ล่าสุด มีรายงานว่า การบินไทยสามารถขายเครื่องบินเก่า แอร์บัสยกฝูง
รายงานนี้ ปรากฏในเว็บไซต์ thaiaircrafttrading .com ซึ่งเป็นเว็บไซต์สำหรับประกาศเชิญชวนผู้ที่สนใจในชิ้นส่วนอากาศยาน อากาศยาน และเครื่องจำลองการบิน ของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน)
1. ตรวจสอบพบว่า เว็บไซต์ thaiaircrafttrading .com ได้ขึ้นสถานะ “จำหน่าย” บนเครื่องบินแบบ Airbus A380-800 ทั้ง 6 ลำของการบินไทย
ทั้ง 6 ลำ เคยประจำการในฝูงบินการบินไทย ได้มีสถานะว่า sold out หรือจำหน่ายออกไปหมดแล้ว ได้แก่
- A380-841 รหัสสายการผลิต MSN087 ทะเบียน HS-TUA
- A380-841 รหัสสายการผลิต MSN093 ทะเบียน HS-TUB
- A380-841 รหัสสายการผลิต MSN100 ทะเบียน HS-TUC
- A380-841 รหัสสายการผลิต MSN122 ทะเบียน HS-TUD
- A380-841 รหัสสายการผลิต MSN125 ทะเบียน HS-TUE
- A380-841 รหัสสายการผลิต MSN131 ทะเบียน HS-TUF
ทั้งนี้ ในเว็บไซต์ ไม่ได้ระบุราคาซื้อขาย
คาดว่า น่าจะปรากฏในงบการเงินของบริษัทหลังจากนี้
ทั้งนี้ เป็นการขายในลักษณะตามสภาพที่เป็นอยู่ หมายความว่าเครื่องบินทั้ง 6 ลำ จะไม่สามารถขึ้นบินได้หากไม่ได้มีการซ่อมบำรุงตามแนวทางของผู้ผลิต เนื่องจากถูกจอดไว้เป็นระยะเวลานาน และบางลำมีความจำเป็นต้องเข้าเช็คสภาพตามวาระการใช้งาน
หากผู้ซื้อมีความต้องการให้เครื่องบินสามารถบินได้ และนำไปให้บริการต่อไป คาดว่า ยังจะต้องใช้เงินในการซ่อมบำรุงอีกประมาณ 7-8 ร้อยล้านบาทต่อลำ
เครื่องบินแบบ Airbus A380-800 ฝูงนี้ การบินไทยรับมอบและเริ่มให้บริการตั้งแต่เดือนกันยายน 2012 ต่อมาในเดือนเมษายน 2020 การบินไทยได้ระงับการให้บริการด้วย A380-800 เนื่องจากความต้องการเดินทางทางอากาศลดลงจากการแพร่ระบาดของ Covid-19 ทั้ง 6 ลำ จึงถูกจอดรักษาสภาพไว้ที่ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ และท่าอากาศยานอู่ตะเภา ก่อนจะประกาศขายตามแผนการฟื้นฟูกิจการฯ
2. เมื่อตรวจสอบถึงรายการเครื่องบินรุ่นอื่นๆ ที่ระบุไว้ในเว็บไซต์ดังกล่าว พบว่ามีการขึ้นสถานะ sold out ทุกรุ่น ทั้ง 737-400 747-400 777-200 777-300 A300-600 ตระกูล A340
3. เว็บไซต์ thaiaircrafttrading.com สรุปสถานะการขาย เครื่องบินAirbus A340 Family ระบุว่า “sold out” หรือจำหน่ายออกไปหมดแล้ว ทั้งหมด 9 ลำ
สำหรับ A340-500/600 ของการบินไทย ก็คือรุ่นที่จัดซื้อมาในยุครัฐบาลไทยรักไทย สมัยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ (เลขาธิการพรรคไทยรักไทย) ครั้งกระโน้นนั่นเอง
เครื่องบินแบบ Airbus A340-500 และA340-600 นั้น การบินไทยหยุดใช้งานมานาน 10 กว่าปี และมีความพยายามขายออกอยู่ตลอด (ขาย A340-500 ทะเบียน HS-TLC ให้กับกองทัพอากาศในปี 2559 ด้วยราคา 1,745 ล้านบาท ปัจจุบันเครื่องบินลำนี้มีทะเบียน HS-TYV สังกัดฝูงบิน 602) ลำอื่นๆ ก็ขายหลังจากนั้น
ในส่วนของราคาและผู้ซื้อ ยังไม่มีการเปิดเผยอย่างเป็นทางการ
นี่คือมรดกบาปจากการจัดซื้อเครื่องบินยุครัฐบาลไทยรักไทย ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการขาดทุนมหาศาลของการบินไทย โดยดำเนินการจัดซื้อช่วงปี 2545-2547 (ทักษิณ ชินวัตร นายกฯ)
ในยุคนายกฯ ลุงตู่ กระทรวงคมนาคมตั้งคณะทำงานตรวจสอบข้อเท็จจริงในการบริหารกิจการของบริษัท และปัญหาการทุจริต บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) พล.ต.ท.ชาญเทพ เสสะเวช เป็นประธานคณะทำงานฯ
ได้รายงานผลการตรวจสอบให้รัฐมนตรีช่วยคมนาคม ที่กำกับดูแลการบินไทย คือนายถาวร เสนเนียม ซึ่งต่อมา ได้ทำหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี และประธาน ป.ป.ช. เมื่อวันที่ 31 ส.ค.2563
ผลการตรวจสอบระบุชัดว่า ในปี 2551 ปีแรกที่การบินไทยขาดทุนมากที่สุดถึง 21,450 ล้านบาทนั้น เป็นผลสืบเนื่องมาจากการจัดซื้อเครื่องบิน A340-500 และ A340-600 จำนวน 10 ลำพิสัยไกลพิเศษ ขนาด 4 เครื่องยนต์ มูลค่าตามบัญชี 53,043 ล้านบาท ภายใต้แผนรัฐวิสาหกิจและโครงการจัดหาเครื่องบินตามแผนวิสาหกิจ ช่วงปี 2546-2547
เครื่องบินรุ่นดังกล่าว เข้าประจำการตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2548 ทำการบินเส้นทางบินตรง กรุงเทพฯ-นิวยอร์ก และกรุงเทพฯ-ลอสแองเจลิส โดยใช้เวลาทำการบินเพียง 3 ปีเศษก็ต้องหยุดบิน เพราะขาดทุนทุกเที่ยวบินถึง 12,496 ล้านบาท
การบินไทยปรับเปลี่ยนเส้นทางบินไปยังเส้นทางอื่นรวมแล้ว 51 เส้นทาง ก็ขาดทุนทุกเส้นทางที่ทำการบิน ทำให้ขาดทุนจากการดำเนินงานไม่น้อยกว่า 39,859 ล้านบาท และต้องปลดระวางเครื่องบินก่อนกำหนด ลำสุดท้ายปลดระวางในปี 2556 ใช้เวลาในการเข้าประจำฝูงบิน เพียง 6-10 ปี เทียบกับเวลาการใช้งานของเครื่องบินโดยทั่วไปกำหนดไว้ 20 ปี
ระหว่างจอดรอการจำหน่าย การบินไทยยังต้องประสบปัญหาขาดทุนจากการด้อยค่าของเครื่องบินไม่ต่ำกว่าสองหมื่นล้านบาท
รวมแล้ว เครื่องบินแอร์บัส A340 จำนวน 10 ลำ ทำให้การบินไทยขาดทุนจากผลการดำเนินงานและการด้อยค่า ไม่ต่ำกว่า 62,803 ล้านบาท
ในรายงานการตรวจสอบ ระบุชัดว่า “...การจัดซื้อเครื่องบิน A340 - 500 และ A340 - 600 จำนวน 10 ลำ การบินไทยฯไม่ปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรี โดยเคร่งครัด โดยไม่นำความเห็นและข้อสังเกตของสภาพัฒน์ และกระทรวงการคลังไปพิจารณา…”
แต่สุดท้าย กรณีนี้ ป.ป.ช.มีมติยกคำร้อง ไม่มีการชี้มูลความผิดผู้เกี่ยวข้อง
การขายเครื่องบินเก่าออกไปได้หมด นับเป็นเรื่องที่ดี แต่น่าเสียดายที่ไม่มีใครต้องรับผิดชอบกับการจัดซื้อเครื่องบินที่ผิดพลาดฝูงนี้เลยแม้แต่คนเดียว ทั้งๆ ที่ นำมาซึ่งความเสียหายหลายหมื่นล้านบาท
4. การบินไทย จากที่เคยเกือบล้มละลาย ขาดทุนต่อเนื่องหลายปี
ในปี 2562 ขาดทุนถึง 12,000 ล้านบาท เข้าแผนฟื้นฟูกิจการในปี 2563 แต่ผลประกอบการในปี 2566 การบินไทยพลิกกลับมามีกำไรถึง 28,000 ล้านบาท
ล่าสุด การบินไทยเปิดเผยแผนการจัดหาเครื่องบินฝูงใหญ่ โดยทำความตกลงกับบริษัท โบอิ้ง และบริษัท จีอี แอโรสเปซ จัดหาเครื่องบินแบบโบอิ้ง B787 พร้อมเครื่องยนต์จำนวน 80 ลำ เพื่อเติมเต็มแผนธุรกิจในระยะยาว หลังผลประกอบการกลับมามีกำไร
การบินไทยชี้แจง หลังถูกตั้งคำถามว่ามีการจ่ายค่านายหน้า (Commission) หรือไม่?
การบินไทย ชี้แจงว่า
“บริษัทฯ ขอยืนยันถึงความโปร่งใสในกระบวนการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ ทุกกระบวนการ ซึ่งมีวัตถุประสงค์มิเพียงยกระดับความสามารถในฐานะองค์กรเอกชนที่สามารถปรับตัวให้ทันต่อความเปลี่ยนแปลงของสภาวะการแข่งขันในอุตสาหกรรมการบินระดับโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งบริษัทฯ ได้ดำเนินการพัฒนาและปรับเปลี่ยนกระบวนการทำงานในทุกมิติโดยมีความก้าวหน้ามาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่บริษัทฯ พ้นจากสถานะความเป็นรัฐวิสาหกิจเมื่อปี 2563 ที่ผ่านมา และขอชี้แจงข้อเท็จจริงดังต่อไปนี้
1) บริษัทฯ พิจารณาคัดเลือกแบบเครื่องยนต์และเครื่องบินจากประโยชน์สูงสุดที่บริษัทฯ จะได้รับ อาทิ ต้นทุนเครื่องบิน การปฏิบัติการบิน และการซ่อมบำรุง มาตรฐานด้านความปลอดภัย อัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงและการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เพื่อให้บริษัทฯ สามารถแข่งขันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งมอบประสบการณ์การเดินทางผู้โดยสารด้วยผลิตภัณฑ์และบริการที่เป็นมาตรฐานเดียวกัน
2) บริษัทฯ ดำเนินการด้วยกระบวนการที่เป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติในอุตสาหกรรม เป็นกระบวนการที่ใช้กันอย่างแพร่หลายโดยสายการบินชั้นนำ ให้ความสำคัญกับความโปร่งใสและซื่อตรงไม่ด้อยไปกว่าปัจจัยที่ใช้ในการพิจารณาคัดเลือกในข้อ 1) และดำเนินการโดยตรงกับผู้ผลิตเครื่องยนต์และเครื่องบินโดยไม่ผ่านตัวแทน ปราศจากการครอบงำหรือชี้นำจากกลุ่มบุคคลใด และยืนยันว่าไม่มีบุคลากรของบริษัทฯ คนใดได้รับผลประโยชน์หรือค่าตอบแทนในรูปแบบต่างๆ จากผู้ผลิตที่ได้รับการคัดเลือกในครั้งนี้แต่อย่างใด
3) บริษัทผู้ผลิตเครื่องบินและเครื่องยนต์ที่เข้าร่วมยื่นข้อเสนอเป็นบริษัทฯ ชั้นนำในอุตสาหกรรม มีประมวลจริยธรรม (Code of Conduct) กำกับดูแลการดำเนินธุรกิจที่มีมาตรฐานระดับสูง อีกทั้งยังต้องปฏิบัติตามกฎหมายของประเทศที่ตั้งทางธุรกิจอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในมิติด้านการป้องกันการทุจริต …”
การจัดหาเครื่องบินของการบินไทย โดยผู้บริหารชุดที่เข้าไปฟื้นฟูกิจการ จนกลับมามีกำไรในปัจจุบันนั้น ชัดเจนว่าเป็นการจำกัดจำนวนแบบเครื่องบิน และเลือกเครื่องยนต์ที่เหมาะสม ถอดบทเรียนจากปัญหาที่เคยประสบ
มีต้นทุนความน่าเชื่อถือในเรื่องธรรมาภิบาลมากกว่าในอดีต
ขอเพียงแต่ว่า ฝ่ายการเมืองยุคนี้ อย่าได้เข้าไปล้วงลูก เหมือนในอดีต
มิเช่นนั้นแล้ว ระวังประวัติศาสตร์เลวร้ายย้อนคืนกลับมา
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี