หลังจาก “กะปิตันลุงตู่” พาคณะหัวเครื่องไปเจรจาต้าอวยความเมืองกับ “ลุงทรัมป์” ในแดนพญาอินทรี เมื่อหลายวันก่อน วันนี้คณะหัวเครื่องก็ได้กลับถึงบ้านด้วยสวัสดิภาพ โดยต่างสบายอารมณ์กันทั่วหน้า

ก็จะไม่สบายอารมณ์กันได้อย่างไร เมื่อ “เจ้าสัวทรัมป์” ให้การต้อนรับ “คณะลุงตู่” ด้วยไมตรีจิตระดับ “เพื่อนต้อนรับเพื่อน”

การไป “จับมือเช็คแฮนด์” ระหว่างลุงตู่กับลุงทรัมป์ครั้งนี้ ลุงตู่ได้ “พกลูกยอไปเป็นเข่งๆ” และ “พกสีผึ้งทาปากไปหลายตลับ” เพื่อจะได้พูดมธุรสวาจาภาษาดอกไม้จนฝ่ายต้อนรับหลงใหล

ดังนั้น จึงไม่น่าแปลกใจ “กะปิตันลุงตู่” ที่เคยดุนักข่าวไทยอย่างถี่บ่อย ได้เปลี่ยนบุคลิก 360 องศา อย่างมืออาชีพโดยสวมวิญญาณชายไทยผู้เชี่ยวชาญ “เรื่องปากหวาน” ยิ่งกว่าชายชาติใดในโลกกับ เจ้าสัวทรัมป์” จนท่านเจ้าสัวถึงกับยิ้มปากไม่ยอมหุบ

ในบรรดาคำหวานทั้งหลาย คำกล่าวที่มีต่อเจ้าสัวทรัมป์ ว่า “สหรัฐอเมริกาคือ เพื่อนแท้ ของไทย” ถือเป็น “คำหวาน” ที่หวานยิ่งกว่า “น้ำผึ้งเดือนห้า ในป่าเหนือเมื่อหน้าแล้ง” เสียอีก

ส่วนในโอกาสที่ “ลุงตุ่” ได้พบกับคนไทยในสหรัฐอเมริกาที่เดินทางมาต้อนรับนั้น แม้จะไม่หยอดคำหวานราวกับน้ำตาลเมืองเพชรให้แก่คนไทยที่นั่น แต่ “กะปิตันลุงตู่” ก็ได้มอบสัมโมทนียกถา ให้แก่คนไทยที่อยู่ในสหรัฐอย่างลึกซึ้ง

“กะปิตัน” กล่าวว่า คนไทยในสหรัฐอเมริกาส่วนใหญ่เป็น “คนเก่งคนดี” แต่บางท่านอาจเข้าใจเรื่องราวเกี่ยวกับประเทศไทยผิดไป เพราะมีผู้ไม่หวังดี “ฝังชิพ” ไว้ให้เชื่อเช่นนั้น

ดังนั้น ตนจึงขออาสา “แกะชิพเก่า” และ “ฝังชิพใหม่” เพื่อให้เข้าใจสถานการณ์ในประเทศไทยได้ถูกต้อง

“กะปิตัน” เยือนสหรัฐอเมริกาครั้งนี้ นอกจากได้ “ผลบวก” ทั้งด้านการเมือง ด้านการค้า และด้านความมั่นคงแล้ว ยังได้ “ขายหมากหอมเยาวราช” และ “ฝังชิพใหม่” ให้คนไทยที่นั่นอีกต่างหาก

ณ วันนี้ คงต้องยกโป้งให้ท่านกะปิตันเป็นผู้เชี่ยวชาญ “ปากหวานฝังชิพ” ระดับมืออาชีพ