สังคมเรียกร้องเป็นวงกว้างว่า นายกฯ หลานฮุนเซน จะแสดงความรับผิดชอบอย่างไร ต่อเนื้อหาการพูดคุยกับฮุนเซนในคลิปเสียง
จะขอโทษประชาชน จะลาออก หรือจะยุบสภา ?
เมื่อวานนี้ (19 มิ.ย.2568) นายกฯ แพทองธาร ชินวัตร แถลงต่อสื่อมวลชนที่ทำเนียบรัฐบาล กล่าวขออภัยต่อประชาชน
ไม่มีการพูดถึงการลาออก หรือยุบสภาใดๆ
นายกฯอุ๊งอิ๊งค์อ้างว่า “วันนี้ เราต้องร่วมมือกันเพื่อที่จะผนึกกําลังเอาไว้ คนไทยทุกๆ คนก็ต้องผนึกกําลังเอาไว้เช่นกัน เพราะว่าวันนี้ทุกภาคส่วนได้สรุปไว้ว่ามันเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของชาติ ไม่ใช่ภัยคุกคามเล็กๆ ของประชาชน หรือว่าที่จะมาพูดถึงเรื่องว่า รัฐบาลกับกองทัพต้องมาสู้กัน... วันนี้เราไม่มีเวลาที่จะมาทะเลาะกันเองแบบนี้ค่ะ เราต้องปกป้องอธิปไตยของเราไว้ และนี่คือสิ่งที่เห็นตรงกันแล้วก็ยินดีที่จะซัพพอร์ตรัฐบาล ยินดีที่จะซัพพอร์ตกองทัพทุกรูปแบบนะคะ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการสนับสนุนใดๆ ก็ตามที่ทางกองทัพต้องการ อันนี้คือสิ่งที่เราตั้งใจว่าจะทําร่วมกันค่ะ
...สิ่งที่เกิดขึ้น ดิฉันก็ต้องขออภัยในความที่ไม่ทราบจริงๆ ว่ามีการอัดคลิปแบบนี้เกิดขึ้นนะคะ เพราะฉะนั้น เรื่องนี้เองเนี่ย ดิฉันรับทราบดี แล้วก็ต่อจากนี้ค่ะ ก็จะระวังนะคะในเรื่องของการพูดคุยให้มากขึ้นค่ะ และแน่นอนว่าทางกองทัพที่เราคุยกันเนี่ยเรามั่นใจอย่างนึงว่าถ้าเรารวมกันเป็นหนึ่ง ถ้าเราสามัคคีกันเนี่ย เราจะสามารถผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปด้วยกันอย่างแข็งแรงได้ค่ะ ขอบคุณค่ะ” - นายกฯ อุ๊งอิ๊งค์กล่าว
1. สรุปว่า นายกฯหลานฮุนเซนกำลังโทษคลิปหลุด โทษฮุนเซนที่อัดคลิป-ปล่อยคลิป
พร้อมแสดงความรับผิดชอบด้วยการขออภัย และทำงานร่วมกับกองทัพต่อไป
ไม่พูดถึงการลาออก หรือยุบสภา ซึ่งเป็นแนวทางตามวิถีระบอบประชาธิปไตย
พร้อมกับอ้าง “ภัยต่อความมั่นคงของชาติ”
คำถามสำคัญ คือ อะไรเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ... ตัวคลิปหลุด หรือตัวนายกฯหลานฮุนเซน?
2. คลิปหลุด หรือตัวนายกฯ? ใคร คือภัยต่อความมั่นคงของประเทศชาติ?
พรรคเพื่อไทย พยายามจะสื่อสารทำนองว่า นายกฯอุ๊งอิ๊งค์เจตนาดี ตั้งใจจะเจรจาเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติ แค่พลาดโดนอัดคลิป
อ้างว่า เป็นเทคนิคการเจรจาหลังไมค์ จึงพูดว่า “อยากได้อะไรจะจัดการให้” –“ขอลุงเห็นใจว่าโดนคนไทยไล่เป็นไปเป็นนายกฯเขมรแล้ว” - “ไม่อยากให้อังเคิลไปฟังคนที่เป็นฝั่งตรงข้ามกับเรา อย่างแม่ทัพภาค 2 เป็นคนฝั่งตรงข้ามหมดเลย” ฯลฯ
คำกล่าวอ้างเช่นนี้ คือ นิยายหลอกเด็ก
ในความเป็นจริง ไม่ใช่แค่ “คำพูด” ที่สื่อว่านายกฯหลานฮุนเซนเกี๊ยะเซียะผลประโยชน์กันอย่างไร แต่ตัวเป้าหมายที่จะดำเนินการในบทสนทนานั้น มันยืนยันว่า เป็นผลลัพธ์ที่ฝ่ายฮุนเซนต้องการ โดยทำลายอำนาจต่อรอง ผลประโยชน์ และเป้าหมายของฝ่ายความมั่นคงประเทศไทยเราอย่างสิ้นเชิง
ลองคิดดู... ถ้านายกฯอุ๊งอิ๊งค์สั่งให้ทหารไทยยุติการควบคุมด่าน หรือกดดันกาสิโน-สแกมเมอร์ ในเขมร เพื่อแลกกับฮุนเซนเปิดด่าน เลิกห้ามผักผลไม้ไทยเข้าเขมร !!!
ถามว่า แล้วที่ฝ่ายฮุนเซนโจมตีให้ร้ายประเทศไทยเราด้วยความเท็จทุกวัน โกหกว่าทหารเขมรอยู่ตรงที่ขุดคูเลตมาตั้งแต่ก่อนปี’43 โกหกว่าฝ่ายไทยยิงก่อน ฝ่ายไทยรุกราน ระดมเอาทหารมาประชิดชายแดน ขู่ว่าจะเป็นกาซ่า ปั่นให้แรงงานเขมรกลับบ้าน ถึงขนาดยื่นฟ้องศาลโลกจะเอาดินแดนไทย 4 จุด ไม่เอาเข้าที่ประชุม JBC ฯลฯ
อย่าลืมว่า มาตรการควบคุมด่านของฝ่ายไทย ก็เพื่อตอบโต้จากพฤติกรรมพวกนี้เพื่อกดดันให้เขมรต้องกลับมาที่ทวิภาคี
แล้วอยู่ๆ นายกฯหลานฮุนเซน จะให้ฝ่ายทหารไทยหันมาสนองความต้องการลุงฮุนเซน แถมตราหน้าแม่ทัพภาค 2 เป็นฝ่ายตรงข้ามเรา แล้วนัดแนะลุงหลานแถลงเปิดด่านพร้อมกันเพื่อรักษาหน้าให้หลานอิ๊งค์ด้วยนะ โดยที่ฝ่ายฮุนเซนยังไม่ยุติพฤติกรรมคุกคามฝ่ายไทยเราทั้งหลาย ไม่กลับมาสู่ทวิภาคีตามผลลัพธ์ที่ฝ่ายไทยเราต้องการเลย
ทั้งหมด มันชัดเจน ทั้งใน “การกระทำ” - “ผลลัพธ์ที่มุ่งหวัง” และ “คำพูด” ว่าเป็นผลประโยชน์ของฝ่ายใด
ไม่ใช่มีแค่คำพูดที่ว่า แม่ทัพภาคที่สองเป็นคนของฝ่ายตรงข้าม
ส่วนที่นายกฯ อุ๊งอิ๊งค์ตำหนิฮุนเซน ว่าทำทั้งหมดเพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองของตนเอง สร้างกระแสในประเทศ เพื่อแก้ปัญหาความนิยมตกต่ำ ก็ไม่ใช่เครื่องยืนยันว่า นายกฯหลานฮุนเซนไม่ได้ยืนอยู่ฝ่ายเดียวกับฮุนเซนแล้ว
เป็นเพียงการแสดงออกถึงความรู้ความเข้าใจที่สังคมข่าวสารในเมืองไทยต่างรู้เช่นเห็นชาติ “ระบอบฮุนเซน”มาตั้งนานแล้ว
3. พลเอกพนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบกระบุว่า ขอให้คนไทยได้เชื่อมั่นในกองทัพบก ที่มีจุดยืนในการยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และพร้อมทำหน้าที่ปกป้องอธิปไตยของชาติอย่างสุดความสามารถ ภายใต้กลไกที่มีอยู่ สิ่งที่สำคัญที่สุดในห้วงเวลานี้คือ “คนไทยต้องสามัคคี” ร่วมกันปกป้องอธิปไตยจากผู้ไม่หวังดี โดยยึดถือผลประโยชน์ของชาติเป็นสำคัญ
แนวคิดนี้ ถูกต้องที่สุด
ยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
แต่อย่าลืมว่า ฝ่ายการเมือง ต้องรับผิดชอบตามกลไกระบอบประชาธิปไตยด้วยเช่นกัน
การลาออก หรือการยุบสภา ก็ล้วนเป็นการรับผิดชอบตามกลไกลระบอบประชาธิปไตยด้วยเช่นกัน
ตรงกันข้าม หากการเมืองหน้าด้าน สิงอำนาจเพื่อเป็นมือไม้แก่รัฐคู่พิพาทที่หวังฮุบอธิปไตยของชาติ โดยไม่แสดงความรับผิดชอบทางการเมือง นั่นกลับเป็นการทำลายกลไกตามระบอบประชาธิปไตยเสียเอง
4. แจ้งจับนายกฯ
นายสมชาย แสวงการ อดีตสมาชิกวุฒิสภา พร้อมด้วย นายนิติธร ล้ำเหลือ หรือ ทนายนกเขา และนายคมสัน โพธิ์คง นักวิชาการกฎหมาย เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน ณ ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง
แจ้งความดำเนินคดีกับ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในความผิดตามกฎหมายอาญา มาตรา 119, 120, 122, 128 และ 129
นายสมชาย กล่าวว่า ในฐานะประชาชนที่ทำหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ จึงเป็นตัวแทนมายื่นร้องทุกข์กล่าวโทษดำเนินคดีอาญา กับ น.ส.แพทองธาร ตามคลิปเสียงที่ปรากฏขึ้น แม้จะอ้างว่าเป็นเทคนิคการเจรจา ก็ฟังไม่ขึ้น เพราะเนื้อหาที่พูดกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ เข้าข่ายความผิดอาญาหมวด 3 ความผิดต่อความมั่นคงของรัฐภายนอกราชอาณาจักร มาตรา 120 ถึง 128 ด้วยพฤติกรรมล่อแหลม ส่งผลทําให้ประเทศชาติเสียหาย เป็นความผิดร้ายแรง จึงอยากให้ตำรวจดำเนินการตามกฎหมาย โดยนำคลิปเสียงดังกล่าวมามอบให้ประกอบการพิจารณา ส่วนความผิดอื่นต้องไปยื่น ป.ป.ช.
“เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นความผิดส่วนตัวของ น.ส.แพทองธาร ซึ่งต้องรับผิดชอบด้วยการลาออกจากตำแหน่ง หากไม่ลาออก ปัญหาจะบานปลาย เพราะเป็นเรื่องร้ายแรงมาก ขณะที่พรรคร่วมรัฐบาลเองก็ต้องถอนตัว ทั้งนี้ ปัญหาที่เกิดขึ้นไม่อยากให้หลงประเด็นว่าต้องยุบสภา เพราะไม่ใช่ความผิดของ สส. และ พรรคฝ่ายค้านเองก็อย่าอาศัยจังหวะนี้หาประโยชน์ทางการเมือง เพราะการยุบสภาจะทำให้เกิดความวุ่นวายมากขึ้น.. เราก็ไม่สามารถที่จะยอมให้นายกฯทำหน้าที่ต่อไปได้ เพราะไม่รู้ว่าประเทศจะได้รับผลกระทบอะไรเพิ่มขึ้นอีกบ้าง และยังไม่รู้ว่าจะมีคลิปเสียงอะไรที่มีการพูดคุยตกลงกันโผล่ขึ้นมาอีกบ้าง ดังนั้นตัวนายกรัฐมนตรีจึงต้องเปลี่ยน จะเป็นใครก็ว่าไป แล้วจัดตั้งคณะรัฐบาลใหม่ บ้านเมืองถึงจะเดินต่อไปได้” - ” – นายสมชายกล่าว
ทั้งนี้ ประมวลกฎหมายอาญา หมวด ๓ ความผิดต่อความมั่นคงของรัฐภายนอกราชอาณาจักร บัญญัติว่า
มาตรา ๑๑๙ ผู้ใดกระทำการใดๆ เพื่อให้ราชอาณาจักรหรือส่วนหนึ่งส่วนใดของราชอาณาจักรตกไปอยู่ใต้อำนาจอธิปไตยของรัฐต่างประเทศ หรือเพื่อให้เอกราชของรัฐเสื่อมเสียไป ต้องระวางโทษประหารชีวิต หรือจำคุกตลอดชีวิต
มาตรา ๑๒๐ ผู้ใดคบคิดกับบุคคลซึ่งกระทำการเพื่อประโยชน์ของรัฐต่างประเทศด้วยความประสงค์ที่จะก่อให้เกิดการดำเนินการรบต่อรัฐ หรือในทางอื่นที่เป็นปรปักษ์ต่อรัฐ ต้องระวางโทษจำคุกตลอดชีวิต หรือจำคุกตั้งแต่สิบปีถึงยี่สิบปี
มาตรา ๑๒๒ ผู้ใดกระทำการใดๆ เพื่ออุปการะแก่การดำเนินการรบหรือการตระเตรียมการรบของข้าศึก ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงสิบห้าปี
ถ้าการอุปการะนั้นเป็นการ
(๑) ทำให้ป้อม ค่าย สนามบิน ยานรบ ยานพาหนะ ทางคมนาคม สิ่งที่ใช้ในการสื่อสาร ยุทธภัณฑ์ เสบียงอาหาร อู่เรือ อาคาร หรือสิ่งอื่นใดสำหรับใช้เพื่อการสงครามใช้การไม่ได้หรือตกไปอยู่ในเงื้อมมือของข้าศึก
(๒) ยุยงทหารให้ละเลยไม่กระทำการตามหน้าที่ ก่อการกำเริบ หนีราชการหรือละเมิดวินัย
(๓) กระทำจารกรรม นำหรือแนะทางให้ข้าศึก หรือ
(๔) กระทำโดยประการอื่นใดให้ข้าศึกได้เปรียบในการรบ
ผู้กระทำต้องระวางโทษประหารชีวิต หรือจำคุกตลอดชีวิต
มาตรา ๑๒๓ ผู้ใดกระทำการใดๆ เพื่อให้ได้มาซึ่งข้อความ เอกสารหรือสิ่งใดๆ อันปกปิดไว้เป็นความลับสำหรับความปลอดภัยของประเทศ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสิบปี
มาตรา ๑๒๖ ผู้ใดได้รับมอบหมายจากรัฐบาลให้กระทำกิจการของรัฐกับรัฐบาลต่างประเทศ ถ้าและโดยทุจริตไม่ปฏิบัติการตามที่ได้รับมอบหมาย ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี
มาตรา ๑๒๘ ผู้ใดตระเตรียมการ หรือพยายามกระทำความผิดใดๆ ในหมวดนี้ ต้องระวางโทษตามที่บัญญัติไว้สำหรับความผิดนั้น
มาตรา ๑๒๙ ผู้ใดเป็นผู้สนับสนุนในการกระทำความผิดใดๆ ในหมวดนี้ ต้องระวางโทษเช่นเดียวกับตัวการในความผิดนั้น
5. ไส้ศึก หรือเกลือเป็นหนอน หรือ สายลับอิทธิพล Agent of Influence
ภัยต่อความมั่นคงของชาติตัวฉกาจในอดีต เช่น ไส้ศึก หรือเกลือเป็นหนอน หรือจารชน
นายภุมรัตน ทักษาดิพงศ์ อดีตผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ เคยเขียนไว้ในหนังสือเรื่อง “ไล่ล่าจารชน“ ระบุว่า
“หลังๆ นี้ ประเทศคู่ความไม่จำเป็นต้องสร้างจารชน (secret agents) แล้ว
เพราะน่าจะมีสายลับอิทธิพล (Agent of Influence) ซึ่งอาจจะเป็นคนมีตำแหน่งใหญ่โต เป็นผู้มีอิทธิพลในการกำหนดนโยบายที่แอบไปตกลงแลกผลประโยชน์ โดยที่ประชาชนไม่รู้ก็ได้”
หมายความว่า สายลับอิทธิพล (Agent of Influence) บางคนอาจเป็นรัฐมนตรี หรือข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ที่มีอิทธิพลในการกำหนดเปลี่ยนแปลงนโยบายที่อาจเอื้อประโยชน์ให้กับฝ่ายตรงข้าม
สายลับอิทธิพลน่ากลัวมากกว่าจารชนทั่วไป
เพราะสายลับอิทธิพลสามารถผลักดันให้มีการปรับเปลี่ยนนโยบายเอื้อประโยชน์ให้กับฝ่ายตรงข้ามได้ ซึ่งจะทำให้ประเทศชาติได้รับความเสียหายยิ่งกว่าการกระทำของจารชน
คนไทยรู้หรือยัง... คลิปหลุด หรือตัวนายกฯหลานฮุนเซน ใครคือภัยต่อความมั่นคงของประเทศชาติ?
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี