม่กี่วันหลังจากนั้น ก็ถูกปิดทุก Accounts ในทุกแพลตฟอร์มและทำโทษข้อหา Polluting หรือทำให้คนอื่นเข้าใจผิดจากข้อมูลเท็จที่สร้างขึ้นมาจากความต้องการให้คนจำนวนมากเข้าใจไปว่าเป็นเรื่องจริงและมี Reactions กับเธอเพื่อประโยชน์ของเธอเอง
เธอออกมาแถลงกับสื่อเพื่อขอโทษสังคมในการปั้นแต่งเรื่องนี้จนกลายเป็นเรื่องราวใหญ่โต และยอมรับผิดที่ทางการกล่าวโทษ
โดยระบุว่าเธอคิดแค่อยากได้ความสนใจจากโซเชียล โดยไม่ทันได้คิดถึงผลกระทบด้านลบจากการปั้นแต่งเรื่องขึ้นมาแบบนี้ ที่จะสร้างความสับสนให้กับสังคมได้ในระยะยาว
BBC รายงานว่าตั้งแต่เริ่มกวาดล้างในเดือนธันวาคม ทางการจีนจับไปแล้ว 1,600 ราย และตั้งคดีกับผู้มีส่วนร่วมไปเป็นหมื่น ...
ทั้งหมดถูกลบ Accounts ในทุกแพลตฟอร์ม
บางสังคมมองว่าเรื่องที่กุขึ้น, หรือ Stories เป็นสิ่งที่ปล่อยให้สังคมตัดสินใจกันเองด้วยสติปัญญาว่าจะเชื่อหรือไม่เชื่อแต่ละเรื่องที่เห็น เพราะเขามองว่าเป็นเอ็นเตอร์เทนแบบใหม่ ...
แต่สุดท้ายก็จะต้องมีเส้นแบ่งอยู่ดีว่า “แค่ไหนที่เรียกว่าพอดี และแค่ไหนที่เรียกว่าล้ำเส้นของความพอดีไปแล้ว” ซึ่งน่าจะไปถึงระดับนึงแล้วเกิดบางสิ่งขึ้นจนทำให้การตัดสินใจกลับไปอยู่กับการถกเถียงของสังคม ...
แน่นอนว่าจะไม่จบตรงนั้น เพราะมนุษย์ไม่มีวันคิดเหมือนกันไปหมด
เมื่อต่างคนต่างมี Opinions ของตัวเองกันทุกคนก็จะมีความวุ่น ๆ หน่อย ...จีนเลยใช้การจัดการอีกแบบ (เฉพาะในประเทศของตัวเอง)...”
2. ในเมืองไทย ปัญหาเฟคนิวส์ และการใช้สื่อโซเชียลสร้างเรื่องปั่นกระแส นับเป็นปัญหาใหญ่มากขึ้นทุกวัน
เรามีศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมฯ ที่มีคนเข้าไปรับรู้ข้อมูลจริงน้อยกว่าคนที่คอยแชร์ข่าวปลอมเป็นร้อยเท่าพันเท่า
ข่าวปลอมมีในทุกวงการ
ตั้งแต่ข่าวลือ ข่าวปั้นแต่ง ตีไข่ใส่สี
เรื่องราวในแวดวงเจ้านายชั้นสูง นำมาเล่าเป็นตุเป็นตะ โดยอ้างว่ารู้จักคนวงในแบบมโนเอาดื้อๆ ก็มี
เรื่องสุขภาพ สาธารณสุข การเงิน การเมือง ฯลฯ ในการปั้นแต่งคอนเท้นท์ด้วยข้อมูลไม่จริงมากมาย
คนหลงเชื่อ ก็ตัดสินใจในทางผิดๆ เกิดความเสียหาย ทั้งที่เป็นตัวเงินโดยตรง และในรูปผลกระทบทางสังคม
คำถาม คือ เมื่อไหร่เราจะมีการจัดการแบบเด็ดขาดกว่านี้บ้าง
3. น่าเศร้าใจมาก
อย่าว่าแต่ในโลกโซเชียล หรือโลกออนไลน์
แม้กระทั่งในแวดวงวิชาการ ระดับการทำวิทยานิพนธ์ปริญญาเอก สถาบันการศึกษาชั้นนำ อย่างจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ยังไม่สามารถจัดการกับปัญหากรณีวิทยานิพนธ์อื้อฉาว ที่กลายมาเป็นหนังสือฉาวโฉ่ได้เลย!
วิทยานิพนธ์นั้น โกหก บิดเบือน โจมตีให้ร้ายสถาบันพระมหากษัตริย์ และถูกใช้เป็นแหล่งอ้างอิงข้อมูลเพื่อนำไปปั่นหัวเยาวชนให้เกิดทัศนคติด้านลบ มุ่งโจมตีล้มล้าง
สถาบันต่อไป จนในที่สุด ก็มีเยาวชนติดคุกติดตะรางไปจำนวนมาก เพราะหลงเชื่อความเท็จที่นำมาอ้างอิงกันเป็นหนังสือที่ปั่นกระแสต่อว่าทำให้ตาสว่าง (แท้จริงแหกตา)
เคยนำเสนอไว้แล้วว่า ศ.ดร.ไชยันต์ ไชยพร ตีแผ่ข้อมูลที่ตรวจสอบพบการบิดเบือนมากมายหลายประเด็น อาทิ
1.การกล่าวว่า สมเด็จย่าทรงอยู่เบื้องหลังการทำรัฐประหาร https://www.facebook.com/chaiyan.chaiyaporn/posts/4754306784622195
2.การกล่าวว่า ในหลวงรัชกาลที่เก้าทรงทราบแผนการรัฐประหาร 2490 ล่วงหน้า 2 เดือน https://www.facebook.com/chaiyan.chaiyaporn/posts/4754320144620859
3.การกล่าวว่า กรมขุนชัยนาทนเรนทร ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ รับรองรัฐประหารอย่างแข็งขันและรวดเร็ว https://www.facebook.com/chaiyan.chaiyaporn/posts/4549205991798943และhttps://www.facebook.com/chaiyan.chaiyaporn/posts/4551549161564626
4. การกล่าวว่า กรมขุนชัยนาทฯ ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์รับรองรัฐประหารแต่เพียงผู้เดียว https://www.facebook.com/chaiyan.chaiyaporn/posts/4634878403231701
5. กรมขุนชัยนาทฯ ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์เข้าประทับเป็นประธานประชุมคณะรัฐมนตรีของ จอมพล ป. ในปี พ.ศ. 2493 https://www.facebook.com/chaiyan.chaiyaporn/posts/4062196647166549
6. กรมขุนชัยนาทฯผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ทรงไม่พอใจกับการขับไล่ควง อภัยวงศ์ ลงจากอำนาจ และค้านการแต่งตั้งจอมพล ป. เป็นนายกรัฐมนตรีแทน https://www.facebook.com/chaiyan.chaiyaporn/posts/4656286887757519และ https://www.facebook.com/chaiyan.chaiyaporn/posts/4112982145421332
7. กรมขุนชัยนาทนเรนทร ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ทรงมีความคิดที่จะกำจัด จอมพล ป. https://www.facebook.com/chaiyan.chaiyaporn/posts/4691508317568709
8. ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงมีพระราชประสงค์ที่จะตั้งให้พระองค์เจ้าธานี พระยาศรีธรรมาธิเบศ และหลวงสินาดโยธารักษ์เป็นนายกรัฐมนตรีแทนจอมพลป.
ในปี พ.ศ. 2494 รวมถึงการอ้างถึง หม่อมเจ้านักขัตรมงคลว่า ทรงมีบทบาทในการให้คำแนะนำในหลวงให้มีท่าทีไม่พอใจรัฐบาล https://www.facebook.com/chaiyan.chaiyaporn/posts/4523325177720358
9. แผนการเสด็จฯเยือนชนบทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 มีจุดประสงค์เพื่อท้าทายอำนาจรัฐบาลจอมพล ป. พิบูลสงคราม https://www.facebook.com/chaiyan.chaiyaporn/posts/4713470282039179
10. คำกล่าวอ้าง “ของพูนศุข พนมยงค์ ในหนังสือพิมพ์ Observer ปี 2500 เกี่ยวกับประเด็น “กรณีสวรรคตของในหลวงรัชกาลที่ 8” ที่ปรากฏในวิทยานิพนธ์ของณัฐพล ใจจริง และบทความของสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล https://m.facebook.com/100001287626532/posts/4629874763732065/
ทั้งหมดนี้ ศ.ดร.ไชยันต์ ไชยพร ได้ทำการตรวจสอบ โดยค้นคว้าไปถึงตัวเอกสารที่ถูกแอบอ้าง ก่อนจะชี้ชัดว่า มีการอ้างเท็จ อ้างมั่ว หรือตีความบิดเบือนอย่างไรบ้าง
4. อย่ารอจนถึงวันที่สังคมล่มสลาย เพราะอิ่มไปด้วยข้อมูลเท็จ ปั่นกระแส คุณภาพประชากรตกต่ำ
เห็นกงจักรเป็นดอกบัว
เห็นชั่วเป็นดี
ประเทศชาติมีแต่จะเสื่อมถอย หากประชาชนถูกมอมเมาด้วยคอนเท้นท์ขยะ ข้อมูลบิดเบือนปั่นกระแสให้คนหลงผิด
เร่งจัดการเด็ดขาด เอาจริงจัง โดยตระหนักรู้ว่านี่คือภัยคุกคามยุคใหม่
ทำสงครามกับมันเสียตั้งแต่วันนี้เถิด
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี