เมื่อวานนี้ (17 มิ.ย.2568) กองทัพบก เพิ่มความเข้มข้นในมาตรการควบคุมจุดผ่านแดนไทย-กัมพูชา จ.สระแก้ว เฉพาะในส่วนที่เกี่ยวกับบ่อนการพนันกาสิโน
โดยห้ามคนไทยที่เป็นพนักงานบ่อนการพนัน กาสิโน และสถานบันเทิงทุกชนิด ออกนอกราชอาณาจักรไทย ตั้งแต่ 08.00 น. ของวันที่ 17 มิ.ย.เป็นต้นไป
1. ก่อนหน้านี้ กองทัพบกได้ดำเนินมาตรการควบคุมการเปิด-ปิดจุดผ่านแดน ตามแนวชายแดนไทย–กัมพูชา (ไม่ใช่ปิดด่าน) ตั้งแต่ 7 มิ.ย.2568 ที่ผ่านมา
เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ด้านความมั่นคงในพื้นที่รับผิดชอบของกองกำลังบูรพา จ.สระแก้ว และพื้นที่รับผิดชอบของกองกำลังสุรนารี จ.บุรีรัมย์, สุรินทร์, ศรีสะเกษ และ จ.อุบลราชธานี
กองกำลังบูรพา ได้ห้ามนักท่องเที่ยว นักพนัน ข้ามแดนไปเล่นกาสิโนฝั่งปอยเปตมาตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย.
ล่าสุด กองกำลังบูรพาได้มีการปรับมาตรการจำกัดการผ่านแดนของจุดผ่านแดนถาวรและจุดผ่อนปรนเพื่อการค้าฯ ทุกจุดใน จ.สระแก้ว โดยไม่อนุญาตให้คนไทยที่เป็นพนักงานทุกประเภทของบ่อนการพนัน และกาสิโน รวมถึงสถานบันเทิงทุกชนิด ในกรุงปอยเปต กัมพูชา เดินทางออกจากราชอาณาจักรไทย เพื่อความปลอดภัยอย่างสูงสุดของประชาชนไทยและกัมพูชาในบริเวณแนวชายแดน
โดยพลตรีเบญจพล เดชาติวงศ์ ณ อยุธยา ผู้บัญชาการกองกำลังบูรพา ลงนามในหนังสือ เลขที่ กห. ๐๙๘๑.๒/ ๔๐๐ “ด่วนที่สุด”
เรื่อง มาตรการควบคุม จุดผ่านแดนถาวร/จุดผ่อนปรนเพื่อการค้าฯ ในพื้นที่ชายแดนจังหวัดสระแก้ว ถึงผู้กำกับการตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสระแก้ว
ดังข้อความว่า
“ตามอ้างถึง กองกำลังบูรพา ขอเพิ่มมาตรการควบคุมเพื่อรักษาความปลอดภัยสูงสุดของคนไทยที่จะข้ามแดนไปยังราชอาณาจักรกัมพูชา คือ เพิ่มความเข้มงวดอย่างยิ่งยวด คนไทยที่เป็นพนักงานทุกประเภทของบ่อนการพนัน/กาสิโน และสถานบันเทิงทุกชนิด ในกรุงปอยเปต ออกนอกราชอาณาจักรไทย ทุกจุดผ่านแดนในจังหวัดสระแก้ว
ทั้งนี้ ให้หน่วยที่รับผิดชอบในการผ่านแดนในพื้นที่จังหวัดสระแก้ว ไปยังราชอาณาจักรกัมพูชาบังคับใช้มาตรการดังกล่าว ตั้งแต่วันที่ 17 มิถุนายน 2568 ตั้งแต่เวลา 08.00 น. (วันทำการ) เป็นต้นไป จนกว่ากองกำลังบูรพา จะแจ้งเปลี่ยนแปลง”
2. เรียกว่า กองทัพบกไทยไม่ได้สนใจให้ราคากับการข่มขู่ของฮุนเซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา เอาเสียเลย
ฮุนเซนอุตส่าห์ออกมาข่มขู่ให้ไทยเปิดด่าน ยกเลิกมาตรการทั้งหมด มิฉะนั้น กัมพูชาจะห้ามไม่ให้ผลไม้และผักของไทยผ่านไปขายในกัมพูชา
ปรากฏว่า เมื่อวานนี้ ทางการไทยเริ่มบังคับใช้มาตรการของไทยเข้มข้น
พ.ต.อ.ณภัทรพงศ์ สุภาพร ผู้กำกับการตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสระแก้ว เปิดเผยว่า ตนได้รับคำสั่งจากกองกำลังบูรพา ให้กวดขันอย่างเข้มงวด คัดกรองไม่ให้คนไทยเดินทางข้ามแดนโดยไม่มีเหตุจำเป็น หลังรับคำสั่งดังกล่าวได้ระดมเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) พร้อมกับหน่วยกองกำลังบูรพา ตำรวจ ตชด. ลงพื้นที่ประชาสัมพันธ์ให้กับประชาชน เพื่อคัดกรองคนไทยที่ไม่มีเหตุจำเป็น ไม่ให้ข้ามแดนตามคำสั่งดังกล่าว โดยส่วนใหญ่เข้าใจและเดินทางกลับ
โดยมาตรการดังกล่าว เป็นมาตรการเพิ่มเติมที่คัดกรอง จากเมื่อหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมาในการห้ามกลุ่มนักพนันและเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ข้ามแดน กระทั่งวันนี้เพิ่มเติมคนไทยที่ไม่มีเหตุจำเป็น ไม่ให้ข้ามแดน
3. กาสิโนในกัมพูชา เกี่ยวข้องกับปัญหาความมั่นคงในประเทศไทยอย่างไร?
ปัจจุบัน กัมพูชามีกาสิโนประมาณ 150 แห่ง มากที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ปอยเปตเป็นเมืองชายแดนไทย-กัมพูชา ตั้งอยู่ติดกับอำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว
ในเมืองปอยเปตมีกาสิโนเป็นจำนวนมาก ส่วนใหญ่ก็มีนักท่องเที่ยวชาวไทยเป็นผู้ใช้บริการ
กาสิโนดังๆ ในฝั่งปอยเปต เช่น Poipet Casino Resort, Princess Crown Casino, Grand Diamond City, Star Vegas Casino, Holiday Palace
ปัจจุบัน บ่อนการพนันกาสิโนในกัมพูชา เปลี่ยนแปลงไปจากอดีต
นักการเมืองของกัมพูชาคนหนึ่งถึงกับกล่าวว่า กาสิโนที่ปอยเปตไม่มีผลประโยชน์ที่แท้จริงสำหรับประเทศชาติ หรือประชาชนชาวกัมพูชาทั่วไป เพราะแม้แต่คนที่อาศัยอยู่รอบๆ กาสิโนก็ยังเป็นคนยากจนอยู่
กาสิโนบางส่วนในกัมพูชา ได้วิวัฒนาการไปเป็นส่วนหนึ่งของขบวนการอาชญากรรมข้ามชาติ สแกมเมอร์ คอลเซ็นเตอร์ การฟอกเงิน ค้ามนุษย์ ฯลฯ
โดยที่ผู้มีอำนาจในกัมพูชา มีผลประโยชน์ร่วมกับบ่อนกาสิโนตามแนวชายแดน เป็นเครือข่ายทั้งที่เป็นทางการและไม่เป็นทางการ
ตั้งแต่นักการเมืองท้องถิ่น จนถึงนักการเมืองของประเทศกัมพูชา
โดยนักลงทุนซึ่งเป็นผู้มีอิทธิพลของฝ่ายกัมพูชา มักเข้ามา “ถือหุ้นลม” อาศัยความเป็นเจ้าของพื้นที่ ส่วนใหญ่จะเป็นผู้ที่มีอิทธิพลทางการเมืองในประเทศกัมพูชา ทั้งระดับท้องถิ่นและระดับชาติ
ตัวอย่างกรณีของ “กก อาน” เศรษฐีชาวกัมพูชาและที่ปรึกษาของฮุนเซน เคยมีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อสร้างกาสิโนปริ๊นเซส คราวน์ ในปอยเปตที่ละเมิดข้อตกลงเขตแดน จนกระทั่งถูกประท้วงจากทางการไทย จึงได้หยุดการก่อสร้างและนำดินที่ถมคลองกลับคืนไป
ตัวอย่างกรณีบ่อนกาสิโนเกาะกง ติดกับชายแดนไทย อำเภอคลองใหญ่ จังหวัดตราด เจ้าของกิจการ คือ “เสี่ยพัด” เป็นสมาชิกวุฒิสภากัมพูชา เป็นเจ้าของ บริษัท แอลวายพีกรุ๊ป (LYP Group) ทำหลายธุรกิจ
“เสี่ยพัด” ได้ชื่อว่าเป็น “กระเป๋าเงิน” ของ “ฮุนเซน”
ปัจจุบัน บ่อนกาสิโนส่วนใหญ่เป็นแหล่งฟอกเงินผลประโยชน์จากธุรกิจผิดกฎหมาย
มาตรการของกองทัพบกไทย จึงกระทบต่อกระเป๋าเงินของผู้มีอำนาจในกัมพูชา จนออกอาการอย่างที่เห็น
ยิ่งกว่านั้น ในรายงาน Policies and Patterns: State-Abetted Transnational Crime in Cambodia as a Global Security Threat (นโยบายและแบบแผน: อาชญากรรมข้ามชาติที่รัฐหนุนหลังในกัมพูชาในฐานะภัยคุกคามความมั่นคงระดับโลก) รายงานฉบับล่าสุดของ Humanity Research Consultancy ที่ได้รับทุนจากสหรัฐอเมริกา เปิดโปงว่า กัมพูชากำลังกลายเป็นศูนย์กลางของอุตสาหกรรมฉ้อโกงข้ามชาติที่ใหญ่ที่สุดในโลก
โดยมีแนวโน้มทำเงินสูงถึง 19,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี หรือราว 620,000 ล้านบาท!
ระบุว่า ปัจจุบันมีแรงงานมากกว่า 150,000 คน และรายได้จากอาชญากรรมข้ามชาตินี้สูงถึง 40% ของ GDP เขมร
ประการสำคัญ รายงานนี้ ยังระบุถึงขนาดว่า อะไรคือแรงผลักดันให้กัมพูชาเป็นอาณาจักรสแกมเมอร์ ?
เพจ Salaka ถอดความรายงานว่า
“1. รัฐคือเจ้าภาพแห่งอาชญากรรม : เครือข่ายหลอกลวงออนไลน์ของกัมพูชา ไม่ได้เติบโตจากมุมมืด หากแต่เติบโตในแสงไฟของอำนาจรัฐ โดยรัฐบาลออกใบอนุญาตกิจการหลอกลวงอย่างถูกกฎหมาย ผู้กระทำการหลอกลวงได้รับ การคุ้มครองจากตำรวจและทหาร ระบบยุติธรรม ถูกแทรกแซงไม่ให้มีการดำเนินคดีจริง และผู้นำพรรครัฐบาลจำนวนมาก เข้าไปถือหุ้นหรือมีผลประโยชน์ในธุรกิจอาชญากรรม
2. พลังทุน-พลังพรรคพวก คือฟันเฟืองหลัก
ทุนจีนสีเทา ตั้งแต่ปี 2013 ภายใต้โครงการ Belt & Road Initiative (BRI) ของจีน กัมพูชาได้รับเงินทุนมหาศาลเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ถนน สะพาน และอาคารต่างๆ แต่การลงทุนเหล่านี้กลายเป็น “ทุนจีนสีเทา” เพราะขาดความโปร่งใสและการตรวจสอบอย่างเข้มงวด หลายโครงการใช้บริษัทนอมินีและช่องทางลับเป็นฐานทางการเงินสำหรับกลุ่มทุนเถื่อนและอาชญากรรมไซเบอร์ และหลังวิกฤตโควิด-19 ที่ระบบเศรษฐกิจชะลอตัว กลุ่มทุนเหล่านี้กลับขยายอำนาจ ใช้โครงสร้างพื้นฐานที่สร้างไว้เป็นฐานปฏิบัติการฟอกเงินและหลอกลวงทางไซเบอร์
เครือข่ายอุปถัมภ์ รายงานพบการเชื่อมโยงกันของเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกัมพูชาถึง 28 ราย ที่ควบคุมกลไกรายได้จากการหลอกลวงมากถึง 64 ช่องทาง ตั้งแต่การหลอกลวงทางโทรศัพท์ การแอบอ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ และการฉ้อโกงรูปแบบต่างๆ ที่ใช้เทคโนโลยีไซเบอร์เข้ามาช่วย เช่น การฟิชชิ่ง (Phishing) ซึ่งเป็นวิธีการโจมตีทางไซเบอร์รูปแบบหนึ่งที่มิจฉาชีพพยายามหลอกลวงผู้ใช้โดยการปลอมแปลงตัวตน เช่น ส่งอีเมล ข้อความ หรือเว็บไซต์ปลอมที่ดูเหมือนเป็นขององค์กรหรือบุคคลที่น่าเชื่อถือ เช่น ธนาคาร บริษัทออนไลน์ หรือบริการต่างๆ เพื่อหลอกลวงเหยื่อทั้งในและนอกประเทศ ซึ่งเครือข่ายอุปถัมภ์นี้ไม่ใช่แค่เรื่องอาชญากรรมธรรมดา แต่เป็นระบบที่ฝังลึกในโครงสร้างอำนาจของกัมพูชา เป็นเครื่องมือสำคัญที่ขับเคลื่อน Scamtopia ให้ดำรงอยู่และขยายตัวอย่างรวดเร็วจนกลายเป็นภัยคุกคามระดับภูมิภาคและระดับโลก
ระบบการเงินใต้ดิน กลุ่ม Huione Group กลายเป็น “แบงก์เถื่อน” ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางในการรับฝากและโอนเงินที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจผิดกฎหมาย ทั้งการหลอกลวงทางไซเบอร์ (scamming), การฟอกเงิน, การค้าอาวุธผิดกฎหมาย และธุรกิจมืดอื่นๆ โดยใช้ระบบการเงินที่ไม่ผ่านธนาคารปกติ แต่ผ่านช่องทางที่ไม่มีการตรวจสอบอย่างเข้มงวดกลุ่มนี้ยังจัดตั้งเครือข่ายบริษัทลูกและพันธมิตรในหลายประเทศ เพื่อช่วยให้เงินผิดกฎหมายสามารถเคลื่อนย้ายข้ามประเทศได้ง่ายและรวดเร็ว ทำให้การปราบปรามจากภาครัฐและองค์กรระหว่างประเทศเป็นเรื่องยากลำบาก โดยคาดว่ามูลค่าการเงินที่หมุนเวียนผ่าน Huione Group สูงถึงกว่า 30,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ต่อปี หรือประมาณ 1 ล้านล้านบาท ซึ่งสะท้อนถึงขนาดของระบบเศรษฐกิจมืดที่ซ้อนอยู่ในกัมพูชา”
นั่นเท่ากับว่า กัมพูชากำลังเป็นภัยคุกคามต่อนานาประเทศ ด้วยการยินยอม สนับสนุน เป็นส่วนหนึ่ง หรือบงการใช้ เพื่อแสวงหาผลประโยชน์จากอาชญากรรมข้ามชาติที่มีฐานในกัมพูชา
จะเห็นว่า ทางการกัมพูชา ไม่เคยเอาจริงกับการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติเหล่านี้เลย
4. การที่กองทัพบกพุ่งเป้ากดดัน มีแผนจะตัดไฟฟ้า ตัดอินเตอร์เนต บ่อนกาสิโน กลุ่มอาชญากรรมข้ามชาติ สแกมเมอร์ คอลเซ็นเตอร์ในกัมพูชา จึงกระทบกล่องดวงใจของผู้มีอำนาจกัมพูชาเต็มๆ
ดร.ปิติ ศรีแสงนาม คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาฯ เสนอแนะว่า “...ตัดกระแสไฟฟ้า ตัดอินเตอร์เนต สำหรับกิจการที่ใช้ไฟฟ้าและอินเตอร์เนตจากไทยในปริมาณมากๆ เพราะส่วนใหญ่คือ กิจกรรมการพนันและ scam center, fraud factory ห้ามบุคคลที่จะเดินทางออกไปเล่นการพนันไม่ให้ข้ามพรมแดน (สังเกตจากคนพวกนี้จะมีนายหน้าของบ่อนดำเนินการเรื่อง border pass) เพราะบ่อนและ scam center เป็นท่อน้ำเลี้ยงของกลุ่มบุคคลที่เป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ ในขณะที่หากเป็นกิจกรรมปกติ ค้าขาย ข้ามแดนเพื่อท่องเที่ยว ทำงาน ให้อำนวยความสะดวกตามปกติ เพื่อไม่ให้ประชาชนเดือดร้อน รวมทั้งให้กองทัพและ ตชด. ลาดตระเวนให้พื้นที่ช่องทางธรรมชาติให้มีความถี่สูงขึ้น...”
เป็นการแก้ปัญหาความมั่นคงของไทยด้วย อย่างชัดเจน ตรงเป้า
สิ่งที่รัฐบาลอุ๊งอิ๊งค์ควรทำ คือ สนับสนุนกองทัพให้เดินหน้าสุดซอย
ควรต้องตามอายัดเส้นทางการเงินทุนเทาเขมร การโอนเงินแก๊งคอลเซ็นเตอร์ บ่อนออนไลน์ ค้ามนุษย์
พร้อมกับประกาศให้โลกรู้ว่า ไทยกำลังจัดการกับขบวนการอาชญากรรมข้ามชาติไม่ใช่รุกรานเพื่อนบ้านอย่างที่ผู้นำกัมพูชาโกหกเพื่อปกป้องอาชญากรรมข้ามชาติในประเทศตนเอง
ถ้ารัฐบาลอุ๊งอิ๊งค์ไม่ทำ ก็เป็นอย่างอื่นไม่ได้ นอกจากเป็นลิ่วล้อบริวารของฮุนเซนและพวก !
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี