เบื้องต้น มีรายงานว่า นายกฯอุ๊งอิ๊งค์ จะไม่ลาออก ไม่ยุบสภา เดินหน้าปรับครม.แล้วบริหารประเทศต่อไป แม้กรณีคลิปเสียงซูเอี๋ยฮุนเซนจะฉาวโฉ่ไปทั่วโลกก็ตาม
น่าสนใจว่า หากเดินไปตามนี้จริง เส้นทางข้างหน้า จะต้องเผชิญกับสถานการณ์อย่างไรบ้าง?
1. การเมืองไทยหลังจากนี้ จะเป็นอย่างไร?
การตัดสินใจของผู้มีอำนาจเหนือพรรคเพื่อไทย มีราคาที่ต้องจ่าย
(1) เมื่อยอมรับกลไกเปลี่ยนผ่านการเมืองในระบบรัฐสภา ก็ต้องยอมรับการตรวจสอบตามรัฐธรรมนูญด้วย
(2) ปัญหานี้ เริ่มจากนายใหญ่ตีไพ่ปรับ ครม. เอาพรรคภูมิใจไทยออก
แต่จังหวะเหมาะเหม็ง ฝ่ายฮุนเซนปล่อยคลิปเสียงหลานอิ๊งค์กับอังเคิลฮุน เนื้อหาเหมือนเยี่ยวรดหัวใจคนไทยทั้งชาติ
ถ้าตัดสินใจแบกลูกนายใหญ่ในสภาพศพการเมืองเป็นนายกฯต่อไป ราคาที่ต้องจ่ายมหาศาลแน่นอน
(3) ลองคิดดู.. เสียงสนับสนุนจาก สส.ภูมิใจไทย หายไปแล้ว 69 เสียง
สภาพก็จะประมาณอิสราเอลไร้ไอรอนโดม ไร้เกราะป้องกัน
รัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ โงนเงนทันที
จะถูกฝ่ายค้านถล่มแหลกแน่นอน
ที่สำคัญ จะถูกรีดไถจากสส.ที่เหลือ เพราะเมื่อไม่มีพรรคภูมิใจไทยร่วม รัฐบาลก็ต้องพึ่งเสียงพรรคเล็กพรรคน้อยมากขึ้น อำนาจต่อรองของ สส.ในรัฐบาลสูงขึ้น
(4) ยิ่งกว่านั้น ถ้ารัฐบาลไม่สามารถรักษาเสียง รทสช.ไว้ไม่ได้ทั้ง 36 เสียง จะเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อยทันที
หมายความว่า ต้องยืมจมูกงูเห่าหายใจ
จะต้องใช้ผลประโยชน์เป็นเครื่องเซ่นต่ออายุรัฐบาลแบบรายชั่วโมง
จะตายวันตายพรุ่งไม่รู้
กฎหมายงบประมาณ กฎหมายการเงิน การอภิปรายไม่ไว้วางใจ เกิดขึ้นในสภาเมื่อไหร่ นั่นคือด่านมรณกรรม
น่าอนาถใจ.. ประเทศชาติจะเป็นอย่างไร?
อุตส่าห์ปรับครม. แต่รัฐบาลกลับไร้ทั้งเสถียรภาพ ไร้ประสิทธิภาพ
(5) การตรวจสอบและดำเนินคดีกับนายกฯอุ๊งอิ๊งค์เริ่มแล้ว
ทั้งคดีอาญา ทั้งการตรวจสอบตามรัฐธรรมนูญ
มีคนไปยื่นทั้งกกต. ป.ป.ช. ศาลรัฐธรรมนูญ
ร้องเอาผิด ทั้งฝ่าฝืนจริยธรรม และความผิดทางอาญา
การทำหน้าที่ของสว.สีน้ำเงิน ประสานกับเครือข่ายสีน้ำเงิน เหมือนขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียง ไฮเปอร์โซนิค สร้างความเสียหารุนแรง รวดเร็ว
(6) กระแสพลังทางสังคม พลังแผ่นดิน การชุมนุมของภาคประชาชน ประสานเสียงกดดันให้นายกฯหลานฮุนเซนลาออก
กระแสนี้ จะหนักขึ้นเรื่อยๆ ตามบริบทสังคมที่กรณีอื่นๆ เดินหน้าสร้างแรงส่งหนุนเนื่องกัน
คดีนายใหญ่ชั้น 14 กำลังจะออกผล
ยังมีอีกหลายคดีใน ป.ป.ช เช่น คดี ม.144 ครม.สส.-สว.ที่ร่วมเปลี่ยนแปลงงบประมาณ เพื่อนำไปแจกเงินหมื่น ฯลฯ
ระเบิดเวลาทั้งนั้น
(7) ทั้งหมด ถ้ารัฐบาลเสียงข้างน้อย หรือเสียงปริ่มน้ำ จะต้องแบกศพต่อไปอีก
คนแบกเสี่ยงจะกลายสภาพเป็นศพไปด้วย
ประเทศไทยก็จะกลายเป็นศพไปด้วย
น่าเสียดาย… มีโอกาส แทนที่จะปรับรัฐบาลให้มีประสิทธิภาพและมีเสถียรภาพ ได้ผู้นำที่พร้อมรับมือวิกฤตรอบด้านมากกว่านี้ ทั้งปัญหาเศรษฐกิจในประเทศ ผลกระทบภาษีสหรัฐ ภูมิรัฐศาสตร์โลก เขมรหอกข้างแคร่ ฯลฯ
แต่ประเทศไทยกลับจะได้รัฐบาลแบบที่เป็นภาระของชาติมาแทน
2. ล่าสุด นายสรวงศ์ เทียนทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า กรณีข่าวลือว่านายกรัฐมนตรีอาจลาออกหรือยุบสภาหลังงบประมาณรายจ่ายปี’69 ผ่านสภานั้น ยืนยันว่า ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด
“นายกฯได้ยืนยันกับพวกเราชัดเจนว่า จะเดินหน้าทำหน้าที่แก้ไขวิกฤตการณ์ต่างๆ ที่ประเทศกำลังเผชิญอย่างเต็มความสามารถ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาชายแดนไทย–กัมพูชา ซึ่งรัฐบาลกำลังดำเนินมาตรการตอบโต้ที่เข้มข้นขึ้น ทั้งในมิติการทูตและด้านความมั่นคง รวมถึงปัญหาวิกฤตภาษีทรัมป์... รัฐบาลยังมุ่งมั่นใช้ช่วงเวลาที่เหลืออยู่จนครบวาระการดำรงตำแหน่งของนายกรัฐมนตรี ในการผลักดันนโยบายที่วางไว้ให้เกิดผลลัพธ์อย่างเป็นรูปธรรม...” – เลขาธิการพรรคเพื่อไทยกล่าว
3. นายจุติ ไกรฤกษ์ และนายวิทยา แก้วภราดัย รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ยืนยันตรงกันว่า มติของ พรรค รทสช. คือ ขอให้เปลี่ยนตัวนายกฯ ถ้าไม่เปลี่ยน เราก็ต้องลาออก เพราะนายกฯ หมดคุณสมบัติแล้ว ถ้าเขาไม่ออก เราก็ต้องออก
นายชุมพล จุลใส หรือ “ลูกหมี” พร้อมด้วย นายวิชัย สุดสวาสดิ์, นายสันต์ แซ่ตั้ง, และนายสุพล จุลใส สส.ทั้ง 3 เขตของชุมพร ในนามพรรครวมไทยสร้างชาติ ร่วมกิจกรรมกับมวลชนเรือนหมื่นที่ชุมพร ประกาศจุดยืนกรณีคลิปเสียงสนทนา “แพทองธาร–ฮุนเซน” ที่มีเนื้อหาลดเกียรติแม่ทัพภาคที่ 2 และเอาใจผู้นำประเทศคู่พิพาท
“ลูกหมี” ประกาศว่า คนไทยได้ฟังคลิปนี้จะรู้สึกว่า ประเทศไทยเสียเกียรติภูมิอย่างมากที่มีผู้นำแบบนี้ จึงเรียกร้องให้แสดงความรับผิดชอบโดยการลาออก
“ถ้าเขาไม่ออก พวกเราก็จะออกเอง เพราะพวกเราจะไม่ทรยศต่อคะแนนเสียงที่ได้รับความไว้วางใจจากพี่น้องประชาชนชาวชุมพร” - อดีตสส.ลูกหมีกล่าว
4. พรรคภูมิใจไทย ชัดเจนอยู่ก่อนหน้านี้แล้ว ประกาศถอนตัวจากรัฐบาลอย่างเป็นทางการ ล่าสุด นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ยืนยันว่าเดินหน้าทำหน้าที่ฝ่ายค้าน เพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบรัฐบาลอย่างสร้างสรรค์
5. รัฐบาลเสี่ยงไปต่อไม่ได้
นายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา ได้ทำหนังสือถึงประธานกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่ง (ป.ป.ช.) หลังคณะสมาชิกวุฒิสภาเข้าชื่อกัน ขอให้ประธานวุฒิสภาส่งหนังสือกล่าวหานางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ต่อคณะกรรมการป.ป.ช. เพื่อไต่สวนและมีความเห็นว่าทุจริตต่อหน้าที่หรือจงใจปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อำนาจขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย และฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง
นอกจากนี้ ยังทำหนังสือถึงศาลรัฐธรรมนูญ ขอให้วินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรค 3 ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัว ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4)ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่
คดีที่ถูกร้องเข้าสู่ระบบตรวจสอบที่มีโอกาสสร้างผลกระทบเร็วที่สุด คือกรณีประธานวุฒิสภา ส่งคำร้องไปให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยแล้ว
หากศาลรัฐธรรมนูญรับไว้วินิจฉัย อาจมีคำสั่งให้นายกฯอุ๊งอิ๊งค์หยุดปฏิบัติหน้าที่ทันทีก็อาจเป็นไปได้ (สมัยอดีตนายกฯลุงตู่ก็เคยถูกสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ กรณีเรื่องที่ร้ายแรงน้อยกว่าคำร้องนี้เสียอีก)
หากนายกฯถูกสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ ก็ไม่อาจจะปรับ ครม.ได้ด้วย
คำร้องมีทั้งหมด 5 หน้า
สืบเนื่องจาก พล.อ.สวัสดิ์ ทัศนา สมาชิกวุฒิสภา(สว.) ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ(กมธ.)การทหาร ได้รวบรวมรายชื่อสว.เมื่อวันที่ 19 มิ.ย. ที่ผ่าน เพื่อถอดถอนนายกฯ
โดย พล.อ.สวัสดิ์ และ สว. ออกแถลงการณ์ “ขอเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีลาออกจากตำแหน่ง”
เนื้อหา ระบุว่า พฤติการณ์ของผู้นำรัฐบาล ที่แสดงออกถึงการด้อยความสามารถ ขาดภาวะผู้นำ เมื่อวันที่ 18 มิ.ย. น.ส.แพทองธารยอมรับว่าคลิปเสียงสนทนาเป็นของตนกับสมเด็จฮุนเซนจริง อันมีเนื้อหาพาดพิงแม่ทัพภาคที่ 2 ว่าเป็นคนฝ่ายตรงข้าม ด้อยค่า ไม่ให้เกียรติทหาร กองทัพที่ทำหน้าที่รักษาอธิปไตย อีกทั้งการสนทนาเป็นการยินยอม อ่อนข้อและอ่อนน้อม ให้อริราชศัตรูผู้รุกรานต่อแผ่นดินไทย แสดงท่าทีพร้อมตอบสนองความต้องการที่สมเด็จฮุนเซนเรียกร้อง
การกระทำของผู้นำรัฐบาลเช่นนี้ ทำให้ประเทศเสียหายอย่างใหญ่หลวง ประชาชนหมดความเชื่อถือศรัทธา ที่ผ่านมาพฤติการณ์ของผู้นำรัฐบาลส่อถึงความเป็นคนไม่รักชาติ (บ่งบอกความเป็นคนทรยศขายชาติ) บัดนี้ ความอดทนคนในชาติสิ้นสุดแล้ว จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น กมธ.ทหารและ สว. ขอเรียกร้องให้ น.ส.แพทองธารลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
กมธ.ทหารฯ ยังเห็นว่า การกระทำของ น.ส.แพทองธาร อาจเข้าข่ายฝ่าฝืนบทบัญญัติรัฐธรรมนูญหลายมาตรา ผิดประมวลกฎหมายอาญา หมวด 2 ความผิดต่อความมั่นคงของรัฐภายในราชอาณาจักร และหมวด 3 ความผิดต่อความมั่นคงของรัฐภายนอกราชอาณาจักร และเข้าข่ายไม่ซื่อสัตย์สุจริต ละเมิดจริยธรรมอย่างร้ายแรงของผู้ดำรงตำแหน่งนายกฯ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 160 ขาดคุณสมบัติผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
หลังจากนั้น จึงมี สว.เข้าชื่อกันหลายสิบคน เสนอประธานวุฒิสภา เพื่อส่งศาลรัฐธรรมนูญและ ป.ป.ช.ต่อไป
จับตาว่า หากศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ นายกฯก็ต้องหยุดทันที
เรื่องนี้ เป็นเรื่องคอขาดบาดตาย เกี่ยวข้องกับอธิปไตยและความมั่นคงของประเทศชาต
สันติสุข มะโรงศรี
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี