วันที่ 12 มิ.ย. แพทยสภาจะยืนยันมติเดิม ที่ลงโทษ 3 หมอเอี่ยวกรณีทักษิณชั้น 14 หรือไม่?
วันที่ 13 มิ.ย.ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองนัดไต่สวน นัดพร้อม พิจารณาว่ามีการบังคับโทษตามหมายจำคุก คำพิพากษาของศาลฎีกาฯ กรณีนายทักษิณ ถูกต้องครบถ้วน หรือไม่?
วันที่ 14 มิ.ย. ตัวแทนฝ่ายไทยร่วมประชุม เจบีซี กับกัมพูชาที่พนมเปญ จะยืนหยัดผลประโยชน์แผ่นดิน เท่าทันเล่ห์เหลี่ยมกัมพูชา หรือไม่?
1. รศ.นพ.นิธิพัฒน์ เจียรกุล หนึ่งในกรรมการแพทยสภา ได้เปิดเผยว่า ก่อนวันทำหน้าที่พิจารณาว่าจะยืนยันมติแพทยสภาเดิมหรือไม่ ตนเองได้รับโนติสจากทนายความ ขู่จะฟ้องดำเนินคดี
รศ.นพ.นิธิพัฒน์ เล่าว่า
“คืนหมาหอน แยกกันเดินรวมกันตี
ในทางการเมืองคืนก่อนวันเลือกตั้ง จะมีการยิงกระสุนเงินกันแบบกราดปูพรม เพื่อสร้างกระแสครั้งสุดท้ายให้ผู้สมัคร
ในทางการทหารฝ่ายที่รู้ตัวว่าเป็นรอง อาศัยการทำสงครามแบบจรยุทธ์ แบ่งกำลังเป็นกลุ่มย่อยเข้าโจมตีศัตรูสะสมชัยชนะทีละเล็กละน้อย
เมื่อคืนผมอารมณ์ไม่ดี บอลชายไทยทั้งเล็กและใหญ่ล่องจุ๊นหมด ชุดเล็กอุ่นเครื่องพ่ายยูเออีคาบ้าน 1:2 ชุดใหญ่บุกไปเจ๊งเติร์กเมนิสถาน 3:1
เช้ามืด ตื่นมากินกาแฟ ดูข่าว และลงนามเอกสาร มีอีเอ็มเอสส่งด่วนมาสองซอง อารมณ์ยังบ่จอยดีนักแต่ก็ต้องแกะออกดู พบว่า เป็นโนติสจากสนง.ทนายความสองแห่งเนื้อความเช่นเดียวกับที่มีการเผยแพร่ทางสื่อโซเชียล
อ่านรวดเดียวจบ ให้ความรู้สึกว่านี่คือนิติสงครามเต็มรูปแบบต่อแพทย์ที่ยึดมั่นในหลักความถูกต้องชอบธรรมแห่งวิชาชีพ
นอกจากเป็นเสียงเห่าหอนก่อนวันดีเดือดแล้ว ยังมีการแยกข่มขู่ระบุจะเอาเรื่องคีย์แมนในสภาหมอ กระทั่งโยงยาวไปไกลถึงเรื่องอคติทางการเมือง
หลังรวบรวมสติเพ่งพิจารณา เรียบร้อยจึงก่อเกิดปีติ
ต้องขอบคุณเหล่าผู้หวังดีที่ช่วยชี้ช่องในมุมกลับ วิธีการสยบหมู่มารเหล่านี้ให้สนิท คือการคล้องเกี่ยววงแขนพวกเราเหล่าหมอให้มั่นด้วยมาตรฐานวิชาชีพ และเข้าร่วมประชุมแสดงพลังในวันพรุ่งนี้โดยพร้อมเพรียง เพื่อแสดงให้สังคมเห็นเป็นประจักษ์ว่า หมอไทยไม่เคยกลัวทุจริตชน
#เรื่องเล่าสภาหมอ
#แพทย์กับนิติสงคราม
#หมอไทยไม่เคยกลัวทุจริตชน
#ส่งกำลังใจให้แพทยสภา”
2. นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะสภานายกพิเศษ มีความเห็นวีโต้แพทยสภาทั้ง 3 กรณี
และในวันที่ 12 มิ.ย. ยืนยันจะเข้าร่วมประชุมแพทยสภากับเขาด้วย อ้างว่าเพื่อชี้แจงเพิ่มเติมว่าทำไมตนจึงวีโต้
นับว่า ขยันขันแข็งในการวีโต้มติแพทยสภาออกนอกหน้ามาก
3. สำหรับมติแพทยสภา ที่มีมติลงโทษแพทย์ที่เกี่ยวข้องกับการไปอยู่ชั้น 14 ของนายทักษิณนั้น สาระสำคัญที่น่าสนใจ คือ
(1) ลงโทษ ว่ากล่าวตักเตือนแพทย์หญิง ร. เรื่องมาตรฐานการประกอบวิชาชีพเวชกรรม
เป็นแพทย์ผู้ทําหน้าที่ตรวจร่างกายผู้ต้องขังแรกรับในเรือนจํา เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2566 มีการบันทึกผลเวชระเบียน ตรวจสอบเอกสารประวัติการรักษาของคนไข้ที่มีอยู่ก่อน โดยได้ประเมินและมีความเห็นว่ากรณีผู้ต้องขังรายนี้ควรติดตามการรักษาและต้องพบแพทย์เฉพาะทาง หลายสาขา ซึ่งเป็นสาขาเฉพาะทางที่ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ไม่มี จึงได้เขียนใบส่งตัวให้ผู้ป่วยไปรับการตรวจรักษาต่อเนื่องในโรงพยาบาลที่มีศักยภาพสูงกว่าในลักษณะผู้ป่วยนอก (OPD) โดยมีการให้คําปรึกษาทางโทรศัพท์กับพยาบาลเวรในช่วงเวลาดึกของวันเดียวกันเกี่ยวกับอาการป่วยของผู้ต้องขัง และได้อนุญาตให้ใช้ใบส่งตัวที่เขียนไว้ดังกล่าวเพื่อเป็นเอกสารประกอบการพิจารณาของผู้บัญชาการเรือนจําในการนําตัวผู้ต้องขังไปรักษาตัวนอกเรือนจํา และได้มีการนําตัวผู้ต้องขังคนดังกล่าวไปรักษาตัวนอกเรือนจําในเวลาต่อมา
คณะกรรมการแพทยสภาเห็นว่า ไม่ดําเนินการตามมาตรฐานการรักษาในกรณีดังกล่าวให้ถูกต้องครบถ้วน ผู้ถูกร้องควรให้ผู้มีหน้าที่ตรวจประเมินผู้ป่วยบันทึกข้อมูลความรุนแรงของโรคในภาวะวิกฤตและเป็นผู้ลงความเห็นในแบบฟอร์มดังกล่าวเองว่าสมควรรีบส่งตัวผู้ป่วยไปรักษาต่อนอกเรือนจํา
(2) ลงโทษ พักใช้ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรมของพลตำรวจโทนายแพทย์ ส.เป็นเวลาสามเดือน กรณีให้ข้อมูลหรือเอกสารทางการแพทย์อันไม่ตรงกับความเป็นจริง
เป็นนายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตํารวจ ได้ให้สัมภาษณ์ตอบคําถามของผู้สื่อข่าว ซึ่งมีการกล่าวถึงอาการป่วยของผู้ต้องขังป่วยซึ่งมารับการรักษาที่โรงพยาบาลตํารวจ จํานวน 2 ครั้ง กล่าวคือ การสัมภาษณ์ในวันที่ 23 สิงหาคม 2566 และในวันที่ 25 สิงหาคม 2566
คณะกรรมการแพทยสภาพิจารณาว่า การกระทําดังกล่าว เป็นการให้ข้อมูลทางการแพทย์ที่ไม่ครบถ้วนตามที่ปรากฏอยู่ในเวชระเบียน การให้สัมภาษณ์ดังกล่าวทําให้การเจ็บป่วยดูยังมีความรุนแรง การให้สัมภาษณ์นักข่าวในกรณีที่เป็นประเด็นใหญ่ทางสังคมนั้น ควรมีความระมัดระวังและไม่ให้ข้อมูลที่ไม่ครบถ้วน การกระทําของผู้ถูกร้องดังกล่าวถือเป็นความผิดร้ายแรงและเป็นจุดเริ่มต้นที่ทําให้สังคมเข้าใจว่าผู้ป่วยมีอาการฉุกเฉินรุนแรงจําเป็นต้องรับตัวไว้รักษาตัวในโรงพยาบาล เป็นการบิดเบือนความจริงไปจากที่บันทึกไว้ในเวชระเบียน ส่งผลทําให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรง
(3) ลงโทษ พักใช้ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรมของพลตำรวจโทนายแพทย์ ท.เป็นเวลาหกเดือน กรณีให้ข้อมูลหรือเอกสารทางการแพทย์อันไม่ตรงกับความเป็นจริง
ให้ข้อมูลทางการแพทย์ไม่ตรงกับความเป็นจริง ข้อเท็จจริงจากการสอบสวนรับฟังได้ว่า สาระของใบแสดงความเห็นแพทย์ ประกอบไปด้วยส่วนสําคัญ ได้แก่ อาการ การวินิจฉัย และความเห็นแพทย์
ในส่วนของความเห็นแพทย์ในใบแสดงความเห็นแพทย์เมื่อวันที่ 15 กันยายน 2566 ระบุว่า“การรักษายังไม่สิ้นสุด เพราะต้องรักษาแผลที่ ผ่าตัด ตรวจและวางแผนผ่าตัดโรคที่รายงาน จึง
จําเป็นต้องรักษาในโรงพยาบาล”และในใบแสดงความเห็น แพทย์เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2566 ระบุว่า“ต้องรับการผ่าตัดเร่งด่วน เพราะมีอาการปวดรุนแรง มือและแขน อ่อนแรง”
การแสดงความเห็นแพทย์ดังกล่าว คณะกรรมการแพทยสภาลงมติวินิจฉัยว่า เป็นการลงความเห็นที่ไม่ถูกต้อง และเห็นควรลงโทษพักใช้ใบอนุญาต 6 เดือน
เห็นว่า การให้ความเห็นแพทย์ทั้งสองครั้งดังกล่าว ไม่ถูกต้องเหมาะสม โดยเฉพาะใบแสดงความเห็นแพทย์เมื่อวันที่ 15 กันยายน 2566 ที่มีการระบุความเห็นว่า “จําเป็นต้องรักษาตัวในโรงพยาบาล”
เห็นว่า ผู้ป่วยไม่จําเป็นต้องรักษาตัวต่อเนื่องในโรงพยาบาล โดยรับฟังจากข้อมูลของกลุ่มอาการและโรคของผู้ป่วย ได้แก่
กลุ่มอาการและโรคทางอายุศาสตร์ เห็นว่าโรคและอาการ ทั้งหมดเป็นโรคเรื้อรัง ไม่ต้องพักรักษาในโรงพยาบาล ประกอบกับเวชระเบียนของพยาบาล (nurses notes) กับส่วนของบันทึกติดตามอาการของแพทย์ (progress note) 15 กันยายน 2566 ซึ่งเป็นวันที่ผู้ถูกร้องเขียนใบแสดงความเห็นแพทย์ ไม่พบการบันทึกภาวะหรือโรคใดๆ ทางอายุรศาสตร์ที่ต้องรักษาในโรงพยาบาล กลุ่มอาการและโรคทางประสาทศัลยศาสตร์ เห็นว่าผู้ถูกร้องไม่ได้ทําการผ่าตัด แต่ให้ใส่ปลอกคอประคับประคองไว้เท่านั้น แพทย์เจ้าของไข้ให้ถ้อยคําว่าปัญหาเรื่องกระดูกสันหลังไม่ใช่เรื่องภาวะฉุกเฉิน
กลุ่มอาการและโรคทางศัลยกรรมกระดูกและข้อ รับฟังว่า แพทย์ผู้ผ่าตัดอาการนิ้วล็อกให้ถ้อยคําว่า การอยู่ในโรงพยาบาลของผู้ป่วยไม่ใช่ปัญหาของด้านศัลยกรรมกระดูกและข้อ บันทึกติดตามอาการของแพทย์ในวันที่ 15 กันยายน 2566 (ห้าวันหลังจากวันผ่าตัดและเป็นวันเดียวกันกับวันที่เขียนใบให้ความเห็นแพทย์) ก็ไม่พบ ภาวะแทรกซ้อนใดๆ ทางศัลยกรรมกระดูกและข้อ เปรียบเทียบกับผู้ป่วยซึ่งเป็นผู้ต้องขังซึ่งมารับบริการในโรงพยาบาลตํารวจแบบผู้ป่วยใน ซึ่งได้รับการรักษาบริเวณนิ้วคล้ายกับผู้ป่วยก็พักรักษาในโรงพยาบาลตํารวจเพียงสองวัน ประกอบกับการให้ความเห็นของราชวิทยาลัยแพทย์ออร์โธปิดิกส์แห่งประเทศไทยว่า โดยปกติการผ่าตัดนิ้วล็อกไม่ต้องนอนโรงพยาบาลและไม่ต้องได้รับการผ่าตัดเร่งด่วน
และในส่วนใบแสดงความเห็น แพทย์เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2566 ที่มีการระบุความเห็นแพทย์ไว้ว่า “ต้องรับการผ่าตัดเร่งด่วน เพราะมี อาการปวดรุนแรง มือและแขนอ่อนแรง” วินิจฉัยว่าเป็นการลงความเห็นที่ไม่ถูกต้องเช่นกัน โดยพิจารณาจาก ความเป็นของราชวิทยาลัยแพทย์ออร์โธปิดิกส์แห่งประเทศไทยที่ระบุว่า จากข้อมูลที่ได้มาไม่มีประวัติอาการ ปวดไหล่ขวามาก่อน ต่อมาได้ข้อมูลจากการวินิจฉัยเอ็นหัวไหล่ข้างขวาฉีกขาดจากการตรวจร่างกายและผล ตรวจคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็น rotator cuff tear ซึ่งหากเป็นภาวะที่เกิดขึ้นเฉียบพลันทางออร์โธปิดิกส์จะจัดว่าไม่ใช่ภาวะเร่งด่วน ซึ่งหากเป็นไปได้ควรทําการผ่าตัดโดยเร็ว แต่ไม่ควรทิ้งไว้เกิน 3 - 6 สัปดาห์ และหากพิจารณารักษาโดยการผ่าตัดจําเป็นต้อง
รักษาตัวในโรงพยาบาลหลังการผ่าตัด
มีความเห็นโดยสรุปว่า การออกใบแสดงความเห็นแพทย์ของผู้ถูกร้องทั้งสองใบถือว่ามีข้อมูลทางการแพทย์ ไม่ตรงกับความเป็นจริง รวมทั้งผู้ถูกร้องเป็นประสาทศัลยแพทย์ ไม่ใช่ผู้มีความรู้ความชํานาญทางศัลยกรรมกระดูกและข้อ ซึ่งเป็นโรคที่ได้รับการผ่าตัดในผู้ป่วยรายนี้จึงไม่ควรลงความเห็นแทนแพทย์ ศัลยกรรมกระดูกและข้อ โดยควรให้แพทย์เจ้าของไข้หรือแพทย์ผู้ผ่าตัดเป็นผู้ลงความเห็น
นอกจากนี้ ผู้ถูกร้องย่อมทราบว่าความเห็นแพทย์ทั้งสองฉบับดังกล่าว เป็นความเห็นแพทย์ที่จะถูกนําไปใช้ประกอบการขอความเห็นชอบสําหรับกรณีผู้ต้องขังต้องพักรักษาตัวนอกเรือนจํานานเกินกว่า 30 วัน และ 60 วันตามลําดับ ผู้ถูกร้องควรระบุความเห็นให้ชัดเจนว่าผู้ป่วยควรพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลเป็นระยะเวลาเท่าใด และเหตุผลที่ชัดเจนในการต้องพักรักษาตัว เป็นการให้ข้อมูลหรือเอกสารทางการแพทย์อันไม่ตรง กับความเป็นจริง มีพิรุธ ทําให้ผู้ป่วยที่เป็นนักโทษสามารถพักรักษาตัวในโรงพยาบาลนอกเรือนจํานานเกินกว่าที่ควรจําเป็น อาจทําให้ผู้หนึ่งผู้ใดได้ประโยชน์โดยมิชอบ เป็นการเลือกปฏิบัติ ส่งผลกระทบต่อสังคมและความเชื่อมั่นต่อวงการแพทย์อย่างชัดเจน
4. ส่วนในวันที่ 13 มิ.ย. วันสำคัญของชะตากรรมทักษิณ แต่น่าจะยังไม่จบในวันดังกล่าว
ประเด็นหลัก ของการพิจารณา คือ การดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการบังคับโทษจำคุกแก่นายทักษิณ ชินวัตร เป็นไปตามหมายจำคุกเมื่อคดีถึงที่สุดหรือไม่ อย่างไร?
นายทักษิณเป็นจำเลยในคดีหมายเลขแดงที่ อม4/2551, คดีหมายเลขแดงที่ อม.10 /2552,คดีหมายเลขแดงที่ อม.5/2551 ต้องโทษจำคุก
ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ได้ตั้งองค์คณะไต่สวนการบังคับโทษจำคุกของนายทักษิณ ที่ได้ออกจากคุกไปอยู่ชั้น 14 รพ.ตำรวจ โดยไม่ได้นอนในเรือนจำเลยแม้แต่คืนเดียวจนกระทั่งถูกปล่อยตัว
ล่าสุด นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความเเละผู้รับมอบอำนาจนายทักษิณ ยืนยันว่า ในวันที่ 13 มิ.ย.นี้ ตนเเละทีมทนายความก็จะเดินทางไปศาลฎีกา แต่ว่านายทักษิณจะไม่ไปในวันดังกล่าว
“เราเตรียมชี้เเจงในส่วนที่เกี่ยวข้องในฐานะผู้ต้องปฏิบัติตามระเบียบและกฎหมายในขณะต้องรับโทษตามความเป็นจริง ต้องดูว่าภายหลังจากศาลได้รับข้อมูลจากหน่วยงานต่างๆเเล้ว ศาลจะมีการดำเนินกระบวนพิจารณาอย่างไร หรือมีประเด็นอะไรเพิ่มหรือไม่ ซึ่งผมเป็นทั้งทนายความเเละในฐานะผู้รับมอบอำนาจสามารถกระทำการเเทนตัวการได้ ในที่กฎหมายให้กระทำการแทนได้.. ก่อนหน้านี้ได้ยื่นขอศาลฎีกาฯ ขอขยายเวลาส่งเอกสารไต่สวนไป 30 วัน โดยศาลฎีกาฯอนุญาตถึงวันที่ 23 มิ.ย.” – ทนายวิญญัติกล่าว
เท่ากับว่า ตัวทักษิณจะไม่ไปศาลในวันที่ 13 มิ.ย. แถมขอขยายเวลาส่งเอกสารชี้แจงต่อศาลไปถึงวันที่ 23 มิ.ย.
น่าสนใจว่า อัยการสูงสุด (อสส.) และ ป.ป.ช. ในฐานะโจทก์ ได้ส่งคำชี้แจงต่อศาลแล้วหรือไม่ อย่างไร
ในส่วนของอัยการ คาดว่า ไม่น่าจะมีคำชี้แจงอะไรเกี่ยวกับการบังคับโทษทักษิณ
แต่ในส่วนของ ป.ป.ช. น่าจะมีเนื้อหาสำคัญ เพราะ ป.ป.ช.ไต่สวนข้าราชการถูกกล่าวหาว่าเอื้อประโยชน์แก่ทักษิณโดยมิชอบ กรณีชั้น 14 แถมได้สอบปากคำพยาน รวบหลักฐานไปบ้างแล้ว ย่อมจะต้องแจ้งต่อศาลว่าเรื่องนี้มีมูลเบื้องต้นแค่ไหน อย่างไร และมีเอกสารหลักฐานอะไรที่เป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาบ้าง เช่น มติแพทยสภา รายงานผลสอบสวนของอนุแพทยสภา ฯลฯ
นอกจากนี้ ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร อธิบดีกรมราชทัณฑ์ และนายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ จะได้ชี้แจงอย่างไรบ้าง? ซึ่งก็คงยืนยันว่าดำเนินการตามกฎหมายอย่างไร?
การพิจารณาในวันที่ 13 มิ.ย. ถึงขึ้นกับดุลพินิจขององค์คณะผู้พิพากษา จะมีคำสั่งอะไรออกมาหรือไม่ อย่างไร เช่น จะเรียกข้อมูลหลักฐานพยานเพิ่มเติมหรือไม่? จะไต่สวนใครอย่างไร?
หรือจะเห็นว่าได้รับข้อมูลข้อเท็จจริงเพียงพอแก่การออกคำสั่งชี้ขาดแล้วเมื่อใด?
สุดท้าย... ทักษิณจะต้องกลับเข้าคุกหรือไม่? อยู่ที่คำสั่งชี้ขาดของศาลฎีกาฯ
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี